ตลาดหุ้นไทยผันผวน

กระทู้สนทนา
นี่เป็นส่วนหนึ่งของบทวิเคราะห์จากHSBCนะครับ พูดถึงปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทย

ประเทศไทยได้ผ่านเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศและความวุ่นวายทางการเมืองมาหลายครั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโดยสถานการณ์วุ่นวายครั้งล่าสุดเริ่มขึ้นในปลายปี 2556 และจบลงด้วยเหตุการณ์รัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจในช่วงดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยก็ยังเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในปีที่แล้วโดยให้ผลตอบแทนถึงร้อยละ 17 ในรูปดอลลาร์สหรัฐ

เราได้วิเคราะห์ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยจากความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นระยะ ๆและได้ข้อสรุปว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงด้านการเมืองแฝงอยู่ดังเช่นจะเห็นการปรับฐานของตลาดหุ้นลงเล็กน้อยในช่วงเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบแต่ก็สามารถดีดกลับมาได้อย่างแรงเมื่อเหตุการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเร็วๆนี้เราได้กลับไปที่กรุงเทพอีกครั้งเพื่อทบทวนมุมมองในแบบระมัดระวังของเราที่มีต่อประเทศไทย

ประเด็นหนึ่งที่สำคัญของประเทศไทยคือความคืบหน้าของการผลักดันนโยบายต่างๆของรัฐบาลใหม่ พร้อมกับการร่างรัฐธรรมนูณฉบับใหม่ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนอย่างมากในปีที่แล้วรัฐบาลทหารได้อนุมัติแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ระยะยาวมูลค่ารวม91 พันล้านเหรียญสหรัฐโครงการขนาดใหญ่เหล่านี้มีทั้งแผนขยายระบบขนส่งทางรางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าในและรอบกทม. การขยายศักยภาพของสนามบินและท่าเรือน้ำลึกแต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในขั้นประมูลเท่านั้นผู้บริหารของบริษัทซีเมนต์แห่งหนึ่งที่เราพบในกรุงเทพได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการดำเนินโครงการจนทำให้คาดว่าโครงการเหล่านี้คงจะไม่สามารถกระตุ้นความต้องการการใช้ซีเมนต์ได้โดยคาดว่าอุปสงค์ของซีเมนต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558จะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวในระดับที่ต่ำ และอาจจะขยับสูงขึ้นเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

ในขณะเดียวกันแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ชินวัตรมูลค่า 2 ล้านล้านบาทก็ได้ถูกศาลฎีกาวินิจฉัยยกเลิกไปด้วยเหตุผลด้านงบประมาณนอกจากนี้ โครงการรับจำนำข้าวได้ทำให้รัฐบาลขาดทุนเป็นมูลค่าถึงกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐส่วนโครงการประชานิยมอื่น ๆ เช่นโครงการรถคันแรกก็มีปัญหา เนื่องจากมีผู้ซื้อรถยนต์กว่า 100,000 รายไม่สามารถรับภาระสัญญาเช่าซื้อรถในขณะที่ธนาคารต่างๆก็เริ่มชะลอการปล่อยสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคล

ในขณะเดียวกัน การประกาศตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคมออกมาติดลบเนื่องจากค่าขนส่งที่ถูกลง (ราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าลดลง) และอุปทานด้านอาหารสดที่มีสูงขึ้นมากนางสาวนลินคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงยืนอยู่ในระดับต่ำต่อไปตราบเท่าที่อุปสงค์ในประเทศยังคงไม่กระเตื้องและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะปรับลดตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อพร้อมกับปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 เหลือร้อยละ1.75 ในการประชุมนโยบายครั้งต่อไปเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ

ราคาหุ้นยังอยู่ในเกณฑ์สูงราคาหุ้นปัจจุบันที่วัดด้วย P/E ของ 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 13.8 เท่าซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับตัวเลขเฉลี่ยห้าปีย้อนหลังที่ 11.4 เท่าอีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงที่ผลประกอบการของบริษัทจะออกมาต่ำกว่าคาด
---------------------------------------------
ไม่ได้โพสทั้งหมดนะครับ เพราะฉบับเต็มยาว13หน้า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่