เข่งใครเหม็นกว่ากัน

"ฮา จัง เจ๊ก" เป็นหนึ่งในหน้าเพจทางโซเชียลชื่อดังที่คอยนำเสนอข่าวพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน มีคนกดไลค์เกือบห้าพันคนซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยและอยากแสดงออกความเห็นของพวกเขา เมื่อแอดมินของเพจเอาคลิปฉาวหรือข่าวโฉ่มาโพสต์ ก็จะมีคนมารุมแจมรุมประนามด่าทอถากถาง เหมือนหมาป่าไฮยีน่ารุมทึ้งซากสัตว์อันเน่าเหม็น ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะการกระทำบางอย่างของ "คนเจ๊กแผ่นดินใหญ่" นั้น บางครั้งก็เกินไปจริงๆ

เชียงใหม่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย ด้วยผู้คนที่เป็นมิตร ยิ้มง่ายอัธยาศัยดี มีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สวยงาม อาหารอร่อย และสุดท้ายยังมีความเป็นเมืองไม่มากเท่ากรุงเทพฯ​ ผู้คนก็ไม่แออัดเท่าไหร่ (แม้ว่าจะใกล้เคียงมากแล้วก็ตามที) ยิ่งช่วงหลังจากที่มีภาพยนต์จีน "Lost in Thailand" ที่มาถ่ายทำกันที่เมืองล้านนาแห่งนี้ออกฉาย ดังเป็นพลุแตกในประเทศจีน เหมือนแรงดึงดูดได้เพิ่มขึ้นให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหลั่งไหลตามกันมา เหมือนมดงานเดินมาเป็นสาย หาแหล่งน้ำตาลอันโอชะ ฟังดูแล้วก็เป็นเหมือนสิ่งที่ดี เมื่อมีนักท่องเที่ยว เงินก็สะพัด ความเจริญทางด้านวัตถุก็ตามมาอย่างไม่หยุดหย่อน เห็นได้ง่ายๆว่ามีห้างใหญ่เปิดขึ้นเป็นดอกเห็ดถึงสามที่ในปีที่แล้ว มูลค่าบ้านและที่ดินก็พุ่งขึ้นสูงหลายเท่าตัวเป็นประวัติการณ์​ นายทุนหัวใสกว้านซื้อผืนนาและที่ดินจากชาวบ้านเพื่อสร้างคอนโด อาคารพานิชย์ โรงแรม และ หมู่บ้านจัดสรร กันเต็มไปหมด

แต่สิ่งที่ตามมาพร้อมความเจริญ...มักจะไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่นัก

นักท่องเที่ยวเดินกันควักไขว่ทุกหัวระแหง การกระทำที่ผิดแปลก แหกจารีตประเพณีก็มีให้เห็นกันแทบจะทุกที่ โดยเฉพาะยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขึ้นชื่อเรื่องความไร้ระเบียบ ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง แม้ว่ารัฐบาลจีนถึงขั้นมี "คู่มือ" สำหรับการเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีให้กับประชากรของตนเอง เพราะบางการกระทำถึงกับข้ามเส้นคำว่า "ถ่อย" ไปเลยก็มี พี่น้องเชียงใหม่ก็ต้องปวดเฮดกันให้เห็นบ่อยๆ

อย่างเช่นข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้น ที่พระธาตุดอยสุเทพฯ มีนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้ตีนถีบระฆังวัด ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจหรอกว่าพวกมันมีสมองไว้แค่คั่นสองหูหรืออย่างไร หรือแม้กระทั่งไปนั่งถ่ายหนักในคูเมืองซึ่ง...เฮ้ยก็เกินไปปะ?

แต่พอคิดไปเรื่อยๆ เอาเรื่องทุเรศที่น่าอับอายเหล่านี้มาย้อนดูตัวเราเอง คนสัญชาติสยามก็ไม่ได้น้อยหน้าเลยด้านความกร่างในต่างแดน แม้นอาจจะไม่ได้ไปขี้ในน้ำพุด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ หรือเอาตีนไปเขี่ยระฆังยักษ์ที่หอนาฬิกาบิ๊กเบน แต่วีรกรรมของพี่ไทยก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเท่าไหร่นัก

มีตั้งแต่เหตุการณ์ที่เป็นข่าวฉาวในประเทศอินทรีเหล็ก ไปด่าเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนพิการ (เพราะเขามีแขนแค่ข้างเดียว) ไปด่านักเรียนไทยที่อยู่ในแถวว่าทำไมไม่ช่วยเหลือคนไทยให้ลัดคิว เพราะพวกเขาต้องรีบไปทำธุระอย่างอื่นต่อ ทั้งๆที่แถวเข้าสถานที่ท่องเที่ยวนั้นยาวเหยียดเป็นหางว่าว แต่ตัวเองต้องการที่จะเปร่งรัศมีอำนาจ จนสุดท้ายก็โดนตำรวจจับและเตะออกนอกประเทศ

อีกข่าวหนึ่งก็ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายปีก่อนผมเดินทางไปเกาะคิวชู คนไทยไปเช่ารถในญี่ปุ่นแล้วเกิดอุบัติเหต ชนเด็กนักเรียนญี่ปุ่นถึงกับเสียชีวิตที่เมืองชิบะ สาเหตุ...เพราะมึนเมา ระหว่างที่ย่างเท้าในประเทศของเขา ผมแทบจะไม่อยากพูดเลยว่าตัวเองมีสัญชาติอะไร ไม่ใช่เพราะไม่ได้ภูมิใจที่ตัวเองเป็นคนไทย ไม่ได้อับอายที่ประเทศเรานั้นยังด้อยพัฒนาและล้าหลังในหลายๆด้าน แต่แค่ไม่อยากให้คนที่นั้นใช้เรื่องราวจากข่าวที่ได้ยินได้ฟัง เป็นไม้บรรทัด เป็นเกณฑ์วัดตัวผมว่าเป็น "คนไทย" แบบนั้น ไม่อยากโดนเอาไปเหมารวมเป็นคนล็อตเดียวกันกับคนอีกกลุ่ม แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ....มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเกิดมาในประเทศขวานทอง คนไทยคนหนึ่งไปทำอะไรเหม็นโฉ่ ข่าวไม่ได้เขียนว่า "นายคนนั้น นางคนนี้" เท่านั้น แต่มักจะพาดพิงรวบยอดเอาเลยว่า "คนไทยนายนั้น คนไทยนางนี้" ไปโดยปริยาย

ช่วงต้นเดือนกุมภาฯที่ผ่านมา มีโอกาสขึ้นไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์อีกครั้งหนึ่งในรอบสิบกว่าปี (ครั้งล่าสุดคือไปตอนม.หกกับเพื่อนๆ)​ รู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่ได้เจอหน้ากันมานานพอสมควร ไม่รู้ว่าข้างบนนั้นจะเปลี่ยนไปยังไงบ้าง จะยังพอมีให้เห็นแม่คะนิ้งบนยอดหญ้าอย่างที่ออกข่าวรึเปล่า แต่พวกเรากะเวลาเดินทางพลาด ออกจากเชียงใหม่สายไปหน่อย ขึ้นไปถึงยอดดอยก็สิบโมงกว่า อากาศแม้จะยังเย็นแต่น้ำค้างแข็งบนยอดหญ้าก็ละลายไปหมดแล้ว แม้จะเสียดายแต่ก็ยังอดจะตื่นตาตื่นใจกับธรรมชาติที่สวยงามโดยรอบไม่ได้ ภูเขาสลับซับซ้อนเขียวชะอุ่ม​ (ใครจะรู้มั้งว่านี้เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน พม่า) อากาศบริสุทธิ์ ทุ่งดอกไม้ที่ปลูกเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ชม และไม่แปลกใจที่ตอนขึ้นมา สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับต้นของประเทศเช่นนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติปะปนอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก และพี่จีนก็เป็นหนึ่งในนั้น

ขณะที่ผมกำลังถ่ายรูปเรื่อยๆเปื่อยๆ ก็มีนักท่องเที่ยวหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาขอให้ผมช่วยถ่ายรูปให้หน่อย (ท่าจะเห็นแล้วว่าไอ้นี้มันถือกล้องตัวใหญ่) ผมยิ้มตอบบอกว่าได้แน่นอนไม่มีปัญหา เธอวิ่งไปแอ็คท่าหนึ่งช็อต ผมก็ซัดไปเลยห้าหกแชะ เธอวิ่งกลับมาดูรูปด้วยความพึงพอใจแล้วก็โค้งขอบคุณ ผมยิ้มตอบแล้วบอกว่า "you are welcome" แล้วก็เดินจากออกมา

เกือบยี่สิบนาทีผ่านไปที่ผมทำตัวเป็นผีเสื้อบินวนในสวนดอกไม้ ก็วนกลับมาเจอเธอคนนี้อีกครั้ง ไม่วาย...เธอขอให้ผมถ่ายรูปให้อีกรอบ ผมยิ้มตอบอีกครั้งบอกว่าได้เลย คราวนี้เธอลงไปนั่งข้างๆพุ่มดอกไม้ แล้วยกมือพนมขึ้นทำท่าคล้ายการพนมมือไหว้อย่างคนไทย ผมอดยิ้มไม่ได้เพราะมันดูแปลกตาแต่ก็น่ารักไปอีกแบบ กดถ่ายไปให้เธอเสร็จเรียบร้อย ผมก็ถามไถ่ว่าเธอมาจากไหน คำตอบก็รู้ๆกันอยู่แล้ว หน้าหมวยขนาดนี้ เธอตอบมาว่า ไอแอมฟรอมไชน่า "Welcome to Thailand" ผมพูดกลับไปแล้วก็บอกให้เธอมีความสุขกับเวลาที่อยู่ที่เมืองไทย ไม่รู้ว่าเธอเข้าใจรึเปล่าแต่ก็ยิ้มตอบแล้วยกมือพนมแล้วไหว้อีกครั้ง ผมรีบรับไหว้แบบไม่ทันตั้งตัว

ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นไชนีสคนหนึ่ง เป็นคนสัญชาติเดียวกับคนที่กลุ่ม "ฮา จัง เจ๊ก" นั้นประนามด่าว่าจนเสียหาย ไม่มีอะไรดี เหม็นเน่าจนไม่ควรอยู่ใกล้ ควรแบนวีซ่า ควรห้ามเข้าประเทศ ควรถูกกักอยู่ในแต่ในเขตประเทศตัวเอง ทั้งๆที่เขาก็เป็นแค่นักท่องเที่ยวคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แม้จะทำตัวดีอย่างไร ก็จะยังมีคนไทย "บางคน" ที่ใช้เรื่องราวเน่าๆของคนจีนคนอื่น มาเทียบวัดว่าหญิงคนนี้คงจะไม่ต่างกัน สักพักก็คงจะเท้าไปเตะระฆังวัดต่อ แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะไม่ได้มีความคิดนั้นในหัวเลยก็ตาม

มันเป็นความจริงที่น่าเศร้า ปลาเน่าส่งกลิ่นตัวเดียวก็ทำให้คนเมินหน้าเบะปากใส่ปลาทั้งเข่ง ชะตากรรมของผมในต่างแดนก็คงไม่ต่างกับหญิงชาวไชนีสในเมืองไทย แม้ว่าจะพยายามทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดียังไง ก็คงจะไม่แปลกใจถ้าไปเจอเพจ "I Hate Thai People" บนโลกโซเชียลบ้าง เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ (แต่ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรจะทำตัวประชดไปเลย ไหนๆก็เกลียดกูละ กูก็ เ-หี้-ย ไปเลยละกัน ก็ไม่ใช่)

แต่ยังคงมีบางเรื่องที่น่าสลดกว่านั้นอีก ปลาหลายตัวที่รุมประนามปลาในเข่งอื่นว่าเน่าเหม็น เหมารวมไปเลยว่าเข่งนั้นมันกินไม่ได้หนอนชอนไชเกินเยียวยา แต่กลับไม่รู้ตัวว่าเป็นปลาเน่าที่ใครก็เมินหน้าหนี...ในเข่งของตัวมันเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่