เอาล้ะครับ หลังจากคิดอยู่นานว่าจะรีวิวหรือไม่รีวิวดี เพราะมีคนรีวิวซะเยอะ แต่ละรีวิวรายละเอียดเจ๋งๆทั้งนั้น
แต่เอาว้ะ!! อย่างน้อยมันต้องมีอะไรเป็นประโยชน์บ้างล้ะ
ออกตัวก่อนครับ รีวิวนี้ ‘หญิงเดี่ยว แบกเป้เที่ยว’ ( พูดครับนี่คิดว่าผู้ชายล้ะสิ ป่าวนะฮ้า เราเป็นผู้หญิงแค่ติดปากครับมากกว่าค่ะแค่นั้นเอง )
ทริปนี้มันเริ่มจากอาการเสพติดการท่องเที่ยวนั่นเอง คนที่ชอบเที่ยวหรือติดเที่ยวเหมือนกันจะรู้ว่ามันจะมีอาการทุรนทุราย อึดอัด และเหมือนจะลงแดงเมื่อเห็นคนอื่นไปเที่ยว ทั้งๆที่ตัวเองก็เพิ่งกลับจากเที่ยว และนั่นคือเราที่เพิ่งกลับจากเจจูได้สองวัน แต่ แต่ อยากไปเที่ยวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไงล้ะ แม่ต้องไม่ให้ไปแน่เลย ตื้ออยู่นานเมื่อผู้ใหญ่เซย์เยส ก็เป็นไปตามแผนครับ แต่ปัญหายังไม่หมดแค่นั้น
1. ปีนัง . .. เมื่อเพื่อนเป่าหู ‘ น่ากลัวนะแก ปืน ระเบิด’ ( ความคิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มลอยมา ) >> ความอยากมากกว่ากลัวตาย หมดไปครับข้อนี้
2. คนเดียว . ..ใครจะถ่ายรูปให้ว้ะ ( ปัญหาหลักระดับนานาชาติ ><” ) >> หมดไปเมื่อมีไม้เซลฟี่
3. ตังค์ . ..เพิ่งกลับจากเที่ยวได้ไม่นาน เป๋าแห้ง งั้นทริปนี้น้อยสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ( บอกก่อนครับเราเป็นคนติดเที่ยวแล้วลืมกิน เพราะงั้นเราจะเน้นอาหารประจำเมือง หรือขึ้นชื่อเป็นหลัก ) >> หมดไปเมื่อมื้อย่อยๆระหว่างเดินทางเป็นขนมที่พกไปจากไทย ^^
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ไปสิคัรบ Let’s goooooooooooooooooooooo !!
เราเป็นคนสุราษฎร์นะ แผนคือ สุราษฎร์ – หาดใหญ่ – ปีนัง – หาดใหญ่ – สุราษฎร์
เริ่มออกจากสุราษฎร์ตอนเช้า ขึ้นรถที่ตลาดเกษตร 2 หรือระหว่างทางก็ได้ ราคานักศึกษา 220 บาท ไม่แน่ใจว่าคนทั่วไป 250 รึเปล่านะ รถรอบแรก 6.30 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง เราจองรอบ 7 โมง

รถจะจอดกินข้าวที่พัทลุง 20 นาที เราก็จัดการกินอาหารเช้า + เที่ยงซะที่นั่นเลย -----30 บาท
พอเข้าตัวเมืองหาดใหญ่เราลงที่ บขส. เพราะดูรถที่จะไปของ KST ดูๆมาเห็นจะเป็นราคาที่ถูกสุดไป – กลับ 750 บาท
ถ้าไปเดินถามตามคิวแถว บขส ราคาไปเที่ยวละ 450 ไปกลับ 900 แพงกว่าเย้อออออออ อย่าหวังจะได้แอ้มเงินอันน้อยนิดของชั้น !! มาทำความรู้จัก KST กัน
KST สามารถขึ้นได้ 2 ที่คือ office KST ใกล้สถานีรถไฟ แถวธนาคารธนชาต ตรงข้ามโรงแรมคิง และที่ๆสองคือ บขส บริเวณหน้าโลตัส เอ็กซ์เพลส เบอร์โทรติดต่อ 074-354551 ,074-245700 ,081-6907253 ( เราโทรติดแค่เบอร์สุดท้ายนะ ) โทรแจ้งเค้าก่อนว่าเราขึ้นที่ไหน ไป-กลับ หรือเที่ยวเดียว จากนั้นเค้าก็จะขอติดต่อเราไว้เป็นอันเสร็จพิธี รถมี 3 รอบนะ ดูเวลาดีๆ คือ 9.30 ,12.30 ,15.30 เราไปถึงหาดใหญ่ไม่ทันรถรอบสอง เซงโฮกกกก นั่งรอไปรอบบ่ายสามนี่เหงือกแห้งบอกเลย ย ถ้าใครไปไม่ทันเหมือนเราก็เข้าไปนั่งรอใน บขส ได้ ถึงเวลาแล้วค่อยมายืนหน้าโลตัส เอ็กเพลส มันอยู่ตรงข้ามกัน อ่อ ลืมบอกไป รถไปรับ – ส่ง ถึงหน้าโรงแรมเลยนะ งานนี้ดึกแค่ไหนก็สบายแฮ ^^

ลืมบอกไปไอนี้สำคัญมากก ก เพราะเป็นเรื่องเงิน ๆทองๆ เงินแลกที่ไทยไปได้เยอะกว่านะครับ ส่วนใหญ่บอกแลกในตัวเมืองหาดใหญ่ที่ไม่ใช่ธนาคารจะได้ดีกว่า แต่เราไม่ได้แลกเลยไม่มีตังค์ติดตัวไปเล้ยยย แล้วเรื่องยุ่งๆก็เกิดเพราะไม่มีเงินมาเลนี่แหละ ติดตามกันต่อปาย ย ย
พอขึ้นรถจะมีจอด 3 ที่ก่อนตรงสู่ปีนัง คือ ด่านขาออกไทย ด่านขาเข้า มาเลเซีย และปั๊มน้ำมัน
ด่านขาออก พอรถจอดปั๊ป มองไปที่ซ้ายมือครับพี่ครับ มีเคาน์เตอร์เป็นล๊อคๆอยู่ ตรงไปที่นั่นเลย สำหรับใครที่ยังไม่มีใบสีฟ้า หรือใบขาเข้า – ขาออก ( เหมือนเรา ) ก่อนถึงเคาน์เตอร์ขาออก จะมีโต๊ะจำหน่ายและกรอกบัตรขาเข้า – ขาออกอยู่ ยื่นพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนให้ และเงินให้เค้า 20 บาท หรือ 2 ริงกิต เป็นอันเสร็จพิธี รถก็จะรอเราอยู่ที่เดิม ไปขึ้นรถ (( ก่อนลงจำทะเบียนไว้ด้วยก็ดีเน้อ ))

ด่านขาเข้ามาเลเซีย รถจอดปั๊ป ลงไปที่นี้อยู่ด้านขวาครับพี่ เป็นอาคารเล็กๆเข้าไปในนั้น ยื่นพาสปอร์ตให้เค้า จากนั้นเค้าจะให้สแกนนิ้ว ผ่านตรงนี้แล้วไปตั้งกระเป๋าเข้าเครื่องสแกน ทุกอย่างผ่านเป็นอันเสร็จพิธี ณ จุดนี้ รถอยู่ด้านหลังครับ เดินตามทางไปเรื่อยๆแล้วเจอแล้ว อย่าได้กังวลว่าจะหาไม่เจออ
ปั๊มน้ำมัน ไอเราก็ไม่เคยมานี่ พอมันจอดก็ลงหมด ตรงนี้ไม่ต้องลงก็ได้ คิดแล้วขำตัวเอง
จากนั้นก็ตรงหน้าสู่ปีนังครับพี่ท่าน น หลับตลอดทาง ตื่นอีกทีบนสะพาน เห็นแสงไฟไกลๆ สวยงาม ทีเดียว ว ตรงนี้ตั้งสติจากการตื่นนอนไม่ทัน กว่าจะทันก็เกือบลงสะพานล้ะ 5555555555 ถึงที่นี่เกือบ 4 ทุ่ม ( เร็วกว่าเวลาไทย 1 ชม )
พี่ท่านผู้ขับรถก็มาส่งเราที่โรงแรม เราจองแบบโฮสเทล ของ Kimberry house ผ่าน booking.com ไว้ เป็นห้องพักหญิงรวม 6 คน ( ไม่เหงา ไม่ต้องกลัวผี เพราะมีเพื่อน 5555 ) ราคา 2 คืน 414 บาท แต่ยัง ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้น จากที่บอกไปล้ะค่า ไม่มีเงินมาเลใครจะให้เช๊คอิน พนักงานถึงกับสตั๊น 3 วิ เนื่องจากมีเงินมาเลแค่ 5 ริงกิต ฮ่าๆๆๆ ไงล้ะค้า ผลของการงก โดนยึดพาสปอร์ตไว้เป็นที่เรียบร้อย เฮียแกก็แนะนำโน่น นั่น นี่ เซย์อิงลิชล้วนๆ นี่แหละครับปัญหาข้อที่ 4 ภาษาอังกฤษ จับเป็นคำๆเถอะครับ จับหมดได้นอนหงายคางเหลืองแน่ มาคนเดียวหันหน้าทำหน้างงกับใครก็ไม่ได้ หลังจากเก็บของก็ออกไปสำรวจรอบๆหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ใกล้ๆมีตลาดครับ ด้านหลังมีห้างสรรพสินค้า ที่นี่ถือว่าทำเลดีเลยทีเดียว

กินข้าวเมื่อช่วงบ่ายไปยังไม่หิว แต่ลองขนมของที่นี่สักหน่อย ซุปถั่วแดงครับ อร่อยเลยทีเดียว

กินเสร็จปั๊ป เพื่อความปลอดภัยกลับเถอะครับดึกมาแล้ว ว ว เตรียมตัวสำหรับเช้าพรุง่นี้ มาแบคแพคนอนห้องรวมแบบนี้เตรียมของส่วนตัวมาให้พร้อมนะครับ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีม ขันไม่ต้องนะ 555555555 อ่อ ที่นี่เค้าจะถามว่ามีผ้าขนหนูไหมตอนเชคอิน ถ้าไม่มีเค้าก็มีให้ครับ

เช้าวันแรก ตื่นตะเร้น น นี่ต้องเที่ยวคนเดียวจริงๆหรอ เตรียมผ้าใบ ผูกเชือกรองเท้าแน่นๆแล้วไปเที่ยวกันครับ จุดหมายแรก แลกตังค์ก่อนครับพี่ท่าน ไม่งั้นชีวิตจะลำบากได้ ไปถามที่เค้าเตอร์ว่าแลกที่ไหนได้บ้าง เค้าบอกที่ห้างหลัง โรงแรม ไอเราก็เดินไปเลยครับ ถามคนเรื่อยๆจนถึงแต่ ยัง เรื่องยังไม่จบ!!! เห้ยยยยยย นี่มันเพิ่งแปดโมงเว้ยยยย ห้างที่ไหนมันจะเปิด เดินกลับสิครับ จอร์จทาวน์คือจุดหมายต่อไปที่คิดว่าจะเลิกตังค์ได้ ขั้นตอนการเดินไม่ต้องคิดไรมากครับ มาทางไหนให้เธอกลับไปทางน้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ขากลับนี่แหละครับเด็ด เจอตลาดเช้าด้วย ย ขายของกินนานาชนิด จะซื้อโน้น นั่น นี่ ก็ตังค์ ตังค์ ตังค์ ไม่เป็นไรเห็นวิถีชีวิตของที่นี่ล้ะ คุ้ม!!
กลับเข้าเรื่องครับ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ การไปจอร์จทาวน์จาก Kimberry H. ออกจากที่พักแบบหันหลังให้แล้วเดินไปทางขวามือครับ ไปสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายรถเมล์ครับ ( จำป้ายรถเมล์นี้ไว้ๆ เดี๋ยวมาบอกว่าทำไม ) ข้ามถนนไปอีกฝั่งเห็นเลยครับตึกขาวๆ นั่นแหละครับตึกจอร์จทาวน์ที่คิดว่าแลกตังค์ได้

ซึ่งคิดไปเองทั้งเพ เดินเข้าไปถามด้านในได้ความว่า ให้เดินตรงไปเรื่อยๆล๊อค 2 เดินออกจากจอร์จทาวน์มาครับ มันไม่ใช่ที่ของเราแล้ววว

เดินตรงมาเรื่อยๆ เห็นร้านของน้า หรือลุง ช่างมันเถอะครับ ไอเราก็ถ่ายรูปทั่วๆไปแล้วเฮียแก ( ตกลงเรียกเฮีย) ก็โผล่มา บอก again again ไอเราก็ again ไรว้ะ ป่าววว ไม่มีไร แกจะให้ถ่ายรูปแก ฮ่าๆๆ น่ารัก

เดินผ่านร้านเฮียแกมาเรื่อยๆซัดโค้งตามโค้งถนนเลยครับ

จะเห็นป้ายรถเมล์อยูอยู่ฝั่งเดียวกับเราคือขวามือ ซ้ายมือหัวมุมซอยจะเป็นตึกแบบนี้ เดินตรงไปครับ แล้วข้ามถนน จะเห็นร้านแลกตังค์อยู่ขวามือ
ส่วนมากร้านทั่วไปยังปิดครับ ซึ่งรวมถึงร้านแลกตังค์ คุณพระ!!! ทำไงดีว้ะ ตอนนั้นคิดว่าแย่แน่ ไม่มีตังค์ แทบนั่งขอร้องให้ประตูเปิด แต่ยังครับฟ้าประทานหันซ้ายปั๊ปป มีอีกร้านเปิดแล้ว รอดแล้วววว!!! แลกไปพันห้าครับ ได้มา 150 ริงกิต เป็นอันว่ามิชชั่นคิมพลีท ฮ่าๆๆๆ พอดูๆไป ร้านแลกตังค์มีอยู่ทั่วปีนังเลยครับ ไม่ต้องกังวล ณ จุดนี้
คราวนี้ก็เริ่มออกเดินทางกันจริงๆได้แล้วครับ วันแรกดูจากรีวิวของหลายๆท่านในบลูแพลนเนตสามารถเดินรอบเมืองได้เลย เอาล้ะครับวันนี้เรามาเดินกัน ที่สำคัญ ฟรี!!!
เดินตรงไปเรื่อยๆ คราวนี้ข้ามถนนมาอีกด้านครับ
ต่อไปนี่สถาปัตยกรรมเหล่านี้จะอยู่ด้านซ้ายมือของท่านครับ ชมภาพรัวๆ

เดินตรงมาจะเจอแยกตรงนี้ครับ ทางม้าลายบ้านเค้าแปลกดี

เดินตรงไปครับ สถานที่ต่อไปเป็นศาลเจ้าของจีน สวยงามเลยทีเดียว

ยานพาหนะ หรือสามล้อจะมีทั่วทุกมุมเมืองของปีนังครับ ดูคลาสสิคไปอีกแบบ

เดินตรงกันต่อไปครับ เจอที่นี่แวะไปถ่ายรูปด้านหน้ากันครับ มุมต้นไม้ตัดกับสีขาวดูลงตัวกันจัง

เดินออกมาถนนเส้นเดินครับ เดี๋ยวจะลงเดินเข้าไปแล้วต้องเดินกลับเหมือนเรา
อาคารนี้น่าจะเป็นสถานที่ราชการ ดูตัวอาการเป็นเอกลักษณ์มากๆ

พอเดินออกมาจากซอยเลี้ยวตามโค้งมาเรื่อยๆครับ จะเป็นตึกอาคารเหลืองๆ ( ค่อนข้างซีดนิดนึง ) เรียกว่า Town Hall ครับ ตอนนี้เราจะไปดูทะเลของปีนังกัน

ผ่านจากตึกสีเหลืองก็เป็น City Hall อาคารสีขาวเป็นสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรีย

เราจะเห็นทะเลของปีนังแล้วครับพี่ท่าน เดินตรงไปแล้วข้ามถนน เจอ War memorial ก่อน ซึ่งสร้างเป็นอนุสรณ์แก่ทหารที่เสียชีวิตเมื่อสงคราม หันไปทางด้านขวา จะเจอเรือลำใหญ่มากกกกกก จอดอยู่ครับ

พักเดี๋ยวนึง เท้าเริ่มทรุดเนื่องจากลืมพารองเท้าแตะมา จะเดินทางไกลแบบนี้ แนะนำรองเท้าสบายเท้านะครับ เดินไกล เลือกรองเท้าไม่เหมาะ ทรมานกันไป ความรักก็เช่นกัน เอร้ยยย
เดี๋ยวมาต่อครับ.....
[CR] [[ปลีกวิเวก]]ปีนัง ,, ,ไป HIPSTER ในงบไม่เวอร์ 2500 บาท
แต่เอาว้ะ!! อย่างน้อยมันต้องมีอะไรเป็นประโยชน์บ้างล้ะ
ออกตัวก่อนครับ รีวิวนี้ ‘หญิงเดี่ยว แบกเป้เที่ยว’ ( พูดครับนี่คิดว่าผู้ชายล้ะสิ ป่าวนะฮ้า เราเป็นผู้หญิงแค่ติดปากครับมากกว่าค่ะแค่นั้นเอง )
ทริปนี้มันเริ่มจากอาการเสพติดการท่องเที่ยวนั่นเอง คนที่ชอบเที่ยวหรือติดเที่ยวเหมือนกันจะรู้ว่ามันจะมีอาการทุรนทุราย อึดอัด และเหมือนจะลงแดงเมื่อเห็นคนอื่นไปเที่ยว ทั้งๆที่ตัวเองก็เพิ่งกลับจากเที่ยว และนั่นคือเราที่เพิ่งกลับจากเจจูได้สองวัน แต่ แต่ อยากไปเที่ยวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไงล้ะ แม่ต้องไม่ให้ไปแน่เลย ตื้ออยู่นานเมื่อผู้ใหญ่เซย์เยส ก็เป็นไปตามแผนครับ แต่ปัญหายังไม่หมดแค่นั้น
1. ปีนัง . .. เมื่อเพื่อนเป่าหู ‘ น่ากลัวนะแก ปืน ระเบิด’ ( ความคิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มลอยมา ) >> ความอยากมากกว่ากลัวตาย หมดไปครับข้อนี้
2. คนเดียว . ..ใครจะถ่ายรูปให้ว้ะ ( ปัญหาหลักระดับนานาชาติ ><” ) >> หมดไปเมื่อมีไม้เซลฟี่
3. ตังค์ . ..เพิ่งกลับจากเที่ยวได้ไม่นาน เป๋าแห้ง งั้นทริปนี้น้อยสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ( บอกก่อนครับเราเป็นคนติดเที่ยวแล้วลืมกิน เพราะงั้นเราจะเน้นอาหารประจำเมือง หรือขึ้นชื่อเป็นหลัก ) >> หมดไปเมื่อมื้อย่อยๆระหว่างเดินทางเป็นขนมที่พกไปจากไทย ^^
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ไปสิคัรบ Let’s goooooooooooooooooooooo !!
เราเป็นคนสุราษฎร์นะ แผนคือ สุราษฎร์ – หาดใหญ่ – ปีนัง – หาดใหญ่ – สุราษฎร์
เริ่มออกจากสุราษฎร์ตอนเช้า ขึ้นรถที่ตลาดเกษตร 2 หรือระหว่างทางก็ได้ ราคานักศึกษา 220 บาท ไม่แน่ใจว่าคนทั่วไป 250 รึเปล่านะ รถรอบแรก 6.30 น. ออกทุกครึ่งชั่วโมง เราจองรอบ 7 โมง
รถจะจอดกินข้าวที่พัทลุง 20 นาที เราก็จัดการกินอาหารเช้า + เที่ยงซะที่นั่นเลย -----30 บาท
พอเข้าตัวเมืองหาดใหญ่เราลงที่ บขส. เพราะดูรถที่จะไปของ KST ดูๆมาเห็นจะเป็นราคาที่ถูกสุดไป – กลับ 750 บาท
ถ้าไปเดินถามตามคิวแถว บขส ราคาไปเที่ยวละ 450 ไปกลับ 900 แพงกว่าเย้อออออออ อย่าหวังจะได้แอ้มเงินอันน้อยนิดของชั้น !! มาทำความรู้จัก KST กัน
KST สามารถขึ้นได้ 2 ที่คือ office KST ใกล้สถานีรถไฟ แถวธนาคารธนชาต ตรงข้ามโรงแรมคิง และที่ๆสองคือ บขส บริเวณหน้าโลตัส เอ็กซ์เพลส เบอร์โทรติดต่อ 074-354551 ,074-245700 ,081-6907253 ( เราโทรติดแค่เบอร์สุดท้ายนะ ) โทรแจ้งเค้าก่อนว่าเราขึ้นที่ไหน ไป-กลับ หรือเที่ยวเดียว จากนั้นเค้าก็จะขอติดต่อเราไว้เป็นอันเสร็จพิธี รถมี 3 รอบนะ ดูเวลาดีๆ คือ 9.30 ,12.30 ,15.30 เราไปถึงหาดใหญ่ไม่ทันรถรอบสอง เซงโฮกกกก นั่งรอไปรอบบ่ายสามนี่เหงือกแห้งบอกเลย ย ถ้าใครไปไม่ทันเหมือนเราก็เข้าไปนั่งรอใน บขส ได้ ถึงเวลาแล้วค่อยมายืนหน้าโลตัส เอ็กเพลส มันอยู่ตรงข้ามกัน อ่อ ลืมบอกไป รถไปรับ – ส่ง ถึงหน้าโรงแรมเลยนะ งานนี้ดึกแค่ไหนก็สบายแฮ ^^
ลืมบอกไปไอนี้สำคัญมากก ก เพราะเป็นเรื่องเงิน ๆทองๆ เงินแลกที่ไทยไปได้เยอะกว่านะครับ ส่วนใหญ่บอกแลกในตัวเมืองหาดใหญ่ที่ไม่ใช่ธนาคารจะได้ดีกว่า แต่เราไม่ได้แลกเลยไม่มีตังค์ติดตัวไปเล้ยยย แล้วเรื่องยุ่งๆก็เกิดเพราะไม่มีเงินมาเลนี่แหละ ติดตามกันต่อปาย ย ย
พอขึ้นรถจะมีจอด 3 ที่ก่อนตรงสู่ปีนัง คือ ด่านขาออกไทย ด่านขาเข้า มาเลเซีย และปั๊มน้ำมัน
ด่านขาออก พอรถจอดปั๊ป มองไปที่ซ้ายมือครับพี่ครับ มีเคาน์เตอร์เป็นล๊อคๆอยู่ ตรงไปที่นั่นเลย สำหรับใครที่ยังไม่มีใบสีฟ้า หรือใบขาเข้า – ขาออก ( เหมือนเรา ) ก่อนถึงเคาน์เตอร์ขาออก จะมีโต๊ะจำหน่ายและกรอกบัตรขาเข้า – ขาออกอยู่ ยื่นพาสปอร์ตกับบัตรประชาชนให้ และเงินให้เค้า 20 บาท หรือ 2 ริงกิต เป็นอันเสร็จพิธี รถก็จะรอเราอยู่ที่เดิม ไปขึ้นรถ (( ก่อนลงจำทะเบียนไว้ด้วยก็ดีเน้อ ))
ด่านขาเข้ามาเลเซีย รถจอดปั๊ป ลงไปที่นี้อยู่ด้านขวาครับพี่ เป็นอาคารเล็กๆเข้าไปในนั้น ยื่นพาสปอร์ตให้เค้า จากนั้นเค้าจะให้สแกนนิ้ว ผ่านตรงนี้แล้วไปตั้งกระเป๋าเข้าเครื่องสแกน ทุกอย่างผ่านเป็นอันเสร็จพิธี ณ จุดนี้ รถอยู่ด้านหลังครับ เดินตามทางไปเรื่อยๆแล้วเจอแล้ว อย่าได้กังวลว่าจะหาไม่เจออ
ปั๊มน้ำมัน ไอเราก็ไม่เคยมานี่ พอมันจอดก็ลงหมด ตรงนี้ไม่ต้องลงก็ได้ คิดแล้วขำตัวเอง
จากนั้นก็ตรงหน้าสู่ปีนังครับพี่ท่าน น หลับตลอดทาง ตื่นอีกทีบนสะพาน เห็นแสงไฟไกลๆ สวยงาม ทีเดียว ว ตรงนี้ตั้งสติจากการตื่นนอนไม่ทัน กว่าจะทันก็เกือบลงสะพานล้ะ 5555555555 ถึงที่นี่เกือบ 4 ทุ่ม ( เร็วกว่าเวลาไทย 1 ชม )
พี่ท่านผู้ขับรถก็มาส่งเราที่โรงแรม เราจองแบบโฮสเทล ของ Kimberry house ผ่าน booking.com ไว้ เป็นห้องพักหญิงรวม 6 คน ( ไม่เหงา ไม่ต้องกลัวผี เพราะมีเพื่อน 5555 ) ราคา 2 คืน 414 บาท แต่ยัง ทุกอย่างมันเพิ่งเริ่มต้น จากที่บอกไปล้ะค่า ไม่มีเงินมาเลใครจะให้เช๊คอิน พนักงานถึงกับสตั๊น 3 วิ เนื่องจากมีเงินมาเลแค่ 5 ริงกิต ฮ่าๆๆๆ ไงล้ะค้า ผลของการงก โดนยึดพาสปอร์ตไว้เป็นที่เรียบร้อย เฮียแกก็แนะนำโน่น นั่น นี่ เซย์อิงลิชล้วนๆ นี่แหละครับปัญหาข้อที่ 4 ภาษาอังกฤษ จับเป็นคำๆเถอะครับ จับหมดได้นอนหงายคางเหลืองแน่ มาคนเดียวหันหน้าทำหน้างงกับใครก็ไม่ได้ หลังจากเก็บของก็ออกไปสำรวจรอบๆหน่อยว่ามีอะไรบ้าง ใกล้ๆมีตลาดครับ ด้านหลังมีห้างสรรพสินค้า ที่นี่ถือว่าทำเลดีเลยทีเดียว
กินข้าวเมื่อช่วงบ่ายไปยังไม่หิว แต่ลองขนมของที่นี่สักหน่อย ซุปถั่วแดงครับ อร่อยเลยทีเดียว
กินเสร็จปั๊ป เพื่อความปลอดภัยกลับเถอะครับดึกมาแล้ว ว ว เตรียมตัวสำหรับเช้าพรุง่นี้ มาแบคแพคนอนห้องรวมแบบนี้เตรียมของส่วนตัวมาให้พร้อมนะครับ สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ครีม ขันไม่ต้องนะ 555555555 อ่อ ที่นี่เค้าจะถามว่ามีผ้าขนหนูไหมตอนเชคอิน ถ้าไม่มีเค้าก็มีให้ครับ
เช้าวันแรก ตื่นตะเร้น น นี่ต้องเที่ยวคนเดียวจริงๆหรอ เตรียมผ้าใบ ผูกเชือกรองเท้าแน่นๆแล้วไปเที่ยวกันครับ จุดหมายแรก แลกตังค์ก่อนครับพี่ท่าน ไม่งั้นชีวิตจะลำบากได้ ไปถามที่เค้าเตอร์ว่าแลกที่ไหนได้บ้าง เค้าบอกที่ห้างหลัง โรงแรม ไอเราก็เดินไปเลยครับ ถามคนเรื่อยๆจนถึงแต่ ยัง เรื่องยังไม่จบ!!! เห้ยยยยยย นี่มันเพิ่งแปดโมงเว้ยยยย ห้างที่ไหนมันจะเปิด เดินกลับสิครับ จอร์จทาวน์คือจุดหมายต่อไปที่คิดว่าจะเลิกตังค์ได้ ขั้นตอนการเดินไม่ต้องคิดไรมากครับ มาทางไหนให้เธอกลับไปทางน้านนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ขากลับนี่แหละครับเด็ด เจอตลาดเช้าด้วย ย ขายของกินนานาชนิด จะซื้อโน้น นั่น นี่ ก็ตังค์ ตังค์ ตังค์ ไม่เป็นไรเห็นวิถีชีวิตของที่นี่ล้ะ คุ้ม!!
กลับเข้าเรื่องครับ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ การไปจอร์จทาวน์จาก Kimberry H. ออกจากที่พักแบบหันหลังให้แล้วเดินไปทางขวามือครับ ไปสุดซอยแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายรถเมล์ครับ ( จำป้ายรถเมล์นี้ไว้ๆ เดี๋ยวมาบอกว่าทำไม ) ข้ามถนนไปอีกฝั่งเห็นเลยครับตึกขาวๆ นั่นแหละครับตึกจอร์จทาวน์ที่คิดว่าแลกตังค์ได้
ซึ่งคิดไปเองทั้งเพ เดินเข้าไปถามด้านในได้ความว่า ให้เดินตรงไปเรื่อยๆล๊อค 2 เดินออกจากจอร์จทาวน์มาครับ มันไม่ใช่ที่ของเราแล้ววว
เดินตรงมาเรื่อยๆ เห็นร้านของน้า หรือลุง ช่างมันเถอะครับ ไอเราก็ถ่ายรูปทั่วๆไปแล้วเฮียแก ( ตกลงเรียกเฮีย) ก็โผล่มา บอก again again ไอเราก็ again ไรว้ะ ป่าววว ไม่มีไร แกจะให้ถ่ายรูปแก ฮ่าๆๆ น่ารัก
เดินผ่านร้านเฮียแกมาเรื่อยๆซัดโค้งตามโค้งถนนเลยครับ
จะเห็นป้ายรถเมล์อยูอยู่ฝั่งเดียวกับเราคือขวามือ ซ้ายมือหัวมุมซอยจะเป็นตึกแบบนี้ เดินตรงไปครับ แล้วข้ามถนน จะเห็นร้านแลกตังค์อยู่ขวามือ
ส่วนมากร้านทั่วไปยังปิดครับ ซึ่งรวมถึงร้านแลกตังค์ คุณพระ!!! ทำไงดีว้ะ ตอนนั้นคิดว่าแย่แน่ ไม่มีตังค์ แทบนั่งขอร้องให้ประตูเปิด แต่ยังครับฟ้าประทานหันซ้ายปั๊ปป มีอีกร้านเปิดแล้ว รอดแล้วววว!!! แลกไปพันห้าครับ ได้มา 150 ริงกิต เป็นอันว่ามิชชั่นคิมพลีท ฮ่าๆๆๆ พอดูๆไป ร้านแลกตังค์มีอยู่ทั่วปีนังเลยครับ ไม่ต้องกังวล ณ จุดนี้
คราวนี้ก็เริ่มออกเดินทางกันจริงๆได้แล้วครับ วันแรกดูจากรีวิวของหลายๆท่านในบลูแพลนเนตสามารถเดินรอบเมืองได้เลย เอาล้ะครับวันนี้เรามาเดินกัน ที่สำคัญ ฟรี!!!
เดินตรงไปเรื่อยๆ คราวนี้ข้ามถนนมาอีกด้านครับ
ต่อไปนี่สถาปัตยกรรมเหล่านี้จะอยู่ด้านซ้ายมือของท่านครับ ชมภาพรัวๆ
เดินตรงมาจะเจอแยกตรงนี้ครับ ทางม้าลายบ้านเค้าแปลกดี
เดินตรงไปครับ สถานที่ต่อไปเป็นศาลเจ้าของจีน สวยงามเลยทีเดียว
ยานพาหนะ หรือสามล้อจะมีทั่วทุกมุมเมืองของปีนังครับ ดูคลาสสิคไปอีกแบบ
เดินตรงกันต่อไปครับ เจอที่นี่แวะไปถ่ายรูปด้านหน้ากันครับ มุมต้นไม้ตัดกับสีขาวดูลงตัวกันจัง
เดินออกมาถนนเส้นเดินครับ เดี๋ยวจะลงเดินเข้าไปแล้วต้องเดินกลับเหมือนเรา
อาคารนี้น่าจะเป็นสถานที่ราชการ ดูตัวอาการเป็นเอกลักษณ์มากๆ
พอเดินออกมาจากซอยเลี้ยวตามโค้งมาเรื่อยๆครับ จะเป็นตึกอาคารเหลืองๆ ( ค่อนข้างซีดนิดนึง ) เรียกว่า Town Hall ครับ ตอนนี้เราจะไปดูทะเลของปีนังกัน
ผ่านจากตึกสีเหลืองก็เป็น City Hall อาคารสีขาวเป็นสถาปัตยกรรมแบบวิกตอเรีย
เราจะเห็นทะเลของปีนังแล้วครับพี่ท่าน เดินตรงไปแล้วข้ามถนน เจอ War memorial ก่อน ซึ่งสร้างเป็นอนุสรณ์แก่ทหารที่เสียชีวิตเมื่อสงคราม หันไปทางด้านขวา จะเจอเรือลำใหญ่มากกกกกก จอดอยู่ครับ
พักเดี๋ยวนึง เท้าเริ่มทรุดเนื่องจากลืมพารองเท้าแตะมา จะเดินทางไกลแบบนี้ แนะนำรองเท้าสบายเท้านะครับ เดินไกล เลือกรองเท้าไม่เหมาะ ทรมานกันไป ความรักก็เช่นกัน เอร้ยยย
เดี๋ยวมาต่อครับ.....