ความฝันของผมที่อาจจะสร้างแรงบันดาลใจได้....ไม่มากก็น้อย

สวัสดีครับ

ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกของผมที่เริ่มเขียน(แบบจริงๆจังๆ) และเป็นสิ่งที่ผมอยากบอกกับใครหลายๆคนที่ผมรู้จัก
แต่ผมกลับตระหนักว่าความคิดความอ่านของผมมันออกจะดูเพ้อฝันจนเกินไปและมันก็อาจจะไม่มีทางเป็นจริงได้เลยด้วความสามารถ
ของผมในตอนนี้ แต่ก็ไม่แน่ในอาคตมันอาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้ซักวันนึง วันนี้ผมเลยอยากจะมาบอกเล่าความฝันของผมที่ไม่สามารถ
เล่ากับใครได้เพราะมันดูจะเกินตัวไปอยู่มาก(มากๆเลย)

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า สิ่งที่ผมจะพูด(ซึ่งในที่นี่หมายถึงพิมพ์) ในวันนี้ มันเป็นแค่ความฝัน เป็นแค่ทฤษฎีที่ผมคิดเอาเองว่ามันน่าจะ
(แค่น่าจะ) เป็นไปได้มันไม่ได้ช่วยให้ใครสามารถนำไปใช้เพื่อประสบความสำเร็จได้หรอก แต่ถ้าเป็นแรกจูงใจและกำลังใจนั่นก็ไม่แน่
(ขึ้นอยู่กับว่าผมจะเขียนมันได้ดีรึเปล่า)และผมคงจะเขียนมันยาวเหยียดแน่ๆ เพราะฉนั้นใครที่อยู่บนโลกของความเป็นจริงและกลัวที่
จะเสียเวลาเปล่าในการอ่านบทความนี้ก็ขอให้ข้ามไปนะครับ

.... ผมเตือนแล้วนะ

ก็อย่างที่บอกไปในตอนแรกนั่นแหละครับ ผมมีความฝัน และเหมือนจะเป็นความฝันที่อยู่ไกลซะเหลือเกินสำหรับผมในตอนนี้ และฝัน
ที่ว่ามันคืออะไรนะหรอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมกลับพบว่าตัวเองชื่นชอบที่จะดูภาพยนตร์ และชื่นชอบมากถึงขั้นทำให้ผมเลือกทางเดิน
สายนี้โดยหวังว่าซักวันหนึ่งผมอาจจะได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ดีๆกับเขาบ้างซักเรื่อง แต่นั่นก็ไม่ใช่ความฝันของผมหรอกครับ นั้นคือ
จุดเริ่มต้นของความฝัน ฝันที่ว่า "อยากจะเห็นหนังไทย เป็นที่ยอมรับและเป็นสากลมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน" (อู้วววว เริ่มเพ้อเจ้อแล้วว)
ก็ไม่ใช่ว่าหนังไทยมีดีหรอกนะครับ แต่ผมกลับตระหนักว่า เกรดของหนังไทยยังไม่ได้ครึ่งนึงของหนังจากยุโรป แต่แน่นอน ไม่ใช่ว่า
คนไทยไม่เก่ง ผมทราบมาว่าหนังฝั่งยุโรปหลายๆเรื่องได้คนไทยนี่แหละไปเป็นฟันเฟืองด้วยเหมือนกัน และผมก็ภูมิใจที่เรามีคนเก่งๆ
ที่สามารถ โกอินเตอร์ได้มากมาย และผมก็อยากจะเก่งให้ได้เท่าๆกับเขาในซักวันนึง แล้วปัญหามันอยู่ที่ตรงใหนละครับผมก็คงจะ
ไม่พ้นตัวเงินที่เราไม่สามารถทุ่มทุนได้เท่ากับเขานั่นแหละ (ก็แหง หนังเรามันไม่ได้ฉายทั่วโลกนี่หว่า) ที่นี้พอผมเริ่มตระหนักถึงปัญหา
มันเลยสร้างแรงผลักดันให้ผมเป็นผมในวันนี้ มันทำให้ผมเริ่มคิดว่าจะทำยังไงให้ให้เราเป็นที่ยอมรับ และสามารถทำในสิ่งที่ฝันได้ซักที
และแล้วผมก็ได้คิดทฤษฏีของผมขึ้นมาเอง (ด้วยสมองอันเล็กจ้อยและไม่ได้หาข้อมูลเบื้องลึง หรือถ้าเป็นภาพวาดก็คือการร่างภาพกากๆ
โดยมีแค่เส้นขีดตัดกันไปมา)ในทฤษฏีของผม ผมว่างแผนเอาไว้ว่าก่อนที่เราจะมีเงินทุนจำนวนมหาศาลได้นั้นเราจะต้องทำตัวให้เป็นที่รู้
จักซะก่อน เพราะงั้นหนังที่ผมอยากจะสร้างที่อยากจะให้มันโกอินเตอร์นั้นผมจะต้องสร้างภูมิหลังให้กับมัน ทำยังไงนะหรอ ความคิดนี้
อาจจะดูบ้าไปหน่อยแต่ผมคิดถึงขั้นการเริ่มจากการเขียนหนังสือขึ้นมาก่อนเลยเขียนเป็นนวนิยายไปเลย เรื่องเด็ดๆ เรื่องที่บ่งบอกถึง
ความเป็นไทย เรื่องที่ไม่ซ้ำซาก (คิดถึงขั้นเอาตัวละครในนวนิยายไทยมาดัดแปลงแล้วสร้างขึ้นเป็นตัวละครใหม่กันเลยทีเดียว) มันอาจจะ
ดูแย่ที่ผมคิดจะเปลี่ยนแปลงอะไรที่มีมานานแล้ว แต่ไม่รู้ซิ ผมชอบนะ ชอบที่จะคิด(หรื่อที่หลายๆคนเรียกว่า เพ้อเจ้อนั่นแหละครับ) ครับ
และนวนิยายเล่มนั้นที่ผมจะเขียนผมหวังอยากจะให้มันบูม และอยากให้มันกลายเป็นเรื่องน่าติดตามเหมือนหนังสือหลายๆเรื่อง ที่มีคน
อ่านทั่วโลก (ไปไกลแล้ว สงสัยวันนี้เมากาว 555+) แต่ก็ไม่แน่หรอก ในความจริงผมอาจจะไม่ใช่คนที่เขียนมันก็ได้ แต่อาจจะเจอใคร
ซักคนที่ทำได้และมีแนวคิดที่ไม่แตกต่างจากตัวผมมากนัก (ซึงคิดว่าคงหายากน่าดูคนเพ้อเจ้อระดับ 10 ดาวแบบผม 555+)
แต่ใครจะเขียนก็ไม่สำคัญหรอกครับ ถ้ามันสามารถไปได้ถึงขั้นนั้น (ซึ่งผมคิดว่าผมคงไปไม่ถึงหรอก แต่ก็จะพยายาม ^^) ผมก็อาจจะ
สามารถหาทุนที่ต้องการอย่างมหาศาลนั่นได้ไม่ยากนัก และนั่นก็น่าจะเป็นใบเบิกทางให้วงการของเราสามารถขยับขึ้นไปในระดับที่ผม
หวังได้ (น่าจะ Maybe ปรกติเวลาผมพูดคำนี้ทีไร มันไม่เคยจะเป็นตามคาดซักที) และถึงวันนั้นฝันของผมก็น่าจะเป็นจริงได้ ลอง
จินตนาการดูซิครับ ว่าวันที่วงการหนังไทยสามารถหาสปอนเซอร์ได้ครั้งละหลายพันล้าน วันที่เราสามารถทำให้หนังของเราสำเร็จได้ตาม
เป้าหมายสูงสุดในหัวเรา วันที่คนทำหนังลุกขึ้นมาแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที (ซึ่งผมคิดเอาเองว่า มีคนทำหนังหลายๆคนที่ไม่สามารถทำ
หนังของตนได้ตามที่คิดไว้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องเพดานเงิน) ถึงวันนั้นเราจะได้เห็นหนังไทย ปีละหลายๆสิบเรื่องที่โด่งดังและ
เป็นที่รู้จัก มีผู้กำกับเก่งๆและโด่งดังมากมาย มีค่ายหนังไทยที่ขึ้นโดงดังไปทั่วโลกวันที่หนังของเราจะมีนักแสดงระดับนานาชาติ
และวันที่นักแสดงของเราก็เป็นนักแสดงระดับนานาชาติได้เช่นกัน ผมไม่รู้นะว่าใครจะคิดแบบใหนแต่สำหรับผมมัน....ว้าว!!! สำหรับคนที่
ชอบดูหนังอย่างผม มันวิเศษมากๆ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้จะหาคำใหนมาบรรยายเลยละครับ และนั่นเองครับที่เป็นแรงผลักดันสำหรับผม
มันเป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงจูงใจที่ทำให้ผมตั้งใจศึกษาสิ่งที่ผมรัก ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ได้โปรดอย่านึกภาพผมใส่แว่นเป็น
เด็กเนิร์ดนั่งอ่านตำราเล่มหนาเตอะ หรือพวกที่ถ่ายวีดีโอแล้วตัดต่อได้ทั้งวันเลยครับ เพราะผมห่างไกลจากจินตนาการเหล่านั่นเยอะ
ผมก็ยังคงเป็นเด็กทั่วๆไป ที่ยังเที่ยวบ้าง ติดเกมส์บ้าง ซื้อของไรสาระที่ไม่จำเป็นบ้าง แต่เชื่อเถอะครับผมตั้งใจจะทำตามความฝันของ
ผมจริงๆ และผมคิดว่าผมทำได้ดีด้วย ณ ตอนนี้ และผมไม่เคยลืมเป้าหมายของผมเลยแม้แต่น้อย

และถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะยังเป็นเด็กมหาลัยต๊อกต๋อยอยู่ และถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจากสิ่งที่หวังไว้มากๆ (มากที่สุด) แต่ผมก็
พยายามหาทางมองหาความเป็นไปได้ และหมั่นฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอๆ โดยคิดถึงสิ่งที่จะได้รับเมื่อผมทำได้ตามที่ฝันไว้ มันรู้สึกคุ้มค่า
มากจนทำให้ผมพร้อมที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆอยู่เสมอๆ และทุกครั้งที่ผมเรียนรู้สิ่งต่างๆ ยิ่งมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกมีหวังมากยิ่งขึ้น
ผมมีความสุขมากๆที่ได้ทำในสิ่งที่ผมรัก

แต่ยังไงก็ตาม สิ่งที่ผมคิดเหล่านี้มันเป็นเพียงแค่แรงจูงใจและแรงบันดาลใจสำหรับผมเท่านั้น ผมอาจจะทำมันได้สำเร็จ
แต่ก็คงจะไม่ใช่เร็วๆนี้ อาจจะสิบปี ยี่สิบปีจากนี้ หรืออาจจะทำไม่สำเร็จเลยก็ได้ใครจะไปรู้ คนเราเกิดมาก็เริ่มคิดแล้ว และผมก็อาจจะ
แค่คิดเพ้อเจอจนเกินไปก็เป็นได้ แต่ผมก็จะไม่หยุดฝันหรอกครับ จะไม่หยุดเพ้อเจ้อด้วย ถึงแม่ว่าอนาคตมันอาจจะไม่สวยงาม ถึงแม่จะ
มีความเป็นไปได้ว่าอาชีพนี้อาจจะทำให้ผมไม่เหลืออะไรเลย แต่จะมีสิ่งนึงแน่ๆที่ผมจะไม่ยอมทิ้งมันไป นั่นคือความพยายาม ไม่ว่าอนาคต
ของผมในเส้นทางนี้จะลำบาง ผมอาจจะห่วย แต่เชื่อว่าถ้าผมพยายาม ซักวันผมจะต้องเก่งขึ้นอย่างแน่นอน และผมจะไม่หยุดจนกว่าผม
จะเก่งพอที่จะทำตามฝัน (ไปดาวอังคารแล้วตอนนี้)และผมเชื่อว่าหลายๆคนก็มีความฝัน และผมหวังเป็นอย่างมากว่าคนเหล่านั้นจะได้
ผ่านมาอ่านสิ่งที่ผมได้เขียนไว้ในกระทู้แห่งนี้ ผมอยากให้กระทู้นี้สร้างแรงจูงใจ ให้กับคนที่มีความฝัน ไม่ว่าจะเรื่องใหนก็ตาม ผมยังหวัง
เล็กว่ากระทู้นี้อาจจะจุดไฟของใครซักคนที่กำลังมอดให้มันลุกโชนขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้งและพร้อมที่จะวิ่งตามฝันของตัวเองเหมือนผม
เด็กหนุ่มเพ้อเจ้อคนนึงที่กำลังวิ่งตามความฝันของตัวเองอยู่ในตอนนี้ และจากกระทู้นี้ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะถูกใจใครรึเปล่า แต่ผมก็อยากจะ
ขอขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่าน และจงรับรู้ไว้ว่าผมรู้สึกโลงมากที่ได้มาระบายออกในกระทู้นี้ และโปรดอย่าสงสัยว่า เรื่องที่ผมไม่กล้าแม้แต่
บอกคนใกล้ตัวทำไมถึงเอามาโพสในที่สาธรณะ นั้นเพราะอย่างน้อยพวกคุณก็ไม่รู้จักผมพวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้จักผมด้วยซ้ำแต่ผม
ก็สามารถระบายความรู้สึกภาคภูมิใจนี้ได้ และถึงแม่คุณจะตามหาและรู้ว่าผมเป็นใคร ผมก็ไม่รู้จักคุณอยู่ดี มันก็เหมือนกับผมกำลังนั่ง
พูดอยู่คนเดียวในที่โล่งซึงใครที่เดินผ่านมาอาจจะหยุดฟังมันหรือเดินผ่านไปเลยก็ได้ (แต่มันดีหน่อยตรงที่ผมไม่ต้องไปพูดคนเดียวๆ
จริงๆ ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองว่าผมบ้า) ผมรู้สึกสบายใจจริงๆครับที่ได้เขียนและผมก็ไม่ใช่นักเขียนที่ดีนัก(จริงๆผมค่อนข้างปาก..มา
เลยหละ) เพราะงั้นใครที่อ่านจนจบแล้วไม่รู้เรื่องหรือรู้สึกว่ามันไร้สาระก็ต้องขอโทษด้วยนะครับส่วนใครที่อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจก็
ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยก็แล้วกัน

และสุดท้ายผมหวังว่า ซักวันนึงผมจะสามารถทำได้ตามที่ผมได้เขียนเอาไว้ในกระทู้นี้ได้ แล้ววันนั้นผมจะกลับมาเขียนมันใหม่ เพื่อเป็น
แรงบันดาลใจ(ที่เป็นไปได้จริงๆ) และผมจะกลับมาแบ่งปันความสำเร็จนั้นกลับพวกท่านอีกครั้งนึง ผมหวังว่าผมจะมีวันนั้นจริงๆ และผม
อยากขอให้พวกท่านอวยพรให้กับการวิ่งไล่ตามความฝันของผมด้วย และแน่นอนผมก็จะอ้วยพรขอให้ท่านสมดังหวังของท่านเช่นกัน
และสำรับใครที่ทนอ่าน (ใช้คำว่าทนอ่าน) มาได้ถึงตรงนี้ ผมก็ต้องขอขอบคุณท่านจากใจจริง ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไร แต่จงรู้ไว้ว่าท่าน
เป็นคนหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับผม เพราะหากท่านอ่านมาถึงตรงนี้นั่นหมายถึงท่านยอมที่จะรับฟังคนเพ้อเจ้ออย่างผมคนนี้ ผมต้องขอ
ขอบคุณพวกท่านจริงๆครับ  สำหรับกระทู้นี้ผมคงไม่มีอะไรจะเขียนมากมายไปกว่านี้อีกแล้ว ผมขอลาไปเพียงเท่านี้แล้วกันครับ

....บายยย ^^ .....


ปล. ขออภัยด้วยเรื่องแท็ก ผมไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรดี และไม่รู้จะแท็กอะไรดี เลยแท็กชีวิตวัยรุ่น กะ ภาพยนตร์ไทยไป
      ผิดพลาดตรงใหนขออภัยด้วย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่