กิจกรรมรับน้องและกิจกรรมอื่นๆในมหาวิทยาลัยต่างๆเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการเรียนหรือไม่ ทำไมต้องมีการรับน้องเป็นเดือน เป็นเทอม ทำไมต้องมีกิจกรรมต่างๆมากมายมากินเวลาการเรียน คำว่า กิจกรรม ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งที่ต้องเข้าร่วมหรือ??? ปัจจุบันกลายเป็นเรื่องหลักมากกว่าการเรียนไปแล้วใช่หรือไม่ กิจกรรมเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ต้องทุ่มเทจนตัวตายจนทำให้บางคนทนไม่ไหวถึงกับขั้นต้องลาออก ซิ่ว หรือดรอปเรียนไป อาจารย์หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในมหาวิทยาลัยรับรู้ถึงปัญหาเหล่านี้หรือไม่
จากการเฝ้าสังเกตรุ่นน้องคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังเป็นอันดับต้นๆของประเทศแห่งหนึ่งพบว่า รุ่นน้องคนนี้ไม่มีความสุขกับการเรียนในคณะที่ตัวเองเลือก ทั้งๆที่รุ่นน้องคนนี้เป็นคนร่าเริง แจ่มใส และเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงแรกๆด้วยความสนุกสนาน แต่เพราะตารางกิจกรรมที่แน่นจนเกินไป กิจกรรมบางกิจกรรมก็เป็นเพียงกิจกรรมที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของรุ่นพี่บางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญต่อรุ่นน้องแต่กลับบังคับให้รุ่นน้องต้องทำ หากไม่ทำก็จะมีการชักชวนเพื่อนๆในคณะให้ตัดรุ่นรุ่นน้องคนนี้ โดยการห้ามคุย ห้ามติดต่อ ห้ามช่วยเหลือเรื่องการเรียน นี่หรือรุ่นพี่?? รุ่นพี่ก็เป็นส่วนสำคัญที่มีผลกระทบต่อการเรียนในมหาวิทยาลัยของรุ่นน้องเช่นกัน
คำว่า รุ่นพี่ นั้นหมายถึงอะไร??? จากความเข้าใจโดยส่วนตัวนั้น รุ่นพี่คือคนที่สามารถช่วยเหลือรุ่นน้องได้เมื่อเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาให้กับน้องๆด้านกิจกรรมและการเรียน แต่เท่าที่เฝ้าสังเกตคำว่ารุ่นพี่ของที่นี่ห่างไกลจากความเข้าใจของผู้เขียนมาก รุ่นพี่ที่นี่คือตัวบังคับให้รุ่นน้องทำสิ่งต่างๆ แอคไปวันๆ หากเรียนแล้วติด F เรียนแล้วต้องเรียนซ้ำ คือ ความเท่ ความเจ๋งของรุ่นพี่ “หากหนูมาเข้ากิจกรรมมากเกินไปจนหนูไม่มีเวลาเรียนล่ะคะพี่ หนูจะทำยังไง ลุงกับป้าหนูไม่มีเงินให้หนูทำกิกรรมเยอะมากมาย หนูจะไม่ได้เรียนหากเรียนแล้วต้องเรียนซ้ำหรือติด F เค้าจะไม่ส่งหนูต่อ” คำพูดของรุ่นน้องปีหนึ่งคนหนึ่งยืนขึ้นพูดขณะเข้าร่วมกิจกรรมที่จำใจต้องมา “พี่ก็เคยติด F!!! เรียนซ้ำก็เคย แล้วไง?? แต่นี่เป็นกิจรรมที่ต้องทำ” รุ่นพี่กล่าว (กล่าวแบบนี้กับทุกๆกิจกรรม) คำพูดหมามากนะ
รุ่นน้องหลายคนเป็นเด็กที่บางส่วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง – ยากจน ไม่ได้มีเงินทุกครั้งที่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมทุกๆกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมทุกอย่างถึงแม้จะบอกว่าได้งบจากมหาวิทยาลัยแต่แล้วไงก็ต้องเก็บจากคนในรุ่นอยู่ดี ยิ่งงบ Bye Nior เก็บกันทีเป็นแสนบาท ไล่ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ เด็กบางคนกู้ กยศ. เรียนต้องเอาเงิน 500-700 บาทมาเสียให้กับเรื่องพวกนี้
กิจกรรมรับน้องและกิจกรรมอื่นๆในมหาวิทยาลัยสำคัญกว่าการเรียน???
จากการเฝ้าสังเกตรุ่นน้องคนหนึ่งที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยของรัฐชื่อดังเป็นอันดับต้นๆของประเทศแห่งหนึ่งพบว่า รุ่นน้องคนนี้ไม่มีความสุขกับการเรียนในคณะที่ตัวเองเลือก ทั้งๆที่รุ่นน้องคนนี้เป็นคนร่าเริง แจ่มใส และเข้าร่วมกิจกรรมในช่วงแรกๆด้วยความสนุกสนาน แต่เพราะตารางกิจกรรมที่แน่นจนเกินไป กิจกรรมบางกิจกรรมก็เป็นเพียงกิจกรรมที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของรุ่นพี่บางกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้มีความสำคัญต่อรุ่นน้องแต่กลับบังคับให้รุ่นน้องต้องทำ หากไม่ทำก็จะมีการชักชวนเพื่อนๆในคณะให้ตัดรุ่นรุ่นน้องคนนี้ โดยการห้ามคุย ห้ามติดต่อ ห้ามช่วยเหลือเรื่องการเรียน นี่หรือรุ่นพี่?? รุ่นพี่ก็เป็นส่วนสำคัญที่มีผลกระทบต่อการเรียนในมหาวิทยาลัยของรุ่นน้องเช่นกัน
คำว่า รุ่นพี่ นั้นหมายถึงอะไร??? จากความเข้าใจโดยส่วนตัวนั้น รุ่นพี่คือคนที่สามารถช่วยเหลือรุ่นน้องได้เมื่อเข้าไปในรั้วมหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาให้กับน้องๆด้านกิจกรรมและการเรียน แต่เท่าที่เฝ้าสังเกตคำว่ารุ่นพี่ของที่นี่ห่างไกลจากความเข้าใจของผู้เขียนมาก รุ่นพี่ที่นี่คือตัวบังคับให้รุ่นน้องทำสิ่งต่างๆ แอคไปวันๆ หากเรียนแล้วติด F เรียนแล้วต้องเรียนซ้ำ คือ ความเท่ ความเจ๋งของรุ่นพี่ “หากหนูมาเข้ากิจกรรมมากเกินไปจนหนูไม่มีเวลาเรียนล่ะคะพี่ หนูจะทำยังไง ลุงกับป้าหนูไม่มีเงินให้หนูทำกิกรรมเยอะมากมาย หนูจะไม่ได้เรียนหากเรียนแล้วต้องเรียนซ้ำหรือติด F เค้าจะไม่ส่งหนูต่อ” คำพูดของรุ่นน้องปีหนึ่งคนหนึ่งยืนขึ้นพูดขณะเข้าร่วมกิจกรรมที่จำใจต้องมา “พี่ก็เคยติด F!!! เรียนซ้ำก็เคย แล้วไง?? แต่นี่เป็นกิจรรมที่ต้องทำ” รุ่นพี่กล่าว (กล่าวแบบนี้กับทุกๆกิจกรรม) คำพูดหมามากนะ
รุ่นน้องหลายคนเป็นเด็กที่บางส่วนมาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง – ยากจน ไม่ได้มีเงินทุกครั้งที่ต้องเข้าร่วมกิจกรรมทุกๆกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมทุกอย่างถึงแม้จะบอกว่าได้งบจากมหาวิทยาลัยแต่แล้วไงก็ต้องเก็บจากคนในรุ่นอยู่ดี ยิ่งงบ Bye Nior เก็บกันทีเป็นแสนบาท ไล่ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสี่ เด็กบางคนกู้ กยศ. เรียนต้องเอาเงิน 500-700 บาทมาเสียให้กับเรื่องพวกนี้