ฉาวซ้ำ สนช.ใช้ ขรก.ทำแทนลูก-เมีย
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สนช.กว่า 50 คน แต่งตั้งคนใกล้ชิดและคนในครอบครัว มาช่วยงานสมาชิก สนช.นั้น ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพียงในนาม เพราะงานตามหน้าที่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการประจำตัว สนช.ที่จะต้องทำ ยังตกเป็นของข้าราชการประจำที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้ โดย สนช.ไม่ได้มีการใช้งานคนใกล้ชิดที่แต่งตั้งเข้ามาให้มาดูแลงานดังกล่าว หาก สนช.คนใดมีปัญหาด้านเอกสาร หรือการเสนอญัตติ ก็จะมอบหมายให้ข้าราชการเป็นผู้ดำเนินการให้ เช่น การพิมพ์หนังสือ การติดต่อประสานงานบุคคลต่างๆ การให้ความเห็นข้อกฎหมาย และคนใกล้ชิดที่ได้รับการแต่งตั้งส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาทำงานที่รัฐสภา เป็นเพียงการแต่งตั้งในนามเท่านั้น ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเพิ่มภารกิจงานให้แก่เจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำที่มีงานมากอยู่แล้ว
โยนเข้าวิป สนช.หาทางแก้ไข
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวว่า ยอมรับว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สะท้อนมายัง สนช.จำนวนมากต่อกรณีมีการแต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงาน สนช. ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมวิป สนช. เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนตัวเห็นว่าถ้าแต่งตั้งลูก-เมียที่มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับภารกิจก็ทำได้ เพราะต้องใช้คนที่ไว้วางใจได้มาช่วยงาน แต่ถ้าตั้งคนที่ไม่เหมาะสมกับภารกิจ ก็ถือว่าไม่เหมาะส่วนการวิจารณ์ว่าคนใกล้ชิดเหล่านี้มาช่วยงานเพียงในนาม ไม่ได้มาช่วยงาน สนช.ที่สภาฯจริง โดยงานส่วนใหญ่ยังเป็นภาระของข้าราชการนั้น ยืนยันว่าสนช.ได้ใช้งานคนกลุ่มนี้จริง แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้นำลูก เมีย มาช่วยงานที่รัฐสภา เพราะสภาฯมีที่ทำงานจำกัด และ สนช.ไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง แม้จะไม่ได้มาทำงานที่รัฐสภา ก็อาจทำงานผ่านระบบสื่อสารได้ ส่วนงานที่ข้าราชการทำเป็นเรื่องงานในระบบราชการ เป็นคนละส่วนกับงานของคนใกล้ชิด
ยื่น ป.ป.ช.สอบผลประโยชน์ทับซ้อน
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 3 มี.ค. จะไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ สนช.ที่แต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในตำแหน่งต่างๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองที่แต่งตั้งลูกเมียตัวเองมาช่วยงาน ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่เช่นกัน ทั้งที่ คสช. มีวัตถุประสงค์ไม่อยากให้เกิดการทุจริต และใช้อำนาจหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่ สนช.ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สายของ คสช. กลับมาทำไม่ถูกต้องเสียเอง จึงต้องยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
ที่มา นสพ.ไทยรัฐ 3 มี.ค.58
ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการประจำตัว จริงหรือ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ สนช.กว่า 50 คน แต่งตั้งคนใกล้ชิดและคนในครอบครัว มาช่วยงานสมาชิก สนช.นั้น ส่วนใหญ่เป็นการแต่งตั้งเพียงในนาม เพราะงานตามหน้าที่ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการประจำตัว สนช.ที่จะต้องทำ ยังตกเป็นของข้าราชการประจำที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้ โดย สนช.ไม่ได้มีการใช้งานคนใกล้ชิดที่แต่งตั้งเข้ามาให้มาดูแลงานดังกล่าว หาก สนช.คนใดมีปัญหาด้านเอกสาร หรือการเสนอญัตติ ก็จะมอบหมายให้ข้าราชการเป็นผู้ดำเนินการให้ เช่น การพิมพ์หนังสือ การติดต่อประสานงานบุคคลต่างๆ การให้ความเห็นข้อกฎหมาย และคนใกล้ชิดที่ได้รับการแต่งตั้งส่วนใหญ่ไม่ได้เข้ามาทำงานที่รัฐสภา เป็นเพียงการแต่งตั้งในนามเท่านั้น ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเพิ่มภารกิจงานให้แก่เจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำที่มีงานมากอยู่แล้ว
โยนเข้าวิป สนช.หาทางแก้ไข
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. กล่าวว่า ยอมรับว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สะท้อนมายัง สนช.จำนวนมากต่อกรณีมีการแต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงาน สนช. ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมวิป สนช. เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ปัญหา ส่วนตัวเห็นว่าถ้าแต่งตั้งลูก-เมียที่มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับภารกิจก็ทำได้ เพราะต้องใช้คนที่ไว้วางใจได้มาช่วยงาน แต่ถ้าตั้งคนที่ไม่เหมาะสมกับภารกิจ ก็ถือว่าไม่เหมาะส่วนการวิจารณ์ว่าคนใกล้ชิดเหล่านี้มาช่วยงานเพียงในนาม ไม่ได้มาช่วยงาน สนช.ที่สภาฯจริง โดยงานส่วนใหญ่ยังเป็นภาระของข้าราชการนั้น ยืนยันว่าสนช.ได้ใช้งานคนกลุ่มนี้จริง แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้นำลูก เมีย มาช่วยงานที่รัฐสภา เพราะสภาฯมีที่ทำงานจำกัด และ สนช.ไม่มีห้องทำงานเป็นของตัวเอง แม้จะไม่ได้มาทำงานที่รัฐสภา ก็อาจทำงานผ่านระบบสื่อสารได้ ส่วนงานที่ข้าราชการทำเป็นเรื่องงานในระบบราชการ เป็นคนละส่วนกับงานของคนใกล้ชิด
ยื่น ป.ป.ช.สอบผลประโยชน์ทับซ้อน
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 3 มี.ค. จะไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบ สนช.ที่แต่งตั้งภริยา บุตร และเครือญาติมาช่วยงานในตำแหน่งต่างๆ เช่น ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ เพราะเห็นว่าเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองที่แต่งตั้งลูกเมียตัวเองมาช่วยงาน ถือเป็นการทุจริตต่อหน้าที่เช่นกัน ทั้งที่ คสช. มีวัตถุประสงค์ไม่อยากให้เกิดการทุจริต และใช้อำนาจหน้าที่อย่างถูกต้อง แต่ สนช.ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำ 5 สายของ คสช. กลับมาทำไม่ถูกต้องเสียเอง จึงต้องยื่นเรื่องให้ตรวจสอบเพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน
ที่มา นสพ.ไทยรัฐ 3 มี.ค.58