คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ผมคิดว่าการแต่งงานกับคนที่เรารัก เป็นการพบความสุขในอีกระดับที่เราอาจจะไม่สามารถพบได้เองด้วยตัวคนเดียว
หากเราเจอคนที่เราอยู่กับเขาได้โดยที่เรายังคงเป็นตัวของเรา และเขาก็ยังเป็นตัวของเขา ทั้งคู่มีความสุขกับการเป็นตัวของตนเองโดยที่มีอีกคนอยู่ด้วย
ไม่ได้บอกว่า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่บางครั้งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความสุขขึ้น อย่างเมื่อก่อนวันๆถ้าว่างผมก็เล่นเกม แต่พอคบกับแฟนเก่าที่ชอบดูหนังผมก็ไปดุหนังกับเธอ จนทุกวันนี้ผมก็ยังชอบดูหนังอยู่แทนที่จะเล่นเกมเยอะแบบก่อนนั้น แฟนเก่าคนนั้นไม่เคยฟังเพลงสากล แต่มาคบกันผมที่ชอบฟัง เธอก็ฟังด้วย เลิกลากันไปทุกวันนี้เธอก็ยังฟัง ขนาดซื้อCDของแท้เองเลยด้วย
ผมไม่เที่ยว ไม่ดื่มกับเพื่อนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็เลยไม่รู้สึกสูญเสียอะไรตรงนี้ไป แต่เมื่อเพื่อนนัดเจอไม่ว่าจะกินข้าวกัน หรือทำงาน แฟนเก่าผมก็ไม่ได้ห้ามอะไร ไม่มีอิสระภาพถูกริดรอนไป
เราทำงานหนักเพื่อเขา เขาก็ทำงานหนักเพื่อเราเช่นกัน เราทำงานหนักเพื่อกันและกัน เพื่ออยู่กันอย่างมีความสุข
แน่นอนว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกหลาบ(หรือดาวเรือง) บางครั้งเราอาจจะเหนื่อย จะท้อ การมีคนที่เรารักและรักเราอยู่ข้างๆ มันทำให้เรามีแรงกลับขึ้นมาทำอะไรๆต่อไปได้เสมอ หากไร้แรงกำลังใจนี้แล้วเราอาจจะทำบางอย่างไม่ได้ก็ได้
ผมเคยทำวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งมันใหญ่มากในด้านและในระดับที่ผมเรียนอยู่ เรียกได้ว่าเกินตัวไปพอสมควรเลย
แต่ผมก็บอกตัวเองว่าผมทำไปเพราะผมจะได้มีอนาคตดีๆดูแลเธอได้ ให้เหมาะสมกับสิ่งดีๆที่เธอมีให้ผม ระหว่างทางมีที่ผมเหนื่อย ท้อ แต่แค่หยิบหนังสือทำมือที่เธอให้เป็นของขวัญวันครบรอบขึ้นมาเปิดดู เปิดอ่านเรื่องของเรา ผมก็กลับมามีพลังที่จะทำงานต่อไปจนสำเร็จ
ผมมั่นใจเลยว่า หากไม่มีกำลังใจจากเธอแล้วผมคงจะทำงานวิจัยให้ดี(อย่างที่ผมอยากจะทำ)ไม่ได้
ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะต้องอยู่กับคนๆเดียวไป ตื่นมาก็เจอเป็นคนแรก ก่อนนอนก็เห็นเป็นคนสุดท้าย อยากให้เป็นแบบนั้นไปตลอดด้วย(เสียดายที่มันไม่เป็นแบบนั้น) ก็ผมอยู่กับความสุขนินา แล้วใครกันล่ะจะเบื่อความสุขที่สุดที่ชีวิตเคยมีมา?
ตลอดเวลาที่อยู่กับเธอตอนนั้น ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมแลกอะไร หรือเสียอะไรไป ในทางตรงกันข้าม ผมณุ้สึกถูกเติมเต็ม รู้สึกว่าคำภาวนาของผมต่อพระเจ้าได้ถูกตอบแล้วต่างหาก
หากเราเจอคนที่เราอยู่กับเขาได้โดยที่เรายังคงเป็นตัวของเรา และเขาก็ยังเป็นตัวของเขา ทั้งคู่มีความสุขกับการเป็นตัวของตนเองโดยที่มีอีกคนอยู่ด้วย
ไม่ได้บอกว่า จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย แต่บางครั้งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความสุขขึ้น อย่างเมื่อก่อนวันๆถ้าว่างผมก็เล่นเกม แต่พอคบกับแฟนเก่าที่ชอบดูหนังผมก็ไปดุหนังกับเธอ จนทุกวันนี้ผมก็ยังชอบดูหนังอยู่แทนที่จะเล่นเกมเยอะแบบก่อนนั้น แฟนเก่าคนนั้นไม่เคยฟังเพลงสากล แต่มาคบกันผมที่ชอบฟัง เธอก็ฟังด้วย เลิกลากันไปทุกวันนี้เธอก็ยังฟัง ขนาดซื้อCDของแท้เองเลยด้วย
ผมไม่เที่ยว ไม่ดื่มกับเพื่อนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ก็เลยไม่รู้สึกสูญเสียอะไรตรงนี้ไป แต่เมื่อเพื่อนนัดเจอไม่ว่าจะกินข้าวกัน หรือทำงาน แฟนเก่าผมก็ไม่ได้ห้ามอะไร ไม่มีอิสระภาพถูกริดรอนไป
เราทำงานหนักเพื่อเขา เขาก็ทำงานหนักเพื่อเราเช่นกัน เราทำงานหนักเพื่อกันและกัน เพื่ออยู่กันอย่างมีความสุข
แน่นอนว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกหลาบ(หรือดาวเรือง) บางครั้งเราอาจจะเหนื่อย จะท้อ การมีคนที่เรารักและรักเราอยู่ข้างๆ มันทำให้เรามีแรงกลับขึ้นมาทำอะไรๆต่อไปได้เสมอ หากไร้แรงกำลังใจนี้แล้วเราอาจจะทำบางอย่างไม่ได้ก็ได้
ผมเคยทำวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งมันใหญ่มากในด้านและในระดับที่ผมเรียนอยู่ เรียกได้ว่าเกินตัวไปพอสมควรเลย
แต่ผมก็บอกตัวเองว่าผมทำไปเพราะผมจะได้มีอนาคตดีๆดูแลเธอได้ ให้เหมาะสมกับสิ่งดีๆที่เธอมีให้ผม ระหว่างทางมีที่ผมเหนื่อย ท้อ แต่แค่หยิบหนังสือทำมือที่เธอให้เป็นของขวัญวันครบรอบขึ้นมาเปิดดู เปิดอ่านเรื่องของเรา ผมก็กลับมามีพลังที่จะทำงานต่อไปจนสำเร็จ
ผมมั่นใจเลยว่า หากไม่มีกำลังใจจากเธอแล้วผมคงจะทำงานวิจัยให้ดี(อย่างที่ผมอยากจะทำ)ไม่ได้
ผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะต้องอยู่กับคนๆเดียวไป ตื่นมาก็เจอเป็นคนแรก ก่อนนอนก็เห็นเป็นคนสุดท้าย อยากให้เป็นแบบนั้นไปตลอดด้วย(เสียดายที่มันไม่เป็นแบบนั้น) ก็ผมอยู่กับความสุขนินา แล้วใครกันล่ะจะเบื่อความสุขที่สุดที่ชีวิตเคยมีมา?
ตลอดเวลาที่อยู่กับเธอตอนนั้น ผมไม่เคยรู้สึกว่าผมแลกอะไร หรือเสียอะไรไป ในทางตรงกันข้าม ผมณุ้สึกถูกเติมเต็ม รู้สึกว่าคำภาวนาของผมต่อพระเจ้าได้ถูกตอบแล้วต่างหาก
แสดงความคิดเห็น
มีเหตุผลอะไรทำไมคุณถึงอยากแต่งงาน????
ปล. โดยเฉพาท่าน สุภาพบุรุษ ขอความกรุณาช่วยตอบให้หายสงสัยที ท่าน สุภาพสตรีก็ตอบได้นะ
ปล. การแต่งงานคือ ความฝันสูงสุดของ ผญ จริงหรอ ???