คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ต้องทำความเข้ากันก่อนว่า น้ำตาลไอซิ่ง กับน้ำตาลทราย ไม่เหมือนกันนะคะ วัตถุประสงค์การใช้ก็ต่างกัน
น้ำตาลไอซิ่งจะมีแป้งข้าวโพดหรือแป้งมันผสมราวๆ 1-3% ดังนั้นความหวานจะน้อยกว่า และให้เนื้อสัมผัสของขนมที่ได้จะต่างกัน
เค้กใช้ไอซิ่งจะเนื้อแน่นและแห้งกว่าน้ำตาลทราย เค้กบางชนิดใช้ไอซิ่งแล้วขนมแบนเตี้ยไม่ขึ้นฟูก็มี
บัตเตอร์ครีม, วิปครีมที่ตีเสร็จแล้ว ถ้ามีส่วนผสมของไอซิ่งจะอยู่ตัว+ละลายยากกว่าน้ำตาลทราย(กรณีไม่แช่เย็น)
คุ้กกี้ใช้ไอซิ่งจะกรอบแข็งและคงความกรอบได้นานกว่าน้ำตาลทราย พอเห็นภาพมั้ยคะ
ถ้าอยากได้น้ำตาลเนื้อละเอียด แนะนำพวกน้ำตาลเม็ดเล็กสำหรับเบเกอรี่เช่น ยี่ห้อลิน ไม่งั้นก็น้ำตาลทรายป่น
แต่น้ำตาลทรายป่นจะแพงค่ะ กก.ละ 30+ บาท หาซื้อได้ตามร้านวัตถุดิบเบเกอรี่ค่ะ
ตอบคำถาม
1. แล้วแต่สูตรค่ะ
2. ทำเยอะแยะมากมายหลายอย่าง เพราะทำร้านเบเกอรี่ ทำขาย ทำกินเอง ทำแจก ทำทดลองสูตรใหม่ๆ
3. กลิ่นวนิลาใช้กลบกลิ่นคาวไข่และเพิ่มความหอมละมุนให้เนื้อขนมค่ะ
(มีอีกกลิ่นที่นิยมคือ กลิ่นนมเนย ก็เพิ่มความหอม แต่ไม่กลบกลิ่นคาวไข่ เอามาใช้คู่กับกลิ่นวนิลาขนมหอมฟุ้งเลยค่ะ)
น้ำตาลไอซิ่งจะมีแป้งข้าวโพดหรือแป้งมันผสมราวๆ 1-3% ดังนั้นความหวานจะน้อยกว่า และให้เนื้อสัมผัสของขนมที่ได้จะต่างกัน
เค้กใช้ไอซิ่งจะเนื้อแน่นและแห้งกว่าน้ำตาลทราย เค้กบางชนิดใช้ไอซิ่งแล้วขนมแบนเตี้ยไม่ขึ้นฟูก็มี
บัตเตอร์ครีม, วิปครีมที่ตีเสร็จแล้ว ถ้ามีส่วนผสมของไอซิ่งจะอยู่ตัว+ละลายยากกว่าน้ำตาลทราย(กรณีไม่แช่เย็น)
คุ้กกี้ใช้ไอซิ่งจะกรอบแข็งและคงความกรอบได้นานกว่าน้ำตาลทราย พอเห็นภาพมั้ยคะ
ถ้าอยากได้น้ำตาลเนื้อละเอียด แนะนำพวกน้ำตาลเม็ดเล็กสำหรับเบเกอรี่เช่น ยี่ห้อลิน ไม่งั้นก็น้ำตาลทรายป่น
แต่น้ำตาลทรายป่นจะแพงค่ะ กก.ละ 30+ บาท หาซื้อได้ตามร้านวัตถุดิบเบเกอรี่ค่ะ
ตอบคำถาม
1. แล้วแต่สูตรค่ะ
2. ทำเยอะแยะมากมายหลายอย่าง เพราะทำร้านเบเกอรี่ ทำขาย ทำกินเอง ทำแจก ทำทดลองสูตรใหม่ๆ
3. กลิ่นวนิลาใช้กลบกลิ่นคาวไข่และเพิ่มความหอมละมุนให้เนื้อขนมค่ะ
(มีอีกกลิ่นที่นิยมคือ กลิ่นนมเนย ก็เพิ่มความหอม แต่ไม่กลบกลิ่นคาวไข่ เอามาใช้คู่กับกลิ่นวนิลาขนมหอมฟุ้งเลยค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
สอบถามคนเคยทำขนมเค้กค่ะ