เรากับแฟนคบกันตั้งแต่เรียน ม.ต้น (ตอนนี้เรา 26 ปี แฟน 25 ปี) เค้าเป็นเพื่อนของน้องสาว เป็นน้องเรา 1 ปี ในช่วงแรกๆที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกันทุกวันหลังเลิกเรียนเราจะเจอหน้ากัน เราจะนั่งทำการบ้านรอน้อง เค้าก็ออกมารอพ่อมารับกลับบ้าน ช่วงหลังๆ สังเกตว่าเค้าจะออกมารอพ่อเร็วกว่าปกติ มีเวลาคุยกันมากขึ้น จนวันนึงน้องสาวตัวแสบก็ยุให้พี่สาวจีบเพื่อนตัวเอง บอกสรรพคุณเพื่อนให้ด้วยว่าเพื่อนฐานะดีแถมยังนิสัยดีอีกต่างหาก แต่ยังหรอกเรายังไม่ยอมจีบเค้า ดูเชิงก่อน 555 และแล้วก็ตัดสินใจได้ว่าจีบก็ได้ว้า พรุ่งนี้แหละจะบอกว่าชอบเค้า แต่แล้วโชคก็เข้าข้างให้ไม่ได้บอกชอบผู้ชายก่อน จำได้ว่าก่อนที่จะเป็นแฟนกัน เรานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไชต์เค้า แล้วเค้าก็พูดขึ้นว่า “พี่หาแฟนให้ผมหน่อยดิ ขอแบบว่าตัวเล็กๆ ขาวๆ หมวยๆ นะ” เราก็ตอบไปว่า “อ้าวที่ขอมานี่พี่มีครบเลยนะ”เค้าพูดต่อว่า “เอ้าหรอ แล้วพี่ว่าไงอ่ะ” เราตอบไปว่า “ไม่รู้ ก็เขินนี่นา อารมณ์นี้ผู้หญิงจะเข้าใจ” แล้วเค้าก็บอกว่าชอบเรานิสัยน่ารักเรียบร้อยดี ว่างั้น (รถจะมีอีกคันที่เรากะน้องใช้ไปโรงเรียนด้วยกัน น้องซ้อนกับแฟน เราเลยจำยอมมาซ้อนท้ายผู้ชาย) หลังจากนั้นเราก็คบกันเป็นเป็นแฟนอย่างมีความสุข เราจะให้ลูกอมฮาร์ทบีทเค้าวันละ 1 ก้อน แล้วจะเขียนคำพูดสำคัญให้เค้าทุกวัน (จากวันนั้นถึงวันนี้ผ่านมา 10 ปีแล้วลูกอมที่ให้ไว้เรายังอยู่ล่าสุดไปเจอที่หัวเตียงนอนเค้ามันยังอยู่ในขวดโหลอย่างดี พร้อมรูป สมุดไดอารี่ และของขวัญที่เราให้เค้า) ทุกวันสำคัญ วันเกิดเรา วันเกิดเค้า เราอยู่ด้วยกันพร้อมครอบครัวเราและครอบครัวเค้า เราเรียนพิเศษเลิกค่ำเค้าก็คอยรับส่งทั้งที่แต่ก่อนเค้าจะคุณหนูมากพ่อแม่ต้องรับส่งเค้า แต่พอมีเราเป็นแฟนเค้าจะคอยรับส่งเราเสมอ (ตลอดเส้นทางที่เค้าขับรถกลับไปส่ง โรงเรียน ผ่านบ้านเค้าบ้านเค้าอยู่ใกล้โรงเรียน ระยะทางห่างกัน 16 กิโลเมตร เรามีความทรงจำดีๆ ตลอดเส้นทาง ทั้งแวะกินข้าว กินขนม มีครั้งนึงเค้าเคยแกล้งทิ้งเราไว้ระหว่างทาง แล้วขับรถหนี แล้วมีรถที่ผ่านมาทางเราเป็นผู้ชายขับ เค้ารีบกลับมาหาเราไวมาก ไปยังไมถึงสองนาที เรานี่ก็น้ำตาคลออยู่แล้วทำไมมาแกล้งกัน เค้ากลับมาเค้าหน้าเสียมากกลัวเราได้รับอันตราย จากเหตุการณ์ครั้งนี้เค้าสัญญาว่าจะไม่แกล้งแบบนี้อีก) และแล้ววันที่ต้องไกลกันก็มาถึง เมื่อพ่อแม่เค้าขอให้เราช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้เค้ายอมไปเรียนโรงเรียนทหาร เค้าไม่อยากไปเรียนหรือไม่อยากไกลเราเราก็ไม่รู้ เค้าคิดแผนขับรถชนเสาไฟฟ้าให้แขนขาหักจะได้ไม่ต้องไปเรียนไกลๆ เกลี้ยกล่อมสำเร็จเค้ายอมไปเรียน ฝึกสามเดือนจะไม่สามารถติดต่อใครได้เลยตามโรงเรียนทหารส่วนมากจะเป็นแบบนั้น แต่แฟนเราเค้าความพยายามเยอะมากได้คุยกันทุกอาทิตย์ พอมีโอกาสได้กลับบ้านเค้ารีบขอพ่อแม่มาหาเราที่บ้านเลย สามเดือนที่ไม่ได้เจอหน้าคิดถึงมาก ชีวิตยังคงดำเนินไปเรื่อย เราติดต่อกันตลอด ว่างมีโอกาสไปเที่ยวกันบ้าง เราเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจบปี 1 แฟนเราเค้าก็เรียนจบหลักสูตร ไปบรรจุในจังหวัดที่ไกลบ้านไม่มากนัก พอเค้าทำงานแล้วเราก้อไปเที่ยวด้วยกันทุกเทศกาล จนช่วงหลังๆ ที่เรากำลังจะจบปี 3 เราเรียนหนักมาก สงสัยเราจะสนใจแต่เรื่องเรียน เลยลืมสนใจเรื่องแฟนไป อยู่ๆ ในขณะที่นั่งเรียน มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาหาเรา แล้วบอกเราว่า “เค้ามีอะไรกันกับแฟนเราแล้วนะ” สตั้นมากค่ะออกจากห้องเรียนไปร้องไห้อยู่ห้องน้ำ ตกเย็นเราโทรไปขอคำตอบจากแฟน เค้าตอบอะไรไม่ได้เค้าบอกเพียงว่าเค้าไม่รู้ เค้าเมา แล้วเราถามแฟนว่าแล้วจะเอายังไงกับเราเค้าเงียบ (คนๆ นั้น เป็นน้องโรงเรียนเราเอง รุ่นเดียวกันกับแฟนเรา ที่สำคัญเค้าเคยเป็นแฟนเก่าของเพื่อนสนิทแฟนเรา สวยได้ครึ่งเราสักนิดก็จะไม่ว่าอะไรเลย) ผู้หญิงคนนั้นระรานเราตลอดเวลาทำให้เราจิตตกมาก ครั้งนึงขณะที่แฟนเราขับรถไปส่งเราที่มหาลัย ผู้หญิงคนนั้นโทรมาหาเราแล้วบอกว่าเค้าอยู่ด้วยกันกับแฟนเรา เราก็งงเค้าต้องการอะไร สักพักเค้าก็โทรเข้าเครื่องแฟนคงไม่รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันพอเรารับโทรศัพท์นางสตั้นบ้าง นางเรียกชื่อเรา เรียกอยู่อย่างนั้น น่าจะเอ๋อกินอยู่ แฟนเราขอโทษเราเค้าบอกเราว่ายังไงก้อรักเรามากไม่มีทางปล่อยไปไหนเด็ดขาด เราไม่ได้ตอบอะไร แล้วเขาก็กลับไปทำงานรู้ข่าวมาว่าผู้หญิงคนนั้นไปเฝ้าถึงที่ทำงานไม่ยอมเรียนเลยทีเดียว .....บอกเลยว่าเสียใจที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยเจอ ไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผู้ชายใจง่ายใช้คำว่าเมาเป็นข้ออ้าง ผู้หญิงก็แรงส์มาประกาศว่าตัวเองเป็นของใครแล้ว เรื่องนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง.... พีคสุดก่อนเรียนจบปี 3 ช่วงก่อนสอบ พ่อแม่แฟนก็ช่วยปลอบเราเขารักเราเหมือนลูกคนนึง พ่อกับแม่เราต้องมานอนเป็นเพื่อนคอยปลอบใจลูกสาวสุดรัก พ่อแม่ปลอบด้วยคำพูดที่ว่า “ถ้าเค้าใช่คู่เราจริงเค้าจะกลับมาหาเรา ให้เราให้อภัยเค้าทั้งคู่” ไม่นานเราก้อทำใจได้ ไม่ใช่ว่าเราลืมแฟนเราได้นะ ไม่เลยเราลืมเค้าไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเก็บแต่ความทรงจำดีๆ ที่เรากับแฟนเคยมีเคยทำด้วยกัน ความดีของเค้ามีเยอะมากจนทำให้เราโกรธเค้าไม่ลง ช่วงปิดเทอมก่อนไปฝึกงานเราได้อยู่กับครอบครัว “หัวใจเราแข็งแรงขึ้นมาก รึจะเรียกว่าใจเด็ดก็ไม่รู้” เราตัดสินใจโทรไปบอกเลิกแฟน ด้วยคำถามที่ว่า “ตัวเองถ้ามีคนที่เค้าพร้อมจะดูแลเค้าคนเดียว รักเค้าคนเดียว ตัวเองจะปล่อยให้เค้าไปคบกับคนนั้นได้มั้ย” เค้าไม่ตอบถามเราคืนว่า “ใคร เอาเบอร์มาให้คุยด้วยได้มั้ย” เราก็นะไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าเค้าจะถามแบบนี้ ซวยล่ะไม่ได้เตรียมขอให้ใครช่วยมาไว้เลยที่จริงไม่มีใครหรอกแต่อยากให้เค้าปล่อยเราแค่นั้น และเค้าจะได้สบายใจที่เรามีคนดูแล ให้เบอร์ไปมั่วสิค่ะ แล้วชื่อก็เอาชื่อพี่คนที่จีบเรามาตลอดให้ สักพักติดต่อพี่เค้าได้เราอธิบายให้พี่ฟังขอให้พี่ช่วยบอกแฟนเราว่า “พี่เค้ารักเรามาก ขอพี่ให้พี่ได้ดูแลเราเองเถอะ อะไรประมาณนี้” สรุปจบได้ด้วยดีสำหรับเรา แต่แฟนเราบอกเราว่าเค้าไม่เคยยอมรับคำบอกเลิกจากเราเลย เค้ายังคงโทรมาเป็นห่วง คอยบอกให้เราปิดประตู หน้าต่างดีๆ ก่อนนอน เหมือนที่เคยทำ ทำแบบนี้ในขณะที่ไม่มีสถานะแฟนเหมือนดังเดิม จนเราเรียนจบมหาลัย ตอนจบรับปริญญาพ่อแม่เราดีใจมากนึกว่าเราจะเสียหลักเพราะเรื่องความรักไปเสียแล้ว พ่อแม่แฟนมางานรับปริญญาเราด้วย แฟนเราอยากมาแต่เราดั้นไปขอเค้าว่าไม่ต้องมาหรอกไม่อยากเห็นในวันที่ไม่พร้อม (พร้อมของเราคือ เป็นข้าราชการ เราเรียนจบปริญญาโท (เอกคงไม่ไหว) มีบ้าน มีรถ แล้วเราจะขอเค้าแต่งงานเอง ถ้าเค้ายังไม่แต่งงานกับใครก่อนนะ ) หลังจากเรียนจบ เราก็สอบเข้าทำงานได้เป็นข้าราชการสมใจหวัง ทำงานได้สองปีแล้ว กำลังจะเรียนจบ ป.โท ด้วย (ลืมไปอีกเรื่อง เรามีครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจในความสำเร็จไม่พอ เรายังมีแฟนเป็นเป็นแรงบันดาลใจด้วย เพราะบ้านเค้ามีฐานะเป็นข้าราชการกันทั้งครอบครัว เราเลยคิดว่าวันนึงเราจะทำให้ตัวเราเหมาะสมกับเค้าให้ได้ ) เรากับแฟน (ตอนนี้เลิกกันอยู่) ส่งข่าวถามทุกข์สุขกันเรื่อยๆ เค้ากับคนนั้นคบๆ เลิกๆ กัน เป็นร้อยครั้งแล้วมั้ง ปรึกษาเราด้วยเรื่องผู้หญิง จนก่อนสิ้นปี 57 เราได้เจอกันอีกครั้ง เค้ามาราชการขอนัดเจออยากเห็นหน้าเรา หลังจากที่ไม่เจอกัน 3 ปี เขาเปลี่ยนไปมาก อ้วน ดำ หุ่นหน้าตานี่อาเสี่ยชัดๆ เราเจอกันเค้าบอกว่าเราเปลี่ยนไปมาก หน้าตา นิสัย จากคนที่ “เรียบร้อย พูดน้อย” กลายเป็น “คนที่ฮา พูดมาก กล้าคิด กล้าทำ” ขอให้เรานั่งรถกลับไปเป็นเพื่อน เราก็แถไป ไปไหนไม่ได้หรอกไม่เตรียมตัวไปไหน เค้าเลยขอไปส่งเรา เราตอบไปว่าไม่ดีกว่ายังไม่พร้อม เราก็นั่งแท็กซี่กลับ จากนั้นเราก็ได้ได้ข่าวว่าเค้าเลิกกับผู้หญิงคนนั้น ผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ เรานัดเที่ยวกัน ไปกันสองคน นอนห้องเดียวกัน (ไม่มีอะไรกันนะค่ะ) นอนตักแฟนเชียร์บอลด้วยล่ะ จำได้ว่าวันนั้นบอลไทยได้แชมป์ แต่ก่อนได้แชมป์ ไทยโดนนำสิค่ะ เราใจเสียจะร้องไห้ เราเลยปากดีพูดไปว่าถ้าไทยตีไข่แตกได้นะจะจุ๊บเลย พอไทยตีไข่แตกเท่านั้นล่ะ แหม๊ เสียหมาเลยเรา ต้องจุ๊บเค้า แต่ก็ฟินเว่อร์ เราดีใจเกินหน้าเกินตาไปมั้ง เค้าหัวเราะ เตียงเป็นเตียงคู่ พอบอลจบแฟนเราก้อลงไปนั่งกับพื้นแล้วเอาคางเกยมาที่เตียงนอนเรา นั่งมองเราแล้วยิ้มบอกว่าไม่คิดว่าจะมีวันแบบนี้อีก วันที่เรามาเที่ยวด้วยกัน มานั่งหัวเราะข้างๆ กัน สักพักเค้าก็ร้องไห้งอแงเราได้ปลอบเค้าซะงั้น แล้วก้อไล่เค้าไปนอน เค้าดั้นให้เหตุผลว่านอนเตียงเล็กไม่เป็นกลัวตก เลยไม่ยอมไปนอน ขอขยับเตียงให้ติดกันได้มั้ย ก็ได้เราตอบ เราก็นอนจับมือคุยกันจนหลับ เค้าได้แต่ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา แล้วเราเที่ยวทริปหรรษากัน แต่เค้าเปรยๆ ว่า นี่ฮันนีมูนไว้ก่อนนะ จบปี 57 และแล้วก็เริ่มต้นปี 58 เค้าเริ่มเป็นกระวนกระวายหวงและเฝ้าเราทุกที่ที่เราไปฉลองปีใหม่กับเพื่อน เป็นคนขับรถคอยรับส่งจนเพื่อนถามว่ากลับมาคบกันแล้วหรอ เราตอบว่ายัง คืนเคาท์ดาวน์เราอยู่ด้วยกันแล้วเราก็ให้พรเค้าว่า “ขอให้เค้าพบเจอแต่สิ่งดีๆ” เค้าดันร้องไห้แล้วบอกว่า “เราคือสิ่งดีๆ สำหรับเค้า แต่ทำไมเค้าไม่ใช่สิ่งดีๆ สำหรับเราเลย” เราเลยบอกว่า “ใครบอกล่ะ ถึงคุณจะคิดว่าคุณจะไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่ชั้นคิดใช่นะ” ดูเหมือนจะตกลงเป็นแฟนกันนะ แต่ยังค่ะ จนหมดวันหยุดปีใหม่ต่างคนต่างกลับไปทำงาน เค้าเป็นอะไรไม่รู้อยู่ก็ขอลาผู้บัญชาการกลับไปหาพ่อแม่เค้าปรึกษาเรื่องอยากคบกับเราใหม่ จะทำยังไงให้เรากลับไปรักเค้าเหมือนเดิม ไม่รู้เค้าไปทำแบบไหนไหนให้พ่อกับแม่เรา พ่อกับแม่เค้า เห็นดีด้วยทั้งสองฝ่าย กลางเดือน มค. 58 เราตกลงเป็นแฟนกันอีกครั้ง เค้าบอกกับเราว่า “เค้าพอแล้วกับประสบการณ์ที่ผ่านมา ขอให้เราให้โอกาสเค้า” เราบอกว่า “นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายนะอยู่ในมือเค้าแล้ว” แล้วเค้าบอกเราว่าขอลัดขั้นตอนเมื่อเราพร้อมได้มั้ย จาก เป็นข้าราช จบ ป.โท มีบ้าน มีรถ ขอแฟนแต่งงาน >>>เป็นข้าราช จบ ป. โท โดนแฟนขอแต่งงาน บ้านรถมีพร้อมแล้ว ตั้งแต่ตกลงคบกันทุกวันหยุดเสาร์อาทิตย์เค้าจะขับรถมาอยู่กับเราตลอด ทำอาหาร งานบ้านทุกอย่างอาสาทำหมดเลย มีชุดที่เราต้องซักมือเค้าก็ไม่ให้เราซักเองเค้าขอซักให้ (เปลี่ยนชื่อเรียกกัน เป็น ป๊า กับ นู๋ ล่ะ ก็ป๊าตัวโตเป็นเหมือนอาเสี่ย ส่วนนู๋ก็ตัวเล็ก ๆ น้ำหนักสี่สิบนิดๆ เลยต้องเป็นนู๋ ว่างั้นนะ บอกเลยว่าเป็นเสี่ยที่หวงนู๋มากตอนนี้ใส่สั้นเลยเข่าขึ้นมาไม่ได้เลย เสื้อผ้าเก่าโดนเก็บไปบริจาคจนหมดตู้) เรามีแพลนจะแต่งงานกันภายใน 2 ปี ค่ะ ตอนนี้เรามีบัญชีร่วมกันเผื่อลูก เค้าอยากมีลูกสาวเป็นแรก เค้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เราเสียใจอีก เพราะเราคือ ผู้หญิงที่เค้าอยู่ด้วยแล้วมีความสุข มีรอยยิ้มได้ตลอด และที่สำคัญเค้าสามารถบอกใครๆ ได้อย่างเต็มปากว่านี่คือแฟนเค้า
...........ขอบคุณที่เค้ากลับมา เราพร้อมให้โอกาสครั้งสุดท้ายเค้าเสมอ เมื่อเค้าสำนึกได้ แต่ที่ไม่รู้คือเค้าจะกลับไปทำตัวพลาดอีกรึป่าว คงต้องทำใจยอมรับผลของสิ่งที่เลือก ......
...........บางคนอาจคิดว่าเรามาไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะกลับไปหาเค้าอีกทำไม เราบอกเลยว่าสำหรับเค้าเราจำได้แต่ภาพความทรงจำดีๆ เราจึงเลือกเค้ากลับมาอยู่ข้างๆเรา ........
ได้แฟนใหม่เป็นแฟนเก่า (ผู้ชายเจ้าชู้น่าจะมีจุดอิ่มตัวที่เค้าจะเลิกเจ้าชู้มั้ง)
...........ขอบคุณที่เค้ากลับมา เราพร้อมให้โอกาสครั้งสุดท้ายเค้าเสมอ เมื่อเค้าสำนึกได้ แต่ที่ไม่รู้คือเค้าจะกลับไปทำตัวพลาดอีกรึป่าว คงต้องทำใจยอมรับผลของสิ่งที่เลือก ......
...........บางคนอาจคิดว่าเรามาไกลขนาดนี้แล้ว ยังจะกลับไปหาเค้าอีกทำไม เราบอกเลยว่าสำหรับเค้าเราจำได้แต่ภาพความทรงจำดีๆ เราจึงเลือกเค้ากลับมาอยู่ข้างๆเรา ........