โพสต์ที่แล้วผมแนะนำ Regret Minimization Framework ของ CEO บริษัท Amazon ที่ทำให้ตัดสินใจเรื่องยากๆให้กลายเป็นเรื่องหมูๆ แต่หลังจากผมได้อ่านคอมเม้นต์ของกระทู้นี้ที่ผมโพสต์ลงไปในพันทิป แล้วเจอคอมเม้นจากเพื่อนอันนึง เขียนว่า "พรุ่งนี้ไปบริษัท เขียนใบลาออกเลย จะออกไปแตะขอบฟ้า ^^" ผมก็เย้ย O_O! ใจเย็นนะคับพี่ ==! หวังว่าพี่เค้าคงล้อเล่น 555
กระทู้พันทิป: เทคนิคตัดสินใจเรื่องยากๆให้กลายเป็นเรื่องหมูๆ ของ Jeff Bezos
http://pantip.com/topic/33249871
ที่ผมไม่อยากให้รีบตัดสินใจเพราะ เคล็ดลับดังกล่าวนั้น เป็นการเพิ่มน้ำหนักและความสำคัญของชีวิตเราในอนาคต ที่เรามักให้ความสำคัญน้อยไป แต่ไม่ว่ามองจากอนาคตหรือปัจจุบัน สำคัญที่สุดคือ เราต้องคิดให้ครับและชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ก่อนตัดสินใจ
เพราะนอกจากเสียดายที่ไม่ได้ทำแล้ว ยังมีเสียดายที่ไม่ได้ตั้งใจเลือกด้วยครับ (อันนี้ผมเจอบ่อยมากก)
ครั้งนี้ผมจึงขอแนะนำ คอนเส็ปง่ายๆ จากเจอในหนังสือ The Knack ที่สามารถนำมาใช้ร่วมกับ กับ Regret Minimization Framework เพื่อช่วยลดโอกาสที่เราจะตัดสินใจผิดพลาดแบบ "คิดไม่ถึงได้ไง ไม่น่าเลย" ประมาณนั้นครับ
ในหนังสือ คุณ Norm Brodsky ผู้เขียนร่วม บอกไว้ว่า
เราไม่ควรตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆในธุรกิจในขณะที่ถูกครอบงำโดยความเร่งรีบจากทั้งตัวคุณเองหรือคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นคุณนอร์มบอกว่า ในโลกธุรกิจ ถ้าเรารู้สึกกดดันว่าต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆเดี๋ยวนั้นเลย..
ห้ามตัดสินใจ เพราะการด่วนตัดสินใจจะเพิ่มความเสี่ยงที่เราจะเจอปัญหามากมายที่จะตามมาในอนาคตครับ
คุณนอร์มเองก็ได้เจอประสบการณ์แย่ๆ จากการด่วนตัดสินใจเกินไป ตอนที่เขากำลังมันส์มือกับการสร้างอาณาจักรบริการส่งของโดยแมสเซ็นเจอร์ ในช่วงปี 1970 ตอนนั้นเขาคิดอย่างเดียวคือต้องขยายกิจการ และกำลังจะตัดสินใจซื้อบริษัทคู่แข่งที่กำลังมีปัญหา ทั้งที่เขารู้อยู่ลึกๆว่าเจ้าปัญหาที่ติดมาเนี่ยจะสร้างความเสี่ยงให้บริษัทแม่ของเขาแน่ๆ แต่เขาไม่ฟังความรู้สึกลึกๆนี้ และกลับให้ข้ออ้างนู่นนี่และให้ความมั่นใจกับตัวเองเกินไป จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกิจการคู่แข่งนี้ในที่สุด และอีกไม่นานปัญหาที่คิดไว้นั้นได้ตามหลอกหลอนบริษัทเขาไปอีก 3 ปีเต็มๆ แค่เพราะการด่วนตัดสินใจเป็นต้นเหตุ
ผู้เขียนบอกว่า เขารู้ตัวดีเลยว่า ไอ้นิสัยการด่วนตัดสินใจของเขาเนี่ย
ดัดยากมาก เขาเลยแก้ไขปัญหาด่วนตัดสินใจนี้โดยการตั้งกฎกับตัวเองว่า
"ห้ามตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ โดยที่ไม่อาบน้ำก่อน" โดยเรื่องใหญ่ๆในที่นี้ หมายถึงเรื่องที่จะมีผลต่อชีวิตเราในอนาคตระยะไกลครับ (ถ้าเอาเรื่องเล็กๆด้วยคงไม่ไหว คงใช้เวลาตัดสินใจเยอะเกิน ไม่ก็ต้องอาบน้ำบ่อยจนผิวแห้งตาย) ตอนผมอ่านถึงตรงนี้ ผมก็อดขำไม่ได้ เทคนิคมันน่ารักดี ตรงที่เป็นถึงเจ้าของธุรกิจแต่ยังต้องบังคับให้ตัวเองอาบน้ำ 555
คุณนอร์มบอกว่าเคล็ดลับนี้
บังคับให้เค้าใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้น มีเวลาฟังความเห็นของคนอื่น คิดถึงผลกระทบที่ตามมาให้ครบ และไม่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ต่างๆ และถึงแม้บางทีใช้เคล็ดลับนี้แล้วเราอาจจะเลือกทางเลือกเดิมอยู่ดี เทคนิคนี้ก็ทำให้เรามีความมั่นใจในการเลือกมากขึ้นครับ
ถึงคุณนอร์มพูดถึงการใช้เทคนิคนี้ในโลกธุรกิจ แต่ผมคิดว่าเทคนิคนี้ก็มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันของทุกคน สำหรับน้องๆวัยรุ่นม.ปลาย ที่เดี๋ยวนี้แข่งขันกันเข้ามหาลัยสุดๆ เทคนิคนี้อาจช่วยในเรื่องของการตัดสินใจลงวิชาเรียนพิเศษที่เราต้องการจริงๆ แทนที่จะกลัวลงไม่ทันเพื่อนในกลุ่ม นอกจากนี้ใช้อาจช่วยในการเลือกคณะ เลือกวิชา เลือกกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วย และอื่นๆ ที่รีบเกินไปจะไม่ดีเอาครับ
สำหรับนักลงทุนระยะยาว เช่น VI ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ครับ จากประสบการณ์ VI มือใหม่อย่างผม เวลาหุ้นตัวที่ผมดูอยู่มันราคาตกมาถึงจุดที่ผมคิดว่ารับได้ ผมมักจะรู้สึกว่า "ต้องรีบละ โอกาสนี้ไม่มีอีกแล้ว! เดี๋ยวมันกลับขึ้นไปอีก" แล้วผมก็รีบกดซื้อจนได้ ทั้งๆที่หลังจากนั้นหุ้นมันก็เด้งไปเด้งมาอยู่ในราคานั้นอีกตั้งนาน ถ้าผมไปอาบน้ำก่อน และเวลาตัวเองให้คิดให้ครบอีกนิดนึง ผมอาจจะไม่ซื้อก็ได้ครับ เพราะสุดท้ายผมก็ยังขาดทุนกับหุ้นตัวนี้อยู่ =="
และสำหรับเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานแล้ว อาจใช้เทคนิคนี้ก่อนที่จะตัดสินใจรับโปรเจ็ค ย้ายแผนก ย้ายงาน และอื่นๆครับ
สรุปสั้นๆคือ การด่วนตัดสินใจเรื่องที่ใหญ่และสำคัญ จะทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ครบถ้วน และอาจทำให้เกิดผลร้ายได้ในภายหลัง เพื่อนๆสามารถแก้ปัญหานี้ ด้วย 3 ขั้นตอนสั้นๆ ดังนี้ครับ
1) ตั้งกฎว่า ก่อนจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ให้ .......... [เติมคำในช่องว่าง: เช่นอาบน้ำ ออกกำลังกาย (ฟิตขึ้นอีก) นั่งสมาธิ (สำหรับคนธรรมะธรรมโม) ฯลฯ]
2) ระหว่างตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ลองถามตัวเองว่า คุณมีเวลาเยอะกว่าที่คุณรู้คิดเปล่า? ขอเวลาตัดสินใจได้มั๊ย? คุณนอร์มบอกว่าถ้าฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นนิสัยที่ดี แล้วจะจับจุดได้เวลาเราถูกกดดันให้ด่วนตัดสินใจทั้งๆที่เราไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้
3) ถ้าไม่รีบคอขาดบาดตายจริงๆ ให้ไปทำ ......... อย่างที่ตั้งใจไว้ ก่อนตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ครับ
shower
สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ พี่ๆ มีเคล็ดลับที่ช่วยในการตัดสินใจเรื่องๆต่างๆ หรือคอมเม้นต์อื่นๆ ลองมาแชร์กันนะครับ ผมจะได้ลองเอาไปใช้บ้างครับ คราวหน้าผมจะมาสรุปกุญแจที่ทั้ง Jack Ma แห่ง Alibaba และ Jeff Bezos แห่ง Amazon ใช้เพื่อประสบความสำเร็จ ถ้าเพื่อนๆสนใจสามารถตามอ่านบล็อกผมได้โดยเข้าไป Follow ได้เลยครับที่
http://metapon.wordpress.com หรือที่ Facebook:
https://www.facebook.com/metaponBlog ได้เลยครับ (เพิ่งสร้างใหม่)
สำหรับโพสต์ที่แล้ว ผมต้องขอขอบคุณสำหรับ Feedback และคอมเม้นต์ต่างๆ พันทิป เพื่อนๆที่ Follow ทางเว็บ และขอบคุณ Thai Investment Institute ที่ช่วยแชร์กระทู้ในพันทิปอันล่าสุดของผมอย่างมากครับ ดีใจมากจริงๆไม่เคยโดนแชร์ขนาดนี้มาก่อน เพื่อนๆเป็นกำลังใจให้ผมเขียนบล็อกต่อไปมากๆครับ ^^
ที่มา:
The Knack (2009) เขียนโดย Bo Burlington และ Norm Brodsky.
[CR] ตัดสินใจเรื่องใหญ่..อย่าลืมอาบน้ำ!
กระทู้พันทิป: เทคนิคตัดสินใจเรื่องยากๆให้กลายเป็นเรื่องหมูๆ ของ Jeff Bezos http://pantip.com/topic/33249871
ที่ผมไม่อยากให้รีบตัดสินใจเพราะ เคล็ดลับดังกล่าวนั้น เป็นการเพิ่มน้ำหนักและความสำคัญของชีวิตเราในอนาคต ที่เรามักให้ความสำคัญน้อยไป แต่ไม่ว่ามองจากอนาคตหรือปัจจุบัน สำคัญที่สุดคือ เราต้องคิดให้ครับและชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ก่อนตัดสินใจ เพราะนอกจากเสียดายที่ไม่ได้ทำแล้ว ยังมีเสียดายที่ไม่ได้ตั้งใจเลือกด้วยครับ (อันนี้ผมเจอบ่อยมากก)
ครั้งนี้ผมจึงขอแนะนำ คอนเส็ปง่ายๆ จากเจอในหนังสือ The Knack ที่สามารถนำมาใช้ร่วมกับ กับ Regret Minimization Framework เพื่อช่วยลดโอกาสที่เราจะตัดสินใจผิดพลาดแบบ "คิดไม่ถึงได้ไง ไม่น่าเลย" ประมาณนั้นครับ
ในหนังสือ คุณ Norm Brodsky ผู้เขียนร่วม บอกไว้ว่าเราไม่ควรตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆในธุรกิจในขณะที่ถูกครอบงำโดยความเร่งรีบจากทั้งตัวคุณเองหรือคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นคุณนอร์มบอกว่า ในโลกธุรกิจ ถ้าเรารู้สึกกดดันว่าต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญๆเดี๋ยวนั้นเลย..ห้ามตัดสินใจ เพราะการด่วนตัดสินใจจะเพิ่มความเสี่ยงที่เราจะเจอปัญหามากมายที่จะตามมาในอนาคตครับ
คุณนอร์มเองก็ได้เจอประสบการณ์แย่ๆ จากการด่วนตัดสินใจเกินไป ตอนที่เขากำลังมันส์มือกับการสร้างอาณาจักรบริการส่งของโดยแมสเซ็นเจอร์ ในช่วงปี 1970 ตอนนั้นเขาคิดอย่างเดียวคือต้องขยายกิจการ และกำลังจะตัดสินใจซื้อบริษัทคู่แข่งที่กำลังมีปัญหา ทั้งที่เขารู้อยู่ลึกๆว่าเจ้าปัญหาที่ติดมาเนี่ยจะสร้างความเสี่ยงให้บริษัทแม่ของเขาแน่ๆ แต่เขาไม่ฟังความรู้สึกลึกๆนี้ และกลับให้ข้ออ้างนู่นนี่และให้ความมั่นใจกับตัวเองเกินไป จนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกิจการคู่แข่งนี้ในที่สุด และอีกไม่นานปัญหาที่คิดไว้นั้นได้ตามหลอกหลอนบริษัทเขาไปอีก 3 ปีเต็มๆ แค่เพราะการด่วนตัดสินใจเป็นต้นเหตุ
ผู้เขียนบอกว่า เขารู้ตัวดีเลยว่า ไอ้นิสัยการด่วนตัดสินใจของเขาเนี่ยดัดยากมาก เขาเลยแก้ไขปัญหาด่วนตัดสินใจนี้โดยการตั้งกฎกับตัวเองว่า "ห้ามตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ โดยที่ไม่อาบน้ำก่อน" โดยเรื่องใหญ่ๆในที่นี้ หมายถึงเรื่องที่จะมีผลต่อชีวิตเราในอนาคตระยะไกลครับ (ถ้าเอาเรื่องเล็กๆด้วยคงไม่ไหว คงใช้เวลาตัดสินใจเยอะเกิน ไม่ก็ต้องอาบน้ำบ่อยจนผิวแห้งตาย) ตอนผมอ่านถึงตรงนี้ ผมก็อดขำไม่ได้ เทคนิคมันน่ารักดี ตรงที่เป็นถึงเจ้าของธุรกิจแต่ยังต้องบังคับให้ตัวเองอาบน้ำ 555
คุณนอร์มบอกว่าเคล็ดลับนี้บังคับให้เค้าใช้เวลาในการตัดสินใจมากขึ้น มีเวลาฟังความเห็นของคนอื่น คิดถึงผลกระทบที่ตามมาให้ครบ และไม่ถูกครอบงำโดยอารมณ์ต่างๆ และถึงแม้บางทีใช้เคล็ดลับนี้แล้วเราอาจจะเลือกทางเลือกเดิมอยู่ดี เทคนิคนี้ก็ทำให้เรามีความมั่นใจในการเลือกมากขึ้นครับ
ถึงคุณนอร์มพูดถึงการใช้เทคนิคนี้ในโลกธุรกิจ แต่ผมคิดว่าเทคนิคนี้ก็มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันของทุกคน สำหรับน้องๆวัยรุ่นม.ปลาย ที่เดี๋ยวนี้แข่งขันกันเข้ามหาลัยสุดๆ เทคนิคนี้อาจช่วยในเรื่องของการตัดสินใจลงวิชาเรียนพิเศษที่เราต้องการจริงๆ แทนที่จะกลัวลงไม่ทันเพื่อนในกลุ่ม นอกจากนี้ใช้อาจช่วยในการเลือกคณะ เลือกวิชา เลือกกลุ่มเพื่อนที่ทำงานด้วย และอื่นๆ ที่รีบเกินไปจะไม่ดีเอาครับ
สำหรับนักลงทุนระยะยาว เช่น VI ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ครับ จากประสบการณ์ VI มือใหม่อย่างผม เวลาหุ้นตัวที่ผมดูอยู่มันราคาตกมาถึงจุดที่ผมคิดว่ารับได้ ผมมักจะรู้สึกว่า "ต้องรีบละ โอกาสนี้ไม่มีอีกแล้ว! เดี๋ยวมันกลับขึ้นไปอีก" แล้วผมก็รีบกดซื้อจนได้ ทั้งๆที่หลังจากนั้นหุ้นมันก็เด้งไปเด้งมาอยู่ในราคานั้นอีกตั้งนาน ถ้าผมไปอาบน้ำก่อน และเวลาตัวเองให้คิดให้ครบอีกนิดนึง ผมอาจจะไม่ซื้อก็ได้ครับ เพราะสุดท้ายผมก็ยังขาดทุนกับหุ้นตัวนี้อยู่ =="
และสำหรับเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานแล้ว อาจใช้เทคนิคนี้ก่อนที่จะตัดสินใจรับโปรเจ็ค ย้ายแผนก ย้ายงาน และอื่นๆครับ
สรุปสั้นๆคือ การด่วนตัดสินใจเรื่องที่ใหญ่และสำคัญ จะทำให้เราตัดสินใจได้ไม่ครบถ้วน และอาจทำให้เกิดผลร้ายได้ในภายหลัง เพื่อนๆสามารถแก้ปัญหานี้ ด้วย 3 ขั้นตอนสั้นๆ ดังนี้ครับ
1) ตั้งกฎว่า ก่อนจะตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ให้ .......... [เติมคำในช่องว่าง: เช่นอาบน้ำ ออกกำลังกาย (ฟิตขึ้นอีก) นั่งสมาธิ (สำหรับคนธรรมะธรรมโม) ฯลฯ]
2) ระหว่างตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ลองถามตัวเองว่า คุณมีเวลาเยอะกว่าที่คุณรู้คิดเปล่า? ขอเวลาตัดสินใจได้มั๊ย? คุณนอร์มบอกว่าถ้าฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นนิสัยที่ดี แล้วจะจับจุดได้เวลาเราถูกกดดันให้ด่วนตัดสินใจทั้งๆที่เราไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้
3) ถ้าไม่รีบคอขาดบาดตายจริงๆ ให้ไปทำ ......... อย่างที่ตั้งใจไว้ ก่อนตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ ครับ
shower
สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ พี่ๆ มีเคล็ดลับที่ช่วยในการตัดสินใจเรื่องๆต่างๆ หรือคอมเม้นต์อื่นๆ ลองมาแชร์กันนะครับ ผมจะได้ลองเอาไปใช้บ้างครับ คราวหน้าผมจะมาสรุปกุญแจที่ทั้ง Jack Ma แห่ง Alibaba และ Jeff Bezos แห่ง Amazon ใช้เพื่อประสบความสำเร็จ ถ้าเพื่อนๆสนใจสามารถตามอ่านบล็อกผมได้โดยเข้าไป Follow ได้เลยครับที่ http://metapon.wordpress.com หรือที่ Facebook: https://www.facebook.com/metaponBlog ได้เลยครับ (เพิ่งสร้างใหม่)
สำหรับโพสต์ที่แล้ว ผมต้องขอขอบคุณสำหรับ Feedback และคอมเม้นต์ต่างๆ พันทิป เพื่อนๆที่ Follow ทางเว็บ และขอบคุณ Thai Investment Institute ที่ช่วยแชร์กระทู้ในพันทิปอันล่าสุดของผมอย่างมากครับ ดีใจมากจริงๆไม่เคยโดนแชร์ขนาดนี้มาก่อน เพื่อนๆเป็นกำลังใจให้ผมเขียนบล็อกต่อไปมากๆครับ ^^
ที่มา:
The Knack (2009) เขียนโดย Bo Burlington และ Norm Brodsky.