อ่านจาก Line แล้วชอบมาก Japan Airline (JAL)
Japan Airline หายหน้าไปนานเพราะล้มละลาย .....
ล้มแล้วลุก ลุกอย่างสง่างาม
ปี 2010 หนี้สิน 25,000 ล้านดอลล่าร์ เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และต้องถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ ใครจะเป็นผู้คืนชีวิตให้กับองค์กรนี้....
หันซ้ายแลขวาดีแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่น จึงได้ส่งเทียบไปเชิญ นายคาซูโอ อินาโมริ (Mr. Kazuo Inamori) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก “Kyocera Corporation” ให้เขาเป็นผู้นำในการฟื้นฟู JAL
แม้จะมีข้อด้อยว่า บุรุษผู้นี้มิเคยอยู่ในสังเวียนธุรกิจการบินเลย จะทำได้เหรอ?
คุณจะเชื่อไหมถ้าบอกว่า.....
เพียงแค่ปีเดียว เขาพลิกขาดทุนเป็นกำไร
เพียงแค่ไม่ถึงสองปี ได้รับรางวัลเป็นสายการบินที่ตรงเวลาที่สุดของโลก (2012)
เพียงแค่ไม่ถึงสามปี เข้าจดทะเบียาในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง
กลายเป็นกรณีศึกษาระดับโลก ถึงความสำเร็จ
อ้าว!! ใครที่เคยบอกว่าตัวเองแก่ ทั้งๆ ที่แค่ 30 ต้นๆ ปลายๆ หรือ 40, 50 ต่อไปนี้หยุดเลยนะ
คุณคาซูโอ ที่เข้ามาคืนชีพให้ JAL นั้น อายุ 78 ปี อายุขนาดนี้สำหรับคนทั่วไป คือ ไม้ใกล้ฝั่ง ที่อยากพักผ่อน ใกล้หมดพลังทางกาย หรือ ทางปัญญา ไปแล้ว
แต่เหตุใดเขาจึงยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล และ เขาจึงทำได้สำเร็จ
คุณคาซูโอ เป็นทั้งนักคิด นักเขียน นักพูด และ นักบวช เขามีปรัชญาในการบริหารงานที่น่าศึกษา
วันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ JAL นั้นเขาบอกกับพนักงานตรงๆ ว่า “ผมเกลียด JAL มาก และไม่ใช้บริการ JAL มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว”
เขาให้สัมภาษณ์ว่า “พนักงาน JAL ทำหน้าที่ตามหนังสือคู่มือเท่านั้น แต่ไม่ได้มีจิตใจในการให้บริการอันอบอุ่นแก่ผู้โดยสารที่เกิดจากหัวใจ”
แม้ไม่เคยมีประสบกาณณ์ในการบริหารสายการบิน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
เขาบอกว่า ปรัชญาในการบริหารที่เขาใช้ได้เสมอ ก็คือ องค์กรไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร หรือ พิธีรีตองอะไรมากมาย
“ขอเพียงให้ฝ่ายบริหารตระหนักในปรัชญาเดียวกัน และตรงกัน ว่าหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ก็คือ การสร้างความสุขกาย สุขใจ ให้เกิดขึ้นกับพนักงาน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือก็คือสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นตามมาเอง”
สิ่งที่คุณคาซูโอพบหลังจากเข้ามารับตำแหน่ง 6 เดือน คือ “ผู้บริหารและพนักงานแบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน องค์กรขาดข้อมูลที่สะท้อนผลประกอบการที่เป็นปัจจุบัน ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน รวมทั้งความไม่ใส่ใจอย่างจริงจังของผู้บริหารที่จะพลิกฟื้นองค์กร
ถือว่าเป็นองค์กรที่อุ้ยอ้าย และผู้บริหารขาดความรับผิดชอบ”
และยังบอกว่า มีข้าราชการเก่าหลายคนที่ใช้เส้นสาย ลาออกก่อนกำหนดเพื่อรับเงินชดเชยก้อนโต แล้วก็เบียดตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหาร JAL ในอัตราเงินเดือนสูง
ว่าแล้วคุณคาซูโอ ก็ลงมือบริหารความเปลี่ยนแปลงทันที โดยกำหนดให้ผู้บริหารระดับสูงสุด 50 คน ต้องเข้า “โครงการอบรมผู้นำ” สัปดาห์ละ 4 ครั้ง รวมเวลาอบรม 17 ครั้ง เพื่อให้ตระหนักว่า “ผู้นำที่ดีนั้นเป็นเช่นใด” โดยเขาเป็นผู้ร่วมบรรยายด้วยถึง 6 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาว่า “ผู้นำที่ดีจะต้องมีความรอบรู้ในเรื่องข้อมูลทางการเงิน มีบุคลิกภาพที่ดี มีความลุ่มหลงในงานที่ทำ และความทุ่มเท เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”
หลังจากนั้นเขาก็ฝึกอบรมผู้บริหารในระดับถัดไปจนครบ 200 คน เขาให้ความเป็นกันเองกับทุกคน เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของพนักงาน
นอกจากนั้น เขาพยายามลดต้นทุน และปลุกจิตสำนึก ด้วยการติดป้ายราคา สิ่งของและเครื่องใช้ชนิดต่างๆ เช่นกล่องบรรจุกระดาษ ก็ติดป้ายว่า ราคาแผ่นละเท่าไหร่ เป็นต้น
ทั้งหมดที่เขาทำ ไม่รับเงินเดือน ไม่รับผลประโยชน์ใดๆ ขอชดใช้บุญคุณแผ่นดิน ....
แฟ้มบุคคล ขอกราบงามๆ ด้วยความชื่นชมและศรัทธาในความดี การรับใช้ชาติ
นอกเหนือจากปรัชญาในการทำงาน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ใจ” แค่คิดว่าแก่ ก็คงไม่กล้ารับงาน คิดว่ายากก็คงรีบปฏิเสธ
อย่าลดทอนใจคุณด้วยตัวคุณเอง คนอื่นอาจจะลดทอนใจคุณได้ แต่คนที่จะซ้ำเติมให้เจ็บปวดยิ่งขึ้น คือ ตัวคุณเอง ที่คอยย้ำคิดย้ำทำในเรื่องแย่ๆ
เครดิตจากเฟสเน้อ
Japan Airline หายหน้าไปนานเพราะล้มละลาย .....
Japan Airline หายหน้าไปนานเพราะล้มละลาย .....
ล้มแล้วลุก ลุกอย่างสง่างาม
ปี 2010 หนี้สิน 25,000 ล้านดอลล่าร์ เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และต้องถอนตัวออกจากตลาดหลักทรัพย์ ใครจะเป็นผู้คืนชีวิตให้กับองค์กรนี้....
หันซ้ายแลขวาดีแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่น จึงได้ส่งเทียบไปเชิญ นายคาซูโอ อินาโมริ (Mr. Kazuo Inamori) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก “Kyocera Corporation” ให้เขาเป็นผู้นำในการฟื้นฟู JAL
แม้จะมีข้อด้อยว่า บุรุษผู้นี้มิเคยอยู่ในสังเวียนธุรกิจการบินเลย จะทำได้เหรอ?
คุณจะเชื่อไหมถ้าบอกว่า.....
เพียงแค่ปีเดียว เขาพลิกขาดทุนเป็นกำไร
เพียงแค่ไม่ถึงสองปี ได้รับรางวัลเป็นสายการบินที่ตรงเวลาที่สุดของโลก (2012)
เพียงแค่ไม่ถึงสามปี เข้าจดทะเบียาในตลาดหลักทรัพย์ได้อีกครั้ง
กลายเป็นกรณีศึกษาระดับโลก ถึงความสำเร็จ
อ้าว!! ใครที่เคยบอกว่าตัวเองแก่ ทั้งๆ ที่แค่ 30 ต้นๆ ปลายๆ หรือ 40, 50 ต่อไปนี้หยุดเลยนะ
คุณคาซูโอ ที่เข้ามาคืนชีพให้ JAL นั้น อายุ 78 ปี อายุขนาดนี้สำหรับคนทั่วไป คือ ไม้ใกล้ฝั่ง ที่อยากพักผ่อน ใกล้หมดพลังทางกาย หรือ ทางปัญญา ไปแล้ว
แต่เหตุใดเขาจึงยังได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาล และ เขาจึงทำได้สำเร็จ
คุณคาซูโอ เป็นทั้งนักคิด นักเขียน นักพูด และ นักบวช เขามีปรัชญาในการบริหารงานที่น่าศึกษา
วันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งซีอีโอของ JAL นั้นเขาบอกกับพนักงานตรงๆ ว่า “ผมเกลียด JAL มาก และไม่ใช้บริการ JAL มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว”
เขาให้สัมภาษณ์ว่า “พนักงาน JAL ทำหน้าที่ตามหนังสือคู่มือเท่านั้น แต่ไม่ได้มีจิตใจในการให้บริการอันอบอุ่นแก่ผู้โดยสารที่เกิดจากหัวใจ”
แม้ไม่เคยมีประสบกาณณ์ในการบริหารสายการบิน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา
เขาบอกว่า ปรัชญาในการบริหารที่เขาใช้ได้เสมอ ก็คือ องค์กรไม่จำเป็นต้องมีเอกสาร หรือ พิธีรีตองอะไรมากมาย
“ขอเพียงให้ฝ่ายบริหารตระหนักในปรัชญาเดียวกัน และตรงกัน ว่าหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ก็คือ การสร้างความสุขกาย สุขใจ ให้เกิดขึ้นกับพนักงาน เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือก็คือสิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นตามมาเอง”
สิ่งที่คุณคาซูโอพบหลังจากเข้ามารับตำแหน่ง 6 เดือน คือ “ผู้บริหารและพนักงานแบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน องค์กรขาดข้อมูลที่สะท้อนผลประกอบการที่เป็นปัจจุบัน ความรับผิดชอบไม่ชัดเจน รวมทั้งความไม่ใส่ใจอย่างจริงจังของผู้บริหารที่จะพลิกฟื้นองค์กร
ถือว่าเป็นองค์กรที่อุ้ยอ้าย และผู้บริหารขาดความรับผิดชอบ”
และยังบอกว่า มีข้าราชการเก่าหลายคนที่ใช้เส้นสาย ลาออกก่อนกำหนดเพื่อรับเงินชดเชยก้อนโต แล้วก็เบียดตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหาร JAL ในอัตราเงินเดือนสูง
ว่าแล้วคุณคาซูโอ ก็ลงมือบริหารความเปลี่ยนแปลงทันที โดยกำหนดให้ผู้บริหารระดับสูงสุด 50 คน ต้องเข้า “โครงการอบรมผู้นำ” สัปดาห์ละ 4 ครั้ง รวมเวลาอบรม 17 ครั้ง เพื่อให้ตระหนักว่า “ผู้นำที่ดีนั้นเป็นเช่นใด” โดยเขาเป็นผู้ร่วมบรรยายด้วยถึง 6 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาว่า “ผู้นำที่ดีจะต้องมีความรอบรู้ในเรื่องข้อมูลทางการเงิน มีบุคลิกภาพที่ดี มีความลุ่มหลงในงานที่ทำ และความทุ่มเท เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย”
หลังจากนั้นเขาก็ฝึกอบรมผู้บริหารในระดับถัดไปจนครบ 200 คน เขาให้ความเป็นกันเองกับทุกคน เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของพนักงาน
นอกจากนั้น เขาพยายามลดต้นทุน และปลุกจิตสำนึก ด้วยการติดป้ายราคา สิ่งของและเครื่องใช้ชนิดต่างๆ เช่นกล่องบรรจุกระดาษ ก็ติดป้ายว่า ราคาแผ่นละเท่าไหร่ เป็นต้น
ทั้งหมดที่เขาทำ ไม่รับเงินเดือน ไม่รับผลประโยชน์ใดๆ ขอชดใช้บุญคุณแผ่นดิน ....
แฟ้มบุคคล ขอกราบงามๆ ด้วยความชื่นชมและศรัทธาในความดี การรับใช้ชาติ
นอกเหนือจากปรัชญาในการทำงาน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ใจ” แค่คิดว่าแก่ ก็คงไม่กล้ารับงาน คิดว่ายากก็คงรีบปฏิเสธ
อย่าลดทอนใจคุณด้วยตัวคุณเอง คนอื่นอาจจะลดทอนใจคุณได้ แต่คนที่จะซ้ำเติมให้เจ็บปวดยิ่งขึ้น คือ ตัวคุณเอง ที่คอยย้ำคิดย้ำทำในเรื่องแย่ๆ
เครดิตจากเฟสเน้อ