อ้างอิง
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425206555
--------------
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีเครือข่ายพระธรรมทูตและกลุ่มชาวพุทธไทยในยุโรปและสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯ สั่งยุบ กก.ปฏิรูปศาสนา สปช.และสั่งให้ยุติข่มขู่คุกคามสถาบันพระศาสนาและมหาเถรสมาคมว่า
ถือเป็นสิทธิของเครือข่ายฯ ที่จะแสดงความไม่เห็นด้วย รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตน ก็ว่ากันไป ไม่มีปัญหา ตนพร้อมทั้ง กก.ปฏิรูปศาสนา สปช.พร้อมรับการตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะตนเป็น สปช.เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่อย่ามาขัดขวางและก้าวล่วงสิทธิในการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการทำหน้าที่ตรวจสอบของตน ขอให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในฐานะ สปช. ตนยังสนใจและสงสัยในมติของมหาเถรสมาคม ที่เห็นตามคำสั่งเจ้าคณะตำบลคลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระธัมมชโย ไม่ต้องปาราชิก ซึ่งตรงนี้มีปัญหา เพราะสมเด็จพระสังฆราชฯ ในฐานะประมุขฝ่ายสงฆ์และเป็นประธานของมหาเถรฯ ได้ชี้ไปแล้วว่าพระธัมมชโยต้องปาราชิก ซึ่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ พระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ มีผลบังคับ รวมทั้งสอดคล้องกับมติมหาเถรสมาคมในปี 2542 ดังนั้นการต้องปาราชิกของพระธัมมชโย มีผลทั้งทางพระธรรมวินัยและทางกฎหมาย
“พระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ ก็เปรียบเหมือนคำสั่งของนายกฯ แต่กลับไปเอาคำสั่งเจ้าคณะตำบลซึ่งเปรียบเหมือนคำสั่งนายอำเภอมายกเลิกคำสั่งของนายกฯ แบบนี้ถือว่ามหาเถรฯ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งฝ่าฝืนคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราชฯ หรือไม่ และหากผู้ใดรับรองและปฏิบัติตามคำสั่งที่มิชอบตามกฎหมาย ถือว่าเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด สังคมต้องช่วยกันพิจารณาและตรวจสอบในเรื่องนี้” นายไพบูลย์ กล่าว
###“ไพบูลย์”ลุยสอบกรณี"ธัมมชโย"ต่อ ลั่นอย่าขวางการทำหน้าที่ ขู่มหาเถรฯ ส่อทำผิดกม.###
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1425206555
--------------
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณีเครือข่ายพระธรรมทูตและกลุ่มชาวพุทธไทยในยุโรปและสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกฯ สั่งยุบ กก.ปฏิรูปศาสนา สปช.และสั่งให้ยุติข่มขู่คุกคามสถาบันพระศาสนาและมหาเถรสมาคมว่า
ถือเป็นสิทธิของเครือข่ายฯ ที่จะแสดงความไม่เห็นด้วย รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตน ก็ว่ากันไป ไม่มีปัญหา ตนพร้อมทั้ง กก.ปฏิรูปศาสนา สปช.พร้อมรับการตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะตนเป็น สปช.เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่อย่ามาขัดขวางและก้าวล่วงสิทธิในการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการทำหน้าที่ตรวจสอบของตน ขอให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในฐานะ สปช. ตนยังสนใจและสงสัยในมติของมหาเถรสมาคม ที่เห็นตามคำสั่งเจ้าคณะตำบลคลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์หรือพระธัมมชโย ไม่ต้องปาราชิก ซึ่งตรงนี้มีปัญหา เพราะสมเด็จพระสังฆราชฯ ในฐานะประมุขฝ่ายสงฆ์และเป็นประธานของมหาเถรฯ ได้ชี้ไปแล้วว่าพระธัมมชโยต้องปาราชิก ซึ่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ พระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ มีผลบังคับ รวมทั้งสอดคล้องกับมติมหาเถรสมาคมในปี 2542 ดังนั้นการต้องปาราชิกของพระธัมมชโย มีผลทั้งทางพระธรรมวินัยและทางกฎหมาย
“พระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ ก็เปรียบเหมือนคำสั่งของนายกฯ แต่กลับไปเอาคำสั่งเจ้าคณะตำบลซึ่งเปรียบเหมือนคำสั่งนายอำเภอมายกเลิกคำสั่งของนายกฯ แบบนี้ถือว่ามหาเถรฯ เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งฝ่าฝืนคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราชฯ หรือไม่ และหากผู้ใดรับรองและปฏิบัติตามคำสั่งที่มิชอบตามกฎหมาย ถือว่าเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด สังคมต้องช่วยกันพิจารณาและตรวจสอบในเรื่องนี้” นายไพบูลย์ กล่าว