พี่หมอครับอย่าพูดกับผมว่า "ลูกผมปกติ คุณต่างหากที่ต้องเปิดใจ"
ขอระบายหน่อยนะครับ ผมว่าหลายคนก็เกิดข้อกังขาในเรื่องนี้ในใจเพียงแต่ว่า เมื่อคนพวกนี้มีมากขึ้น
จนกลายเป็นสิ่งปกติของสังคม สิ่งเดียวที่ทำให้สังคมสงบสุข คือการเปิดใจยอมรับ ดีตรงสังคมยุคนี้เปิดรับบุคคลประเภทนี้ เพราะเขาก็คนนึง ของสังคม แต่วงการแพทย์หรือสังคมกรุณา อย่าไปประนามผู้ที่เขาไม่ยอมรับหรือต่อต้านว่าเป็นคน "ขวางโลก" หรือข้อความประเภท "ถามจริงมีเพื่อนกี่คน"
แม้แต่หรือคนที่มาโพสท์ทางลบ ผมว่าเขามีเพื่อนหลายคน เพศชาย ชายแท้บ้าง เบี่ยงเบนบ้างครบทุกเพศ
ผมเป็นชาวพุทธ ผมเชื่อในสัจธรรม ผมเชื่อในความเป็นธรรมชาติ อะไรที่ผิดธรรมชาติ ผมไม่ยอมรับว่านั่นคือเรื่อง"ปกติ"
ธรรมบัญญัติ ถือไว้ชัดเจน ผู้ใดที่ส่อไปทางผิดเพศ บวชไม่ได้ ผมถือตามนั้น พระไตรปิฎก มองการณ์ตามความเป็นจริงเสมอ ชายแท้บวชยังต้องใช้ใจเกินร้อยในการชนะมาร เพื่อการให้บรรลุธรรม ชายไม่แท้ต้องใช้ใจเท่าไหร่ ถึงจะชนะมาร โดยเฉพาะเรื่องการสำรวม ซึ่งบุคคลประเภทนี้ ส่วนมาก(ไม่ใช่ไม่มีเลย) สมองส่วนหน้าว่าด้วยพฤติกรรมด้อยกว่าเพศปกติเขาอยู่แล้วโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ การปล่อยให้บุคคลประเภทนี้มีโอกาสบวชเรียนเพียงแค่ตีความผิดว่า แค่ "ห่มผ้าเหลือง" ก็ได้ชื่อว่า ได้แทนคุณบิดามารดา
ในฐานะของผู้ที่เกิดมาแล้วได้ใบสูติ ในนามของเพศชายแล้ว
ทุกวันนี้บุคคลประเภทนี้ได้ไปสร้างมลทินให้กับพุทธศาสนา เท่าไหร่บ้าง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็ดี การคิดพิศวาสแบบซ่อนเร้นกับภิกษุรูปอื่นก็ดี มีให้เห็นกันบ่อยครั้ง
ขอเข้าเรื่องซะทีนะครับ คือผมพาลูกชาย ไปหาคุณหมอ ซึ่งเป็นหมอจิตวิทยาเด็ก ผมรู้อยู่แล้วว่าลูกชายผมเบี่ยงเบน ไม่ได้เบี่ยงเบนเพราะสิ่งแวดล้อม อันนี้เบี่ยงเบนเพราะเคมีในสมองล้วนๆ (ที่บ้าน โรงเรียน ไม่มีบุคคลเบี่ยงเบน) และเขาเด็กเกินกว่าจะเบี่ยงเบนเพราะสิ่งแวดล้อม
ลูกผมเป็นอะไร ผมรู้อยู่แล้ว และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงเขา ไม่เคยอยากให้เขาเป็นเพศที่เขาถูกระบุมาตอนที่เกิดว่า เด็กชาย ผมอยากให้เขาเป็นแค่คนดี ที่มีพฤติกรรมดี แต่ที่ต้องพาไปเจอคุณหมอจิตแพทย์เด็ก เพราะเขาก้าวร้าว พฤติกรรมก้าวร้าว บนความกระตุ้งกระตุ้งกระดีดกระดิ้นของเขานั่นแหละ เอาแต่ใจ พูดจาหยาบคายซึ่งครอบครัว ไม่มีใคร มีพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งฝั่งพ่อและแม่ จะพูดช้าๆ เนิบๆ ไม่หยาบกันเลย
แต่สิ่งที่ผม ถูกเรียกเข้าพบ พี่หมอ "ขอใช้พี่หมอ เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ผม สี่ปีเพียงแต่ต่างสาขา"
ผมศัลยแพทย์(ผ่าตัด) ส่วนพี่หมอ จะไปทางจิตแพทย์"
และเราได้เสวนา กันในหัวข้อนี้ โดยบังเอิญ เรื่องที่เราไม่พูดกันในที่กว้าง เพราะจะกลายเป็นสร้างความ วุ่นวาย แบ่งแยกในสังคม แต่เมื่อวันนึงที่เรื่อง "ผิดปกติ" ไปบังคับให้คนปกติมอง "เป็นเรื่องปกติ" อันนี้ยอมรับไม่ได้ ที่หนักไปกว่านั้น คนปกติเหล่านั้นถูกยัดเยียด คำว่า "ผิดปกติ" เพียงเพราะเขาเห็นเรื่อง "ผิดปกติ" เป็นเรื่อง "ผิดปกติ" ทั้งที่ตรรกะเขาถูก ถูกบนพื้นฐานของคำว่า "ธรรมชาติ" อะไรที่ผิดธรรมชาติผิดเสมอซึ่งถูกของพวกเขา
ธรรมชาติสร้างเพศมาแค่สองเพศ เป้าหมายหลักเพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธ์ การฝ่าเหล่า ผิดวิสัยธรรมชาติ มีเสมอ ทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ และพฤติกรรม ซึ่งนั่นวงการแพทย์ต้องหาทางแก้ไข
แต่สมองมนุษย์เป็นอะไรที่แม้แต่แพทย์ปัจจุบัน ก็ไม่ได้รู้ทุกเส้นในสมอง มันซับซ้อนกว่านั้น เส้นหลักๆ ที่การแพทย์เราจับได้แค่เส้นใหญ่ๆ ไม่กี่เส้น ที่เส้นมันชัดพอจนรู้ว่ามีผลต่ออวัยวะใดทางกายภาพเท่านั้น
เราไม่ได้รู้ทุกเรื่องของเส้นประสาทในสมอง มันมียุคนึง ที่พ่อแม่ปวดหัว พาลูกผิดเพศ(พฤติกรรมทางเพศผิดไปจากเพศทางกายภาพ) ไปพบหมอและก็ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คุณหมอว่าจะทำให้ลูกเขากลับมาเป็นเพศที่ตรงเพศได้ยังไง
นานวันเข้าคนผิดเพศพวกนี้มากเข้า วงการแพทย์ไม่กระเตื้องในเรื่องนี้ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์หลายท่านก็เป็นเช่นนั้น ครั้นจะให้วงการแพทย์ออกมายอมรับแบบแฟร์ๆ ว่าเราล้มเหลว นั้นอย่าหวัง เลยเอาตัวรอดด้วยการ บัญญัติ คำว่า "ปกติ" ให้กับผู้ที่เป็นเช่นนี้
สิ่งที่ต้องการจะสื่อสารนั่นก็คือ จริงๆ แล้ว คำว่า"ปกติ" นั้นถูกนิยามบนพื้นฐานของอะไร
"เพราะหันไปทางไหนก็เจอ อยู่ที่ไหนก็มี" นั่น "ปกติ" เพราะปริมาณมันมากจนกลายเป็นสิ่งปกติ
หรือ
"จริงๆ มันมีนานแล้ว เพียงแต่โลกสังคม สมัยก่อน ไม่เปิดรับ ต่อต้านทำให้พวกเขาต้องแอบมาตลอด" ถ้าเป็นแบบนี้ จริงๆแล้ว โลกของเรา มีสามเพศมานานแล้ว คือชาย หญิง และ ไม่สามารถระบุได้ ให้ระบุด้วยพฤติกรรม ใช่หรือไม่ และถ้าแบบนั้นจริงๆ แล้วคำว่า "ปกติ" คืออะไรกันแน่
สำหรับผม ปกติ ณ ตอนนี้ คือ เป้าหมายของธรรมชาติ สร้างสองเพศ มาเพื่ออันใด บุคคลที่เกิดมา ปกติภายใต้ความพร้อมในการตอบสนองต่อเป้าหมายในการสร้างของธรรมชาติ นั่นคือ ปกติ
เป็นชาย พิศวาส ในเพศหญิง ปกติ
เป็นหญิง พิศวาส ในเพศชาย ปกติ
อยากให้ทุกท่าน อย่าลืม แก่นหลักของคำว่า "ธรรมชาติ" อะไรผิด ธรรมชาติ ผิดปกติ ความคิดง่ายๆ ของคนรุ่นก่อนๆ ของพ่อแม่ยุคก่อน ที่หลายคนตีความว่า "ตื้น" สำหรับผม คนพวกนั้นถูกเสมอ เขาแค่ถูกบังคับ ให้คิดว่า มันเป็นเรื่อง "ปกติ" ทั้งๆ มันไม่ปกติ คำว่า สามัญสำนึก หรือจิตสำนึกขั้นพื้นฐาน สำหรับผมมันเป็นอะไร ที่สัจจะที่สุด เกิดมา มี "พวง" คุณควรตระหนักรู้ว่า คุณคือ "ผู้ชาย" และเมื่อพฤติกรรมคุณไม่ชาย
คุณต้องยอมรับในความผิดปกติ ของคุณ ไม่ใช่ไปยัดเยียดให้คนอื่น คิดว่าคุณปกติ
แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเปลี่ยน เพราะคุณไม่ได้เป็น "โรค" มันไม่ใช่เรื่อง ที่ต้องรักษา ที่ผมเขียนมา เพื่อให้คุณยอมรับความคิดที่ว่า การที่มีคนเห็นพวกคุณ "ผิดปกติ" นั่นคือสิ่งที่ถูก คุณต้องรับข้อนี้ให้ได้ เหมือนกับที่ผมยอมรับในความผิดปกติ ของเคมีในสมองของลูกชายผมแล้วทำให้เขาเป็นแบบนี้ นั่นคือความบกพร่องทางชีวภาพ
ยอมรับความคิดนี้ให้ได้ เหมือนกับที่หลายคนในสังคม ยอมรับว่าพวกคุณคือ คนนึงของสังคม หลายครั้งที่ผมเข้าหลายห้อง ในพันทิป แล้วเมื่อเห็นคนเปิดประเด็นแนวนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ สะท้อนใจทุกครั้ง ทั้งคนที่เกลียดผู้ที่ไปว่าคนผิดเพศ ในทางเหยียด (ส่วนลึกผมรับรู้ได้ว่า เขาเกลียดและไม่ยอมรับ)
ความรู้สึกนี้ สำหรับผม ผมมองว่าจิตสำนึกเขาถูก แต่การแสดงออกเขาผิด
ผมจะเสียใจมาก ถ้าในวันที่ลูกผมโตขึ้นมา ต้องยืนอยู่ในสังคม แห่งความเกลียดชัง และเช่นกัน ผมเกลียดคนที่มาว่า ผมขวางโลก ที่ผมมองคนพวกนี้ ว่า "ผิดปกติ" คนที่ผมมองแบบนั้น คนนึงในนั้น ก็คือ ลูกชายของผมนะครับ ผมไม่ได้เกลียดเขา ผมไม่คิดจะเปลี่ยนเขา ผมยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แต่ให้ผมยอมรับว่าเขา"ปกติ" มันเป็นเรื่องตลก ตลก ที่สุดตั้งแต่โลกนี้มีวงการแพทย์
กรุณาอย่าเข้ามากระทู้นี้ โดยเอาเรื่องรสนิยมทางเพศ มาเกี่ยวนะครับ เพราะมันเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ถูกนิยามด้วยคำสวยหรู ในภายหลัง ทั้งๆ ที่มันมาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน ถ้าเคมีไม่ผิด พฤติกรรมทางเพศก็ไม่ผิด
เมื่อพฤติกรรมทางเพศไม่ผิด รสนิยมทางเพศ ก็ไม่ผิด
ปล. กระทู้นี้เปิดรับทุกความเห็น ทั้งแย้งและไม่เห็นด้วย ขอความกรุณามาอย่างมีเหตุผลเพราะถ้ามาแต่อารมณ์เกรงว่าคุณจะไม่ได้อะไร สังคมก็ไม่ได้อะไร
พี่หมอครับอย่าพูดกับผมว่า "ลูกผมปกติ คุณต่างหากที่ต้องเปิดใจ"
ขอระบายหน่อยนะครับ ผมว่าหลายคนก็เกิดข้อกังขาในเรื่องนี้ในใจเพียงแต่ว่า เมื่อคนพวกนี้มีมากขึ้น
จนกลายเป็นสิ่งปกติของสังคม สิ่งเดียวที่ทำให้สังคมสงบสุข คือการเปิดใจยอมรับ ดีตรงสังคมยุคนี้เปิดรับบุคคลประเภทนี้ เพราะเขาก็คนนึง ของสังคม แต่วงการแพทย์หรือสังคมกรุณา อย่าไปประนามผู้ที่เขาไม่ยอมรับหรือต่อต้านว่าเป็นคน "ขวางโลก" หรือข้อความประเภท "ถามจริงมีเพื่อนกี่คน"
แม้แต่หรือคนที่มาโพสท์ทางลบ ผมว่าเขามีเพื่อนหลายคน เพศชาย ชายแท้บ้าง เบี่ยงเบนบ้างครบทุกเพศ
ผมเป็นชาวพุทธ ผมเชื่อในสัจธรรม ผมเชื่อในความเป็นธรรมชาติ อะไรที่ผิดธรรมชาติ ผมไม่ยอมรับว่านั่นคือเรื่อง"ปกติ"
ธรรมบัญญัติ ถือไว้ชัดเจน ผู้ใดที่ส่อไปทางผิดเพศ บวชไม่ได้ ผมถือตามนั้น พระไตรปิฎก มองการณ์ตามความเป็นจริงเสมอ ชายแท้บวชยังต้องใช้ใจเกินร้อยในการชนะมาร เพื่อการให้บรรลุธรรม ชายไม่แท้ต้องใช้ใจเท่าไหร่ ถึงจะชนะมาร โดยเฉพาะเรื่องการสำรวม ซึ่งบุคคลประเภทนี้ ส่วนมาก(ไม่ใช่ไม่มีเลย) สมองส่วนหน้าว่าด้วยพฤติกรรมด้อยกว่าเพศปกติเขาอยู่แล้วโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ การปล่อยให้บุคคลประเภทนี้มีโอกาสบวชเรียนเพียงแค่ตีความผิดว่า แค่ "ห่มผ้าเหลือง" ก็ได้ชื่อว่า ได้แทนคุณบิดามารดา
ในฐานะของผู้ที่เกิดมาแล้วได้ใบสูติ ในนามของเพศชายแล้ว
ทุกวันนี้บุคคลประเภทนี้ได้ไปสร้างมลทินให้กับพุทธศาสนา เท่าไหร่บ้าง พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก็ดี การคิดพิศวาสแบบซ่อนเร้นกับภิกษุรูปอื่นก็ดี มีให้เห็นกันบ่อยครั้ง
ขอเข้าเรื่องซะทีนะครับ คือผมพาลูกชาย ไปหาคุณหมอ ซึ่งเป็นหมอจิตวิทยาเด็ก ผมรู้อยู่แล้วว่าลูกชายผมเบี่ยงเบน ไม่ได้เบี่ยงเบนเพราะสิ่งแวดล้อม อันนี้เบี่ยงเบนเพราะเคมีในสมองล้วนๆ (ที่บ้าน โรงเรียน ไม่มีบุคคลเบี่ยงเบน) และเขาเด็กเกินกว่าจะเบี่ยงเบนเพราะสิ่งแวดล้อม
ลูกผมเป็นอะไร ผมรู้อยู่แล้ว และไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงเขา ไม่เคยอยากให้เขาเป็นเพศที่เขาถูกระบุมาตอนที่เกิดว่า เด็กชาย ผมอยากให้เขาเป็นแค่คนดี ที่มีพฤติกรรมดี แต่ที่ต้องพาไปเจอคุณหมอจิตแพทย์เด็ก เพราะเขาก้าวร้าว พฤติกรรมก้าวร้าว บนความกระตุ้งกระตุ้งกระดีดกระดิ้นของเขานั่นแหละ เอาแต่ใจ พูดจาหยาบคายซึ่งครอบครัว ไม่มีใคร มีพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งฝั่งพ่อและแม่ จะพูดช้าๆ เนิบๆ ไม่หยาบกันเลย
แต่สิ่งที่ผม ถูกเรียกเข้าพบ พี่หมอ "ขอใช้พี่หมอ เพราะเขาเป็นรุ่นพี่ผม สี่ปีเพียงแต่ต่างสาขา"
ผมศัลยแพทย์(ผ่าตัด) ส่วนพี่หมอ จะไปทางจิตแพทย์"
และเราได้เสวนา กันในหัวข้อนี้ โดยบังเอิญ เรื่องที่เราไม่พูดกันในที่กว้าง เพราะจะกลายเป็นสร้างความ วุ่นวาย แบ่งแยกในสังคม แต่เมื่อวันนึงที่เรื่อง "ผิดปกติ" ไปบังคับให้คนปกติมอง "เป็นเรื่องปกติ" อันนี้ยอมรับไม่ได้ ที่หนักไปกว่านั้น คนปกติเหล่านั้นถูกยัดเยียด คำว่า "ผิดปกติ" เพียงเพราะเขาเห็นเรื่อง "ผิดปกติ" เป็นเรื่อง "ผิดปกติ" ทั้งที่ตรรกะเขาถูก ถูกบนพื้นฐานของคำว่า "ธรรมชาติ" อะไรที่ผิดธรรมชาติผิดเสมอซึ่งถูกของพวกเขา
ธรรมชาติสร้างเพศมาแค่สองเพศ เป้าหมายหลักเพื่อดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธ์ การฝ่าเหล่า ผิดวิสัยธรรมชาติ มีเสมอ ทั้งทางกายภาพ ชีวภาพ และพฤติกรรม ซึ่งนั่นวงการแพทย์ต้องหาทางแก้ไข
แต่สมองมนุษย์เป็นอะไรที่แม้แต่แพทย์ปัจจุบัน ก็ไม่ได้รู้ทุกเส้นในสมอง มันซับซ้อนกว่านั้น เส้นหลักๆ ที่การแพทย์เราจับได้แค่เส้นใหญ่ๆ ไม่กี่เส้น ที่เส้นมันชัดพอจนรู้ว่ามีผลต่ออวัยวะใดทางกายภาพเท่านั้น
เราไม่ได้รู้ทุกเรื่องของเส้นประสาทในสมอง มันมียุคนึง ที่พ่อแม่ปวดหัว พาลูกผิดเพศ(พฤติกรรมทางเพศผิดไปจากเพศทางกายภาพ) ไปพบหมอและก็ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่คุณหมอว่าจะทำให้ลูกเขากลับมาเป็นเพศที่ตรงเพศได้ยังไง
นานวันเข้าคนผิดเพศพวกนี้มากเข้า วงการแพทย์ไม่กระเตื้องในเรื่องนี้ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์หลายท่านก็เป็นเช่นนั้น ครั้นจะให้วงการแพทย์ออกมายอมรับแบบแฟร์ๆ ว่าเราล้มเหลว นั้นอย่าหวัง เลยเอาตัวรอดด้วยการ บัญญัติ คำว่า "ปกติ" ให้กับผู้ที่เป็นเช่นนี้
สิ่งที่ต้องการจะสื่อสารนั่นก็คือ จริงๆ แล้ว คำว่า"ปกติ" นั้นถูกนิยามบนพื้นฐานของอะไร
"เพราะหันไปทางไหนก็เจอ อยู่ที่ไหนก็มี" นั่น "ปกติ" เพราะปริมาณมันมากจนกลายเป็นสิ่งปกติ
หรือ
"จริงๆ มันมีนานแล้ว เพียงแต่โลกสังคม สมัยก่อน ไม่เปิดรับ ต่อต้านทำให้พวกเขาต้องแอบมาตลอด" ถ้าเป็นแบบนี้ จริงๆแล้ว โลกของเรา มีสามเพศมานานแล้ว คือชาย หญิง และ ไม่สามารถระบุได้ ให้ระบุด้วยพฤติกรรม ใช่หรือไม่ และถ้าแบบนั้นจริงๆ แล้วคำว่า "ปกติ" คืออะไรกันแน่
สำหรับผม ปกติ ณ ตอนนี้ คือ เป้าหมายของธรรมชาติ สร้างสองเพศ มาเพื่ออันใด บุคคลที่เกิดมา ปกติภายใต้ความพร้อมในการตอบสนองต่อเป้าหมายในการสร้างของธรรมชาติ นั่นคือ ปกติ
เป็นชาย พิศวาส ในเพศหญิง ปกติ
เป็นหญิง พิศวาส ในเพศชาย ปกติ
อยากให้ทุกท่าน อย่าลืม แก่นหลักของคำว่า "ธรรมชาติ" อะไรผิด ธรรมชาติ ผิดปกติ ความคิดง่ายๆ ของคนรุ่นก่อนๆ ของพ่อแม่ยุคก่อน ที่หลายคนตีความว่า "ตื้น" สำหรับผม คนพวกนั้นถูกเสมอ เขาแค่ถูกบังคับ ให้คิดว่า มันเป็นเรื่อง "ปกติ" ทั้งๆ มันไม่ปกติ คำว่า สามัญสำนึก หรือจิตสำนึกขั้นพื้นฐาน สำหรับผมมันเป็นอะไร ที่สัจจะที่สุด เกิดมา มี "พวง" คุณควรตระหนักรู้ว่า คุณคือ "ผู้ชาย" และเมื่อพฤติกรรมคุณไม่ชาย
คุณต้องยอมรับในความผิดปกติ ของคุณ ไม่ใช่ไปยัดเยียดให้คนอื่น คิดว่าคุณปกติ
แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเปลี่ยน เพราะคุณไม่ได้เป็น "โรค" มันไม่ใช่เรื่อง ที่ต้องรักษา ที่ผมเขียนมา เพื่อให้คุณยอมรับความคิดที่ว่า การที่มีคนเห็นพวกคุณ "ผิดปกติ" นั่นคือสิ่งที่ถูก คุณต้องรับข้อนี้ให้ได้ เหมือนกับที่ผมยอมรับในความผิดปกติ ของเคมีในสมองของลูกชายผมแล้วทำให้เขาเป็นแบบนี้ นั่นคือความบกพร่องทางชีวภาพ
ยอมรับความคิดนี้ให้ได้ เหมือนกับที่หลายคนในสังคม ยอมรับว่าพวกคุณคือ คนนึงของสังคม หลายครั้งที่ผมเข้าหลายห้อง ในพันทิป แล้วเมื่อเห็นคนเปิดประเด็นแนวนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ สะท้อนใจทุกครั้ง ทั้งคนที่เกลียดผู้ที่ไปว่าคนผิดเพศ ในทางเหยียด (ส่วนลึกผมรับรู้ได้ว่า เขาเกลียดและไม่ยอมรับ)
ความรู้สึกนี้ สำหรับผม ผมมองว่าจิตสำนึกเขาถูก แต่การแสดงออกเขาผิด
ผมจะเสียใจมาก ถ้าในวันที่ลูกผมโตขึ้นมา ต้องยืนอยู่ในสังคม แห่งความเกลียดชัง และเช่นกัน ผมเกลียดคนที่มาว่า ผมขวางโลก ที่ผมมองคนพวกนี้ ว่า "ผิดปกติ" คนที่ผมมองแบบนั้น คนนึงในนั้น ก็คือ ลูกชายของผมนะครับ ผมไม่ได้เกลียดเขา ผมไม่คิดจะเปลี่ยนเขา ผมยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แต่ให้ผมยอมรับว่าเขา"ปกติ" มันเป็นเรื่องตลก ตลก ที่สุดตั้งแต่โลกนี้มีวงการแพทย์
กรุณาอย่าเข้ามากระทู้นี้ โดยเอาเรื่องรสนิยมทางเพศ มาเกี่ยวนะครับ เพราะมันเรื่องเดียวกัน เพียงแต่ถูกนิยามด้วยคำสวยหรู ในภายหลัง ทั้งๆ ที่มันมาจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน ถ้าเคมีไม่ผิด พฤติกรรมทางเพศก็ไม่ผิด
เมื่อพฤติกรรมทางเพศไม่ผิด รสนิยมทางเพศ ก็ไม่ผิด
ปล. กระทู้นี้เปิดรับทุกความเห็น ทั้งแย้งและไม่เห็นด้วย ขอความกรุณามาอย่างมีเหตุผลเพราะถ้ามาแต่อารมณ์เกรงว่าคุณจะไม่ได้อะไร สังคมก็ไม่ได้อะไร