Matchday #26 | Ligue 1
Saint Etienne 2 : 2 Marseille

หากคุณดูตารางคะแนนของ Ligue 1 ในตอนนี้ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลฝรั่งเศสในช่วงนี้ อาจจะงงอยู่เล็กน้อย ทำไม ลียงถึงขึ้นอันดับ 1 ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ มาร์กเซยหรอกเหรอที่ฟอร์มร้อนแรง ฉุดไม่อยู่ และเกาะหัวตารางมาโดยตลอด และเกิดอะไรขึ้นกับ ปารีสฯที่เกาะอันดับ 2 เหนียวแน่นไม่ยอมกระดิกขึ้นหรือลงมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล แม้แต่ โมนาโกที่ว่ากำลังแย่ เลื่อนมาขึ้นที่ 4 ได้ตอนไหน เรียกได้ว่า อันดับในปีนี้ บี้กันสนุกกว่าปีที่แล้ว ที่มีแค่ โมนาโก กับ ปารีสฯ เท่านั้นที่เป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กัน
เกมนี้เป็นนัดที่ 26 ซึ่งถือว่าอีกไม่ไกลนักก็จะจบฤดูกาลแล้ว และสถานการณ์ในลีกเอิงก็อยู่ในช่วงเข้มข้น เพราะ อันดับต้นๆของตารางแต้มไม่ทิ้งกันมาก และ แต่ละทีมก็มีสิทธิ์แพ้ ชนะ เสมอ ได้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเจอทีมใหญ่หรือเล็ก เพราะบอลฝรั่งเศศหลายๆทีมพวกเขาเล่นเกมเหย้าได้แข็งแกร่งมากแม้จะเจอคู่แข่งที่น่ากลัวมากก็ตาม
นัดนี้เป็นเกมของ Saint Etienne เปิดบ้านรับการมาเยือนของ มาร์กเซย ที่เป๋มาตั้งแต่ช่วงสิ้นปีก่อน ทำให้อันดับรูดมาอยู่ที่ 3 จนถึงปัจจุบันขณะที่ ลียงกลับโชว์ฟอร์มฮอตชนะติดกันถึง 7 นัดผงาดขึ้นอันดับ 1 ได้ทันทีขณะที่ทีมอื่นๆทยอยเสมอกับแพ้กันหมด
แม้ Saint Etiene จะรั้งอันดับ 5 ก่อนมาเจอมาร์กเซย แต่สำหรับเกมเหย้าแล้วไม่ว่าพวกเขาจะฟอร์มแย่แค่ไหน ก็ได้เปรียบเสมอในเรื่องแนวรับ จากสถิติเปิดบ้านแพ้เพียง 2 ครั้งให้ปารีสฯ 0-1 และ ตูลูส 0-1 มาร์กเซยที่ดูดีกว่าเยอะมากในแนวรุกก็ดูจะกลายเป็นความสูสีกันไปหมดในเกมนี้
สนามเหย้าของ Saint Etiene คือ Stade Geoffroy-Guichard ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า The Green Hell นรกสีเขียว ด้วยความยิ่งใหญ่ของแฟนบอลเจ้าถิ่นและอดีตแชมป์ลีก 10 สมัย มนต์ขลังของพวกเขาไม่เคยเสื่อมคลายลงเลย
หากคุณคิดว่า ปารีสฯ ที่เต็มไปด้วยนักเตะชื่อดังมากมายเล่นบอลได้น่าสนใจที่สุดในลีกเอง ขอให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะเกมนี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในนัดที่สนุกที่สุดเกมหนึ่งของลีกเอิงในฤดูกาลนี้ ด้วยเกมบุกที่สลับกันรุกรับเกือบทั้งเกมและการกระทบกระทั่งอันดุเดือดระหว่างเกมที่เกิดขึ้นเกือบทุกๆ 10 นาที ในการตัดเกมรุก สิ่งที่น่าเสียดายมากคือ ทั้งคู่จบสกอร์ได้ค่อนข้างแย่ แต่มีรูปเกมที่ดีมาก
มาร์กเซยส่งให้ ลูคัส โอแคมโปส นักเตะดาวรุ่งที่ยืมตัวมาจากโมนาโกในช่วงฤดูหนาวลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในนัดนี้ โดยโอแคมโปสลงมาเล่นในตำแหน่งปีกขวาแทนที่ ฟลอเรียน ตูแวงที่ดูทื่อๆ ไปในช่วงหลัง เกมริมเส้นของเขาไม่สะเด่าแบบต้นฤดูกาลแล้ว ขณะที่ตัวอื่นๆยังคงยึดตามตำแหน่งเดิม ทางด้านฝั่ง เซนท์ เอสเตียนก็เช่นกันรายชื่อ 11 ตัวจริงของเขาไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงนักนอกจากตัวหลักเจออาการบาดเจ็บ
มาร์กเซยยังคงทำเกมบุกได้ดีในเกมริมเส้นครอสเข้ามาเล่นที่หน้ากรอบ ขณะที่เกมรุกของเซนท์เอสเตียนมักอาศัยจังหวะโต้กลับที่รวดเร็ว แต่ที่น่ารำคาญอยู่สักหน่อยในบอลฝรั่งเศสเกือบทุกทีมคือ พวกเขาชอบเล่นลูกกลางอากาศกันมากๆ จนทำให้เกมบุกหลายๆครั้งดูไม่ดุเดือด และเชื่องช้าไปบ้างในบางหน
ประตูแรกเกิดขึ้นใน ครึ่งหลังนาทีที่ 53 เมื่อ มาร์กเซยทำฟาล์วแบบเซ่อๆในเขตโทษทำให้เจ้าบ้านได้ยิงจุดโทษขึ้นนำไปก่อน และนี่เป็นจุดเปลี่ยนพอสมควร จากที่เซนท์เอสเตียนดูตั้งรับ สวนกลับ ได้กลับไปทำเกมรุกแทน มาร์กเซยเองก็ต่อบอลผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งจนฝั่งเซนท์เอสเตียนได้ลุ้นเกืบตลอด (อันที่จริงครึ่งแรกเอง ฝั่งเจ้าถิ่นก็ได้ลุ้นแบบจะแจ้งมากกว่าด้วย) บิเอลซ่าเป็นผู้จัดการทีมอีกคนที่ชอบปั้นนักเตะเด็กๆ และแก้เกมได้เก่งมากคนหนึ่งหลังถูกนำจากจุดโทษและดูเหมือนบุกไม่ขึ้นเลย เขาเปลี่ยนตัวทันที 3 ตัวพร้อมกัน เปลี่ยนฌีญัก โรเมา ดเจดเจ ออก เอา บัตซูอาชี อโลเอ อเลซารเดรนี่ลงมาแทนและนั่นมันถูกจริงๆ
บัตซูอาชี คือตัวนำโชคของมาร์กเซยในวันนี้ เพียง 39 วินาทีที่เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมา แอสซานดรินี่จะครอสบอลไกลมาให้จากริมเส้นที่เส้นกลางสนาม บัตซูอาชี่วิ่งไปรอบอลที่หน้ากรอบ เขาพักบอลได้ ล็อก 1 ล็อก 2-3 อย่าหล่อก่อนยิงผ่านมือราฟเฟียเออร์เข้าไปเป็นลูกตีเสมอ เรียกขวัญกำลังใจกลับมาให้ทีมทันทีและหากนี้นี่เป็นลูกฟลุ๊คของเขา ก็ต้องไปดูประตูที่ 2 ที่เขาทำได้ด้วยลูกลักษณะเดียวกัน มุมเดียวกัน และหลังจากลูกแรกเพียง 3 นาที แถมยังเป็นลูกที่เขาปั้นเองกับเท้าก่อนจะจบด้วยตัวเองด้วย
สถานการณ์กลับมาอยู่มือของมาร์กเซยอีกครั้ง เกมริมเส้นพวกเขาถูกเจ้าถิ่นดักได้ทุกลูก เลยต้องหันมาเจาะเข้าตรงกลางและทิ้งบอมบ์ซุ่มลงไปแทนซึ่งก็ได้ผล เพราะมันป่วนกองหลังได้พอสมควรครึ่งหลังเป็นมาร์กเซยที่ได้ทำเกมบุกมากขึ้นเจ้าถิ่นเองก็ดูไม่ค่อยมีพิษสงในเกมรุกจึงต้องเปลี่ยนเอาแนวรุกชุดเด็กออกและส่งแนวรุกชุดเก๋าที่เล่นเกมรับได้ดีลงไปแทน ซึ่งก็ช่วยให้มีลุ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น อย่าลืมว่า มานดานด้า ประตูของมาร์กเซยก็หนึบใช่เล่น
ทดเวลา 4 นาที มาร์กเซยกำลังจะเก็บ 3 แต้มออกจาก The Green Hell และกำลังจะมีแต้มเท่ากับ ปารีสฯ ที่ 52 แต้ม เสียแต่ว่าฝั่งเจ้าบ้าน เองก็มีซุปเปอร์ซับเช่นกัน เอร์ดิ้งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในท้ายเกม โหม่งประตูชัยได้ในนาทีที่ 93 เก็บแต้มเสมอให้ทีมจนได้ แบบที่สั่นสะเทือนไปทั้งสนาม เป็น 94 นาทีที่สนุกสนานมากเกมนึงของลีกเอิง อย่างที่คอมเมนท์เตเตอร์ของสนามบอกไว้ว่า เป็นคู่ที่มันที่สุดคู่หนึ่งในฤดูกาลนี้
และ คู่นี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าลีกเอิงยุคนี้ ไม่มีมีแค่ปารีสฯ โมนาโก
แต่มาร์กเซย ลียง เซนต์เอสเตียน มงเปริเย่ต์ และอีกบางทีม ก็เล่นได้สนุกสนานมากเช่นกัน แม้ส่วนใหญ่จะชวนหลับก็ตามที
ดูไฮไลต์ได้ที่นี่ค่ะ :
AS Saint-Etienne - Olympique de Marseille (2-2) / 2014-15
ตาราง Ligue 1 Week #26
วันก่อนนั่งดูแล้วชอบคู่นี้ เลยอยากเอามารีวิวให้อ่านกันค่ะ เห็นไม่ค่อยมีคนพูดถึงลีกเอิงกันเท่าไหร่
หากมีการออกเสียงชื่อภาษาฝรั่งเศสผิด ขออภัยล่วงหน้านะคะ เราฟังจากคนพากย์อังกฤษออกเสียงประมาณนี้
[Review] Matchday #26 | Ligue 1 > Saint Etienne 2 : 2 Marseille
Saint Etienne 2 : 2 Marseille
หากคุณดูตารางคะแนนของ Ligue 1 ในตอนนี้ สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามฟุตบอลฝรั่งเศสในช่วงนี้ อาจจะงงอยู่เล็กน้อย ทำไม ลียงถึงขึ้นอันดับ 1 ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ มาร์กเซยหรอกเหรอที่ฟอร์มร้อนแรง ฉุดไม่อยู่ และเกาะหัวตารางมาโดยตลอด และเกิดอะไรขึ้นกับ ปารีสฯที่เกาะอันดับ 2 เหนียวแน่นไม่ยอมกระดิกขึ้นหรือลงมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล แม้แต่ โมนาโกที่ว่ากำลังแย่ เลื่อนมาขึ้นที่ 4 ได้ตอนไหน เรียกได้ว่า อันดับในปีนี้ บี้กันสนุกกว่าปีที่แล้ว ที่มีแค่ โมนาโก กับ ปารีสฯ เท่านั้นที่เป็นคู่แข่งแย่งแชมป์กัน
เกมนี้เป็นนัดที่ 26 ซึ่งถือว่าอีกไม่ไกลนักก็จะจบฤดูกาลแล้ว และสถานการณ์ในลีกเอิงก็อยู่ในช่วงเข้มข้น เพราะ อันดับต้นๆของตารางแต้มไม่ทิ้งกันมาก และ แต่ละทีมก็มีสิทธิ์แพ้ ชนะ เสมอ ได้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเจอทีมใหญ่หรือเล็ก เพราะบอลฝรั่งเศศหลายๆทีมพวกเขาเล่นเกมเหย้าได้แข็งแกร่งมากแม้จะเจอคู่แข่งที่น่ากลัวมากก็ตาม
นัดนี้เป็นเกมของ Saint Etienne เปิดบ้านรับการมาเยือนของ มาร์กเซย ที่เป๋มาตั้งแต่ช่วงสิ้นปีก่อน ทำให้อันดับรูดมาอยู่ที่ 3 จนถึงปัจจุบันขณะที่ ลียงกลับโชว์ฟอร์มฮอตชนะติดกันถึง 7 นัดผงาดขึ้นอันดับ 1 ได้ทันทีขณะที่ทีมอื่นๆทยอยเสมอกับแพ้กันหมด
แม้ Saint Etiene จะรั้งอันดับ 5 ก่อนมาเจอมาร์กเซย แต่สำหรับเกมเหย้าแล้วไม่ว่าพวกเขาจะฟอร์มแย่แค่ไหน ก็ได้เปรียบเสมอในเรื่องแนวรับ จากสถิติเปิดบ้านแพ้เพียง 2 ครั้งให้ปารีสฯ 0-1 และ ตูลูส 0-1 มาร์กเซยที่ดูดีกว่าเยอะมากในแนวรุกก็ดูจะกลายเป็นความสูสีกันไปหมดในเกมนี้
สนามเหย้าของ Saint Etiene คือ Stade Geoffroy-Guichard ที่แห่งนี้ถูกเรียกว่า The Green Hell นรกสีเขียว ด้วยความยิ่งใหญ่ของแฟนบอลเจ้าถิ่นและอดีตแชมป์ลีก 10 สมัย มนต์ขลังของพวกเขาไม่เคยเสื่อมคลายลงเลย
หากคุณคิดว่า ปารีสฯ ที่เต็มไปด้วยนักเตะชื่อดังมากมายเล่นบอลได้น่าสนใจที่สุดในลีกเอง ขอให้คุณเปลี่ยนความคิดใหม่ เพราะเกมนี้ ถูกยกให้เป็นหนึ่งในนัดที่สนุกที่สุดเกมหนึ่งของลีกเอิงในฤดูกาลนี้ ด้วยเกมบุกที่สลับกันรุกรับเกือบทั้งเกมและการกระทบกระทั่งอันดุเดือดระหว่างเกมที่เกิดขึ้นเกือบทุกๆ 10 นาที ในการตัดเกมรุก สิ่งที่น่าเสียดายมากคือ ทั้งคู่จบสกอร์ได้ค่อนข้างแย่ แต่มีรูปเกมที่ดีมาก
มาร์กเซยส่งให้ ลูคัส โอแคมโปส นักเตะดาวรุ่งที่ยืมตัวมาจากโมนาโกในช่วงฤดูหนาวลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในนัดนี้ โดยโอแคมโปสลงมาเล่นในตำแหน่งปีกขวาแทนที่ ฟลอเรียน ตูแวงที่ดูทื่อๆ ไปในช่วงหลัง เกมริมเส้นของเขาไม่สะเด่าแบบต้นฤดูกาลแล้ว ขณะที่ตัวอื่นๆยังคงยึดตามตำแหน่งเดิม ทางด้านฝั่ง เซนท์ เอสเตียนก็เช่นกันรายชื่อ 11 ตัวจริงของเขาไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงนักนอกจากตัวหลักเจออาการบาดเจ็บ
มาร์กเซยยังคงทำเกมบุกได้ดีในเกมริมเส้นครอสเข้ามาเล่นที่หน้ากรอบ ขณะที่เกมรุกของเซนท์เอสเตียนมักอาศัยจังหวะโต้กลับที่รวดเร็ว แต่ที่น่ารำคาญอยู่สักหน่อยในบอลฝรั่งเศสเกือบทุกทีมคือ พวกเขาชอบเล่นลูกกลางอากาศกันมากๆ จนทำให้เกมบุกหลายๆครั้งดูไม่ดุเดือด และเชื่องช้าไปบ้างในบางหน
ประตูแรกเกิดขึ้นใน ครึ่งหลังนาทีที่ 53 เมื่อ มาร์กเซยทำฟาล์วแบบเซ่อๆในเขตโทษทำให้เจ้าบ้านได้ยิงจุดโทษขึ้นนำไปก่อน และนี่เป็นจุดเปลี่ยนพอสมควร จากที่เซนท์เอสเตียนดูตั้งรับ สวนกลับ ได้กลับไปทำเกมรุกแทน มาร์กเซยเองก็ต่อบอลผิดพลาดอยู่บ่อยครั้งจนฝั่งเซนท์เอสเตียนได้ลุ้นเกืบตลอด (อันที่จริงครึ่งแรกเอง ฝั่งเจ้าถิ่นก็ได้ลุ้นแบบจะแจ้งมากกว่าด้วย) บิเอลซ่าเป็นผู้จัดการทีมอีกคนที่ชอบปั้นนักเตะเด็กๆ และแก้เกมได้เก่งมากคนหนึ่งหลังถูกนำจากจุดโทษและดูเหมือนบุกไม่ขึ้นเลย เขาเปลี่ยนตัวทันที 3 ตัวพร้อมกัน เปลี่ยนฌีญัก โรเมา ดเจดเจ ออก เอา บัตซูอาชี อโลเอ อเลซารเดรนี่ลงมาแทนและนั่นมันถูกจริงๆ
บัตซูอาชี คือตัวนำโชคของมาร์กเซยในวันนี้ เพียง 39 วินาทีที่เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมา แอสซานดรินี่จะครอสบอลไกลมาให้จากริมเส้นที่เส้นกลางสนาม บัตซูอาชี่วิ่งไปรอบอลที่หน้ากรอบ เขาพักบอลได้ ล็อก 1 ล็อก 2-3 อย่าหล่อก่อนยิงผ่านมือราฟเฟียเออร์เข้าไปเป็นลูกตีเสมอ เรียกขวัญกำลังใจกลับมาให้ทีมทันทีและหากนี้นี่เป็นลูกฟลุ๊คของเขา ก็ต้องไปดูประตูที่ 2 ที่เขาทำได้ด้วยลูกลักษณะเดียวกัน มุมเดียวกัน และหลังจากลูกแรกเพียง 3 นาที แถมยังเป็นลูกที่เขาปั้นเองกับเท้าก่อนจะจบด้วยตัวเองด้วย
สถานการณ์กลับมาอยู่มือของมาร์กเซยอีกครั้ง เกมริมเส้นพวกเขาถูกเจ้าถิ่นดักได้ทุกลูก เลยต้องหันมาเจาะเข้าตรงกลางและทิ้งบอมบ์ซุ่มลงไปแทนซึ่งก็ได้ผล เพราะมันป่วนกองหลังได้พอสมควรครึ่งหลังเป็นมาร์กเซยที่ได้ทำเกมบุกมากขึ้นเจ้าถิ่นเองก็ดูไม่ค่อยมีพิษสงในเกมรุกจึงต้องเปลี่ยนเอาแนวรุกชุดเด็กออกและส่งแนวรุกชุดเก๋าที่เล่นเกมรับได้ดีลงไปแทน ซึ่งก็ช่วยให้มีลุ้นได้บ้าง แต่ก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น อย่าลืมว่า มานดานด้า ประตูของมาร์กเซยก็หนึบใช่เล่น
ทดเวลา 4 นาที มาร์กเซยกำลังจะเก็บ 3 แต้มออกจาก The Green Hell และกำลังจะมีแต้มเท่ากับ ปารีสฯ ที่ 52 แต้ม เสียแต่ว่าฝั่งเจ้าบ้าน เองก็มีซุปเปอร์ซับเช่นกัน เอร์ดิ้งที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาในท้ายเกม โหม่งประตูชัยได้ในนาทีที่ 93 เก็บแต้มเสมอให้ทีมจนได้ แบบที่สั่นสะเทือนไปทั้งสนาม เป็น 94 นาทีที่สนุกสนานมากเกมนึงของลีกเอิง อย่างที่คอมเมนท์เตเตอร์ของสนามบอกไว้ว่า เป็นคู่ที่มันที่สุดคู่หนึ่งในฤดูกาลนี้
และ คู่นี้เป็นข้อพิสูจน์ว่าลีกเอิงยุคนี้ ไม่มีมีแค่ปารีสฯ โมนาโก
แต่มาร์กเซย ลียง เซนต์เอสเตียน มงเปริเย่ต์ และอีกบางทีม ก็เล่นได้สนุกสนานมากเช่นกัน แม้ส่วนใหญ่จะชวนหลับก็ตามที
ดูไฮไลต์ได้ที่นี่ค่ะ :
AS Saint-Etienne - Olympique de Marseille (2-2) / 2014-15
ตาราง Ligue 1 Week #26
วันก่อนนั่งดูแล้วชอบคู่นี้ เลยอยากเอามารีวิวให้อ่านกันค่ะ เห็นไม่ค่อยมีคนพูดถึงลีกเอิงกันเท่าไหร่
หากมีการออกเสียงชื่อภาษาฝรั่งเศสผิด ขออภัยล่วงหน้านะคะ เราฟังจากคนพากย์อังกฤษออกเสียงประมาณนี้