พระจันทร์ลายพราง
โดย รางรถไฟ
จันทร์ลอยนิ่งเหมือนจะแขวนกับจั่วบ้านทรงไทย ชายสูงวัยร่างใหญ่นั่งดูข่าวทีวีภาคค่ำ “พี่ นายมาพบ” เสียงเมียของเขาร้องบอกมาจากใต้ถุน เขาหันกลับมาก็พบอาคันตุกะยามวิกาลนั่งรออยู่แล้ว “สวัสดีครับ นายมาออกรอบแถวนี้เหรอครับ” เขายกมือวันทาชายในชุดคนเมืองผิวพรรณสะอาดสะอ้านรุ่นราวคราวเดียวกัน” “เปล่า ฉันมาให้น้อยช่วย” อาคันตุกะพยักหน้าให้ผู้ติดตามที่เป็นชายหนุ่มสองคนยกถุงเครื่องกระป๋องและอาหารทะเลแห้งมาวางบนพื้นบ้าน “ฉันอยากเจอลูก” เจ้าของบ้านเงยหน้าสบตากับอดีตผู้บังคับบัญชา “นายคงทราบข่าวทางฝั่งโน้นแล้ว” น้อยเงยหน้าไปมองธงชาติผืนเล็กของชนกลุ่มน้อยที่ฝาเรือน “เมย่าถูกลอบสังหารเมื่อวาน นายทหารฝ่ายข่าวรายงานฉันแล้ว เธอรอฉันอยู่” สิ้นเสียงของนายทหารใหญ่นอกราชการ ห้องโถงแห่งเรือนนั้นก็เงียบงันไร้สรรพเสียงใด ๆ อีก
ยี่สิบปีก่อน เสียงปืนและระเบิดดังราวฟ้าจะถล่ม แสงจากปากกระบอกปืนกะพริบพร้อมเสียงราวกับไฟราวในเทศกาลเฉลิมฉลอง ปัญหาการรบพุ่งของรัฐบาลทหารและชนกลุ่มน้อยไม่เคยสงบได้นานเกินหนึ่งปี การปะทะย่อย ๆ นั้นเกิดขึ้นเกือบทุกสัปดาห์ บางหนเกิดใกล้กับตะเข็บชายแดนไทย“นำตัวเมย่าไปฝั่งไทยภายในคืนนี้ ที่ด่านจะมีทหารไทยมารับ” ผู้นำของเชื้อชาติเจ้าของแผ่นดินสั่งลูกน้องในวันที่การสู้รบทวีความรุนแรงมากขึ้น เมย่าถูกส่งมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเอกชนใจกลางกรุงเทพฯ ในฐานะลูกบุญธรรมของแม่ทัพภาคและด้วยความสวยในวัยสาวรุ่น เธอก็มีความสัมพันธ์กับนายทหารอนาคตไกลบุตรชายของท่านแม่ทัพแบบไม่เปิดเผย เมื่อเมย่าสำเร็จการศึกษาเธอก็ตั้งครรภ์อ่อน ๆ เธออุ้มท้องกลับไปเป็นผู้นำชนกลุ่มน้อยแทนบิดาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมย่ากลับไปเป็นศูนย์รวมใจ ร่วมเรียกร้องและต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าใครคือสามีของเธอและบิดาของทารกน้อย มันอาจเป็นเงื่อนไขแห่งข้อตกลงอะไรบางอย่างกับใครสักคน คงมีแต่น้อยเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้น
รุ่งขึ้นทั้งสองเข้าไปในเขตปกครองของชนกลุ่มน้อยด้วยการใช้สายสัมพันธ์ดั้งเดิมและอีกด้านนั้นก็จากการเป็นทหารช่วยรบและเป็นกำลังหลักสนับสนุนการสู้รบมายาวนาน ในพิธีศพของเมย่าที่ประชาชนมารวมงานมากมาย นายได้รับการรับรองอย่างแขกชั้นนำสูงสุดประธานในพิธีคือจอมพลแห่งผู้นำกองกำลังไทใหญ่ เสียงดนตรีสากลบรรเลงในพิธีศพแบบชาวคริสต์ นายในชุดสากลสีดำวางดอกไม้แล้วก้มลงกระซิบข้างหูร่างสตรีที่ไร้วิญญาณผู้เป็นดวงใจของคนที่นี่ก่อนที่จะปิดฝาโลง “เดี๋ยวป๋าตามไปนะลูก” นายบอกเดือนทายาทสาววัยสิบเก้าปีที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำคนใหม่ของที่นี่แทนมารดา เสียงผู้คนยังร่ำไห้ต่ออสัญกรรมของเมย่า นายและน้อยยืนมองการฝังและตกแต่งหลุมฝังศพในสุสานจนแล้วเสร็จในเวลาค่ำ “น้อย ฉันฝากเรียนคุณหญิงกับลูก ๆ ด้วย ว่าฉันจะอยู่กับลูกสาวคนเล็กที่นี่ เพื่อปกป้องเดือนแห่งดินแดนนี้” “ครับนาย ผมจะกลับมารับใช้นายครับ” น้อยบอก “ขอบใจน้อย แต่กลับไปดูแลครอบครัวเถอะ ไปแล้วไม่ต้องกลับมานี่ถือเป็นคำสั่ง ไม่นึกเลยว่าฉันจะต้องกลับมาจับปืนรบอีกครั้งในวัยนี้” อดีตนักรบพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว น้อยยื่นถุงที่บรรจุชุดนายทหารลายพรางให้พร้อมทำความเคารพตามธรรมเนียมทหาร
ในความมืดคืนเดือนเพ็ญ ชายผู้หนึ่งยืนพระจันทร์อยู่ที่เฉลียงบ้านพักผู้นำ“ป๋าบอกอะไรแม่ที่งานคะ” เดือนเอ่ยถาม “ป๋าบอกแม่ว่าสัญญาจบแล้ว ป๋ากลับมาดินแดนนี้แล้ว” “ค่ะ แม่บอกว่าวันหนึ่งป๋าจะต้องมาที่นี่ เพื่อมาบอกสิ่งที่แม่อยากได้ยิน” หญิงสาวพูดจบก็ร่ำไห้ “เดือน พร้อมแล้วค่ะ เดือนถูกฝึกทุกอย่างมาจากแม่แล้ว แม่เข้มแข็งมาก เดือนไม่กลับไปอังกฤษอีกแล้ว” ชายสูงวัยดึงบุตรสาวเข้ามากอดพลางจ้องมองพระจันทร์ที่มีเมฆหนาพาดผ่านจนเกิดลวดลายขึ้นทั้งดวง
เรื่องสั้นหน้าเดียว : พระจันทร์ลายพราง
โดย รางรถไฟ
จันทร์ลอยนิ่งเหมือนจะแขวนกับจั่วบ้านทรงไทย ชายสูงวัยร่างใหญ่นั่งดูข่าวทีวีภาคค่ำ “พี่ นายมาพบ” เสียงเมียของเขาร้องบอกมาจากใต้ถุน เขาหันกลับมาก็พบอาคันตุกะยามวิกาลนั่งรออยู่แล้ว “สวัสดีครับ นายมาออกรอบแถวนี้เหรอครับ” เขายกมือวันทาชายในชุดคนเมืองผิวพรรณสะอาดสะอ้านรุ่นราวคราวเดียวกัน” “เปล่า ฉันมาให้น้อยช่วย” อาคันตุกะพยักหน้าให้ผู้ติดตามที่เป็นชายหนุ่มสองคนยกถุงเครื่องกระป๋องและอาหารทะเลแห้งมาวางบนพื้นบ้าน “ฉันอยากเจอลูก” เจ้าของบ้านเงยหน้าสบตากับอดีตผู้บังคับบัญชา “นายคงทราบข่าวทางฝั่งโน้นแล้ว” น้อยเงยหน้าไปมองธงชาติผืนเล็กของชนกลุ่มน้อยที่ฝาเรือน “เมย่าถูกลอบสังหารเมื่อวาน นายทหารฝ่ายข่าวรายงานฉันแล้ว เธอรอฉันอยู่” สิ้นเสียงของนายทหารใหญ่นอกราชการ ห้องโถงแห่งเรือนนั้นก็เงียบงันไร้สรรพเสียงใด ๆ อีก
ยี่สิบปีก่อน เสียงปืนและระเบิดดังราวฟ้าจะถล่ม แสงจากปากกระบอกปืนกะพริบพร้อมเสียงราวกับไฟราวในเทศกาลเฉลิมฉลอง ปัญหาการรบพุ่งของรัฐบาลทหารและชนกลุ่มน้อยไม่เคยสงบได้นานเกินหนึ่งปี การปะทะย่อย ๆ นั้นเกิดขึ้นเกือบทุกสัปดาห์ บางหนเกิดใกล้กับตะเข็บชายแดนไทย“นำตัวเมย่าไปฝั่งไทยภายในคืนนี้ ที่ด่านจะมีทหารไทยมารับ” ผู้นำของเชื้อชาติเจ้าของแผ่นดินสั่งลูกน้องในวันที่การสู้รบทวีความรุนแรงมากขึ้น เมย่าถูกส่งมาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเอกชนใจกลางกรุงเทพฯ ในฐานะลูกบุญธรรมของแม่ทัพภาคและด้วยความสวยในวัยสาวรุ่น เธอก็มีความสัมพันธ์กับนายทหารอนาคตไกลบุตรชายของท่านแม่ทัพแบบไม่เปิดเผย เมื่อเมย่าสำเร็จการศึกษาเธอก็ตั้งครรภ์อ่อน ๆ เธออุ้มท้องกลับไปเป็นผู้นำชนกลุ่มน้อยแทนบิดาที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมย่ากลับไปเป็นศูนย์รวมใจ ร่วมเรียกร้องและต่อสู้กับรัฐบาลทหาร ที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าใครคือสามีของเธอและบิดาของทารกน้อย มันอาจเป็นเงื่อนไขแห่งข้อตกลงอะไรบางอย่างกับใครสักคน คงมีแต่น้อยเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ต้น
รุ่งขึ้นทั้งสองเข้าไปในเขตปกครองของชนกลุ่มน้อยด้วยการใช้สายสัมพันธ์ดั้งเดิมและอีกด้านนั้นก็จากการเป็นทหารช่วยรบและเป็นกำลังหลักสนับสนุนการสู้รบมายาวนาน ในพิธีศพของเมย่าที่ประชาชนมารวมงานมากมาย นายได้รับการรับรองอย่างแขกชั้นนำสูงสุดประธานในพิธีคือจอมพลแห่งผู้นำกองกำลังไทใหญ่ เสียงดนตรีสากลบรรเลงในพิธีศพแบบชาวคริสต์ นายในชุดสากลสีดำวางดอกไม้แล้วก้มลงกระซิบข้างหูร่างสตรีที่ไร้วิญญาณผู้เป็นดวงใจของคนที่นี่ก่อนที่จะปิดฝาโลง “เดี๋ยวป๋าตามไปนะลูก” นายบอกเดือนทายาทสาววัยสิบเก้าปีที่กำลังจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำคนใหม่ของที่นี่แทนมารดา เสียงผู้คนยังร่ำไห้ต่ออสัญกรรมของเมย่า นายและน้อยยืนมองการฝังและตกแต่งหลุมฝังศพในสุสานจนแล้วเสร็จในเวลาค่ำ “น้อย ฉันฝากเรียนคุณหญิงกับลูก ๆ ด้วย ว่าฉันจะอยู่กับลูกสาวคนเล็กที่นี่ เพื่อปกป้องเดือนแห่งดินแดนนี้” “ครับนาย ผมจะกลับมารับใช้นายครับ” น้อยบอก “ขอบใจน้อย แต่กลับไปดูแลครอบครัวเถอะ ไปแล้วไม่ต้องกลับมานี่ถือเป็นคำสั่ง ไม่นึกเลยว่าฉันจะต้องกลับมาจับปืนรบอีกครั้งในวัยนี้” อดีตนักรบพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว น้อยยื่นถุงที่บรรจุชุดนายทหารลายพรางให้พร้อมทำความเคารพตามธรรมเนียมทหาร
ในความมืดคืนเดือนเพ็ญ ชายผู้หนึ่งยืนพระจันทร์อยู่ที่เฉลียงบ้านพักผู้นำ“ป๋าบอกอะไรแม่ที่งานคะ” เดือนเอ่ยถาม “ป๋าบอกแม่ว่าสัญญาจบแล้ว ป๋ากลับมาดินแดนนี้แล้ว” “ค่ะ แม่บอกว่าวันหนึ่งป๋าจะต้องมาที่นี่ เพื่อมาบอกสิ่งที่แม่อยากได้ยิน” หญิงสาวพูดจบก็ร่ำไห้ “เดือน พร้อมแล้วค่ะ เดือนถูกฝึกทุกอย่างมาจากแม่แล้ว แม่เข้มแข็งมาก เดือนไม่กลับไปอังกฤษอีกแล้ว” ชายสูงวัยดึงบุตรสาวเข้ามากอดพลางจ้องมองพระจันทร์ที่มีเมฆหนาพาดผ่านจนเกิดลวดลายขึ้นทั้งดวง