นี้เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเราเลยหากผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะถ้ามันยาวไปแต่ก็ไม่รู้จะไปคุยกับใคร ขอแนะนำตัวก่อนนะเราชื่อ "บี" อายุ 25 ปี ตอนนี้ตกงานเรียบร้อยจ้า!!! ก็ตามหัวข้อกระทู้เลยเราเองก็จบแค่วุฒิ ปวช.สาขาภาษาต่างประเทศ(อังกฤษ-ญี่ปุ่น)จากโรงเรียนพาณิชย์ย่านสะพานใหม่ ก็อย่างว่าวุฒิแค่นี้สมัยนี้จะหางานดี ๆ ทำมันช่างยากนักถ้าไม่เชียวชาญในภาษาไปเลยตามวุฒิที่จบ ส่วนตัวเราก็ไม่ได้เก่งในภาษาอังกฤษมากไปสมัครงานก็จะเจอคำถามที่ว่า "น้องต้องเก่งภาษาอังกฤษมากแน่ ๆ เลย" พอทดสอบพูดคุยเราก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้างหลายครั้งฝ่ายบุคคลที่สัมภาษณ์เราเชียวชาญในภาษามากกว่าเราเสียอีก บางทีเราก็อายนะไม่กล้าบอกเลยว่าจบมาจากไหนกลัวเขาจะมองรุ่นน้องรุ่นพี่ที่จบมาจากสาขาเดียวกันแต่เก่ง ๆ แล้วเหมารวมไปหมดว่าจะเป็นแบบเราหมดหรือเปล่า จนในที่สุดก็ได้ทำงานประจำครั้งแรกเป็นงานร้านหนังสือภาษาอังกฤษชื่อดัง ก่อนเราเริ่มงานทางฝ่ายบุคคลแจ้งเราว่าปกติตำแหน่งพนักงานขายประจำร้านจะรับแค่วุฒิปวส.ขึ้นไปนะแต่พี่เห็นว่าเราเคยทำงานบริการมาก่อนตั้ง4ปี(Part-Timeที่โรงภาพยนตร์First Classแห่งหนึ่งทำตั้งแต่เรียนปวช.1)ก็เลยตกลงจ้างเราเข้าทำงาน ที่นี้เราก็ทำมาได้3ปีเต็มตอนนั้นก็ทำงานอย่างเดียวไม่เคยคิดจะเรียนต่อแต่สุดท้ายทางบ้านอยากให้เราเรียนต่อให้จบปริญญาตรีให้ได้เราก็เลยไปสมัครเรียนที่รามคำแหงตอนนั้นก็ทำงานที่ร้านได้ประมาณปีนึง เราลงเอกประชาสัมพันธ์ ก็เรียนไม่ไหวย้ายไป เอกบัญชี ก็แล้วใหญ่มันคงเป็นที่ตัวเราเองแหละที่ไม่สนใจการเรียนมากพอเพราะคิดแต่ว่าตอนนี้ก็มีงานดี ๆ ทำแล้วนิไม่ต้องเรียนต่อหรอกแต่ด้วยความคิดชั่ววูบคิดว่าตัวเองแน่อยากทำงานออฟฟิตอยากหยุดงานตามราชการแบบคนอื่นเขาเพราะที่ร้านเป็นงานในห้างวันหยุดได้หยุดแค่วันธรรมดาเท่านั้นเลยลาออก!!!ไปสมัครงานบริษัทนายหน้าประกันเล็ก ๆ แห่งหนึ่งเพราะงานออฟฟิตส่วนมากจะรับแต่วุฒิปวส.ขึ้นไปสะส่วนใหญ่สุดท้ายก็ได้เข้าไปทำแต่ทุกอย่างมันไม่ตรงตามที่วาดภาพไว้เลย วันหยุดได้หยุดตามราชการจริงแต่รายได้นั้นน้อยมากจากที่เคยรับเดือนนึงไม่ต่ำกว่า1หมื่นบาทขึ้นไปแต่พอมาอยู่ที่นี้ได้แค่5,xxx-8,xxxบาทต่อเดือนเท่านั้นเพราะเราแทบจะขายประกันอะไรไม่ได้เลยสรุปเงินก็ไม่พอใช้เพราะรายจ่ายต่อเดือนเราค่อนข้างสูงทนทำได้5เดือนก็ลาออกพอดีช่วงใกล้จะลาออกเราโดนเรียกให้ไปสัมภาษณ์งานกับบริษัทนายหน้าประกันภัยยักษ์ใหญ่รายหนึ่งย่ายมีนบุรี(ที่นี้แหละที่ทำให้เราถึงกับหมดความภูมิใจในตัวเองไปเลย) เรามาทำที่นี้เพราะรายได้ช่วงจะออกจากที่เก่าก็มีแต่คนบอกว่าที่นี้เงินดีมากนะเราเลยลองมาดูถ้าไม่ดีจริงก็จะไม่เอาแล้วงานสายประกันแต่ทุกอย่างตามที่คนอื่นพูดมันคือความจริง(แต่โชคดีด้วยที่เราได้อยู่ฝ่ายต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์)ทำมา8เดือนเงินเดือนแค่8พันบาทแต่ค่าคอมต่อเดือนรวมเงินเดือนแล้วเราได้ไม่ต่ำกว่า3-4หมื่นบาทต่อเดือน(ไม่ได้โกหกนะ)เดือนแรกที่ได้เงินเดือนยังตกใจเลยว่าเงินโอนผิดหรือเปล่าแต่พอเห็นสลิปถึงกับน้ำตาคลอไม่น่าเชื่อว่าเราจะได้มาทำงานดี ๆ เงิน ๆ เพียงแค่วุฒิปวช.เท่านั้นเองก็เลยทนทำต่อทั้ง ๆ ที่ไกลบ้านมากตื่นตั้งแต่ตี5นั้งรถสามต่อเข้างาน8โมงเช้าเลิกงานไม่เป็นเวลาทุ่มนึงบ้าง4ทุ่มบ้าง(เล่าแค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าบริษัทไหนใครมีรถแล้วต้องเจอบริษัทนี้โทรไปหาตอนสองสามทุ่มแน่นอน) แล้วแต่ยอดที่รับวันนั้น ๆ จนสามเดือนหลังเราเริ่มเหนื่อยยอดเริ่มตกนั้งทำงานไปหาวไปรับรู้ได้เลยว่าร่างกายเริ่มแย่แล้วเพราะงานก็ปวดหัวมากกับเรื่องยอดที่ต้องทำเราเริ่มหยุดงานบ่อยมากเพราะเหนื่อย และแล้วเราก็โดนผู้จัดการทีมเรียกไปด่าย้ำว่าด่า!!!ผู้จัดการก็เริ่มสาธยายว่าแรก ๆ "ก็ทำงานดีนะแต่เดียวนี้แย่มากถ้ากูรู้ว่าจะมาเพื่อแบ่งยอดกับพวกกูแบบนี้นะกูไม่รับเข้ามาทำหรอกนี้สงสัยกูจะมองคนผิดไปจริง ๆ " ชั่วโมงนั้นเราตกใจแต่หรือว่าเราสนิทกับเขาหรือเปล่าเขาเลยพูดแบบนั้นกับเราแต่พอเรามานั้งนึกดี ๆ แล้วเราเองนั้นแหละที่เหมาะกับที่นี้จริง ๆ งั้นหรอ
1.ครั้งนึงที่ผู้จัดการทีมไปเปลี่ยนเครือข่ายมือถือจาก...ไปเป็น...ทุกคนในห้องก็ไปเปลี่ยนตามยกเว้นเราแล้วก็มานั้งด่าค่ายเก่าตัวเองว่าเหี้..อย่างงั้นอย่างงี้ค่ายเดียวกับพี่ผู้จัดการห้องดีกว่าเห็น ๆ(ต้องเปลี่ยนสีกันขนาดนั้นเลยหรอ)
2.ตอนเช้าบางคนในห้องจะซื้ออาหารเช้าแบบง่าย ๆ มาให้พี่ผู้จัดการทีมทานและถ้าพี่เขาทานของใครคนนั้นจะโอ้อวดไปทั้งวันว่าพี่เขาเลือกกู(แต่เราอยากซื้อผ้าสามสีมาผูกตุ๊กตาชาววังและน้ำแดงมาถวายให้มากกว่าเพราะแลดูศักดิ์สิทธิ์ดี)
3.ถ้าใครทำยอดตกที่สุดในวันนั้นพี่เขาจะเรียกด่าประจานหน้าห้องว่าคนนี้แหละทำยอดทีมเสีย(ข้อนี้อาจจะปกติมั้งเพราะงานขายนินา)
4.มีผู้จัดการทีมแล้วต้องมีผู้บริหารทีมที่ใหญ่กว่ารายนี้ก็ใช่ย่อยใครเดินผ่านแล้วไม่ไหว้มีเรื่องทันทีเรียกคุยถามตรง ๆ เลยว่า "ทำไมไม่ไหว้ฉัน"
ตรงนี้....)
5.ทุกคนต้องมาทำงานก่อนพี่ผู้จัดการทีมถ้าใครมาช้ากว่าจะโดนเพิ่มยอดเข้าไปอีกต่อให้มาทันเวลาเข้างานก็ตาม "ข้อหาไม่มีความรับผิดชอบเพียงพอต่อหน้าที่"
เป็นสิ่งที่น่าเบื่อมากทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่ได้ผิดอะไร)
6.ทุกวันจะประชุมก่อนเริ่มงาน1ชั่วโมงเรื่องงานร่วม ๆ กับเรื่องไร้สาระแต่!!!จะมีบทสวดที่คิดขึ้นมาเองด้วยเป็นบทสวดง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า "เราต้องรักและเคารพพี่...(คือผู้บริหารทีม) เราต้องศรัทธาในตัวพี่....และเราต้องสำนึกในบุญคุณที่พี่...ให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น"
เราว่าคล้าย ๆ เหมือนลัทธิบางอย่างไปแล้วนะ)
7.ทุกคนต้องคอยดูแลความสะอาดของโต๊ะทำงานพี่ผู้จัดการทีมให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอโดยการเอาแอลกอฮอลมาเช็ดทุกเช้า(เราอยากเอาแป้งมาโรยขูดหาเลขมากกว่าเพราะทุกเช้าทุกคนจะต้องมาต่อคิวกันทำความสะอาดโต๊ะตัวนี้นึกไม่ออกหาภาพชาวบ้านรุมขอหวยกับอะไรสักอย่างนั้นแหละใช่เลย)
8.ที่นี้ทุกคนพร้อมจะแทงจะเสียบจะเลื่อยขาเก้าอี้กันตลอดเวลาเพื่อตำแหน่งที่ดีกว่าและแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเด็กใครเด็กมัน
9.มีการขโมยงานกันเกิดขึ้นโดยคนที่ตำแหน่งสูงกว่าจะเข้าไปในรายชื่อลูกค้าของคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าได้ตลอดเวลา และมักจะเอาลูกค้าที่เบี้ยสูง ๆ ไปเพื่อปิดยอดตนเองและมาบอกเราทีหลังทั้ง ๆ ที่ลูกค้าคนนั้นเราปูทางไว้เรียบร้อยแล้วเหลือแค่ตกลงวันจ่ายเงินโดยคนที่ขโมยจะบอกลูกค้าว่าโทรมาในนามของเราพอลูกค้าเชื่อก็จ่ายเงินในนามคนที่ขโมยค่าคอมเขาก้ได้ไปแต่ยอดที่เราต้องแบกก็เท่าเดิม(ต้องไปขโมยงานจากคนอื่นอีกทีกลายเป็นคนไม่ดีไปโดยปริยาย)
10.(1ในข้อดีที่ไม่ค่อยมี)ผู้หญิงที่นี้เสริมหน้าอก ผู้ชายดัดฟัน สาวประเภทสองแปลงเพศ เรียกได้ว่าใครอยากทำศัลยกรรมตรงไหนได้ทำหมดเพราะรายได้สูงมากและที่นี้การที่คุณเดินไปมาในบริษัทแล้วเจอแต่ล่ะคนใช้ Chanel LouisVuitton Hermès รถหรู มือถือรุ่นล่าสุด Hi-Endต่าง ๆ ไม่ใช้เรื่องแปลกใด ๆ ทั้งสิ้นและบริษัทยังมีจัดทัวร์ศัลยกรรมเกาหลีราคาพนักงานด้วยซึ่งราคาถูกมาก(แต่ต้องผ่านโปรแล้วนะจัดไปเดือนล่ะ1-3ครั้งต้องจองคิวล่วงหน้า)
สุดท้ายเราก็ลาออกแต่ก่อนออกก็คิดหนักอยู่หลายวันว่าจะออกดีไหมแต่ถ้าอยู่ต่อไปเรากลัวจะติดนิสัยแบบนั้นไปเลยและสุขภาพเราก็แย่โทรมใครก็ทักแต่ก็นะเสียดายรายได้เพราะงานเงินเดือนสูง ๆ แบบนี้มันหายากสำหรับเราเราเลยมานึกว่าเอาตอนนี้ว่าเราคิดถูกแล้วใช่ไหมหรือว่าตอนนั้นเราอ่อนไหวต่อสังคมแบบนั้นมากไปหรือมันคือความคิดชั่ววูบอีกแล้ว แต่ก็ออกมาแล้วแหละขอขอบคุณคำแนะนำติชมของทุก ๆ ท่านล่วงหน้านะจะ^^
เจองานที่ชอบรายได้ดีแต่ตัวเรามันอ่อนแอต่อเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าไปหรือเปล่า
1.ครั้งนึงที่ผู้จัดการทีมไปเปลี่ยนเครือข่ายมือถือจาก...ไปเป็น...ทุกคนในห้องก็ไปเปลี่ยนตามยกเว้นเราแล้วก็มานั้งด่าค่ายเก่าตัวเองว่าเหี้..อย่างงั้นอย่างงี้ค่ายเดียวกับพี่ผู้จัดการห้องดีกว่าเห็น ๆ(ต้องเปลี่ยนสีกันขนาดนั้นเลยหรอ)
2.ตอนเช้าบางคนในห้องจะซื้ออาหารเช้าแบบง่าย ๆ มาให้พี่ผู้จัดการทีมทานและถ้าพี่เขาทานของใครคนนั้นจะโอ้อวดไปทั้งวันว่าพี่เขาเลือกกู(แต่เราอยากซื้อผ้าสามสีมาผูกตุ๊กตาชาววังและน้ำแดงมาถวายให้มากกว่าเพราะแลดูศักดิ์สิทธิ์ดี)
3.ถ้าใครทำยอดตกที่สุดในวันนั้นพี่เขาจะเรียกด่าประจานหน้าห้องว่าคนนี้แหละทำยอดทีมเสีย(ข้อนี้อาจจะปกติมั้งเพราะงานขายนินา)
4.มีผู้จัดการทีมแล้วต้องมีผู้บริหารทีมที่ใหญ่กว่ารายนี้ก็ใช่ย่อยใครเดินผ่านแล้วไม่ไหว้มีเรื่องทันทีเรียกคุยถามตรง ๆ เลยว่า "ทำไมไม่ไหว้ฉัน"
5.ทุกคนต้องมาทำงานก่อนพี่ผู้จัดการทีมถ้าใครมาช้ากว่าจะโดนเพิ่มยอดเข้าไปอีกต่อให้มาทันเวลาเข้างานก็ตาม "ข้อหาไม่มีความรับผิดชอบเพียงพอต่อหน้าที่"
6.ทุกวันจะประชุมก่อนเริ่มงาน1ชั่วโมงเรื่องงานร่วม ๆ กับเรื่องไร้สาระแต่!!!จะมีบทสวดที่คิดขึ้นมาเองด้วยเป็นบทสวดง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า "เราต้องรักและเคารพพี่...(คือผู้บริหารทีม) เราต้องศรัทธาในตัวพี่....และเราต้องสำนึกในบุญคุณที่พี่...ให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น"
7.ทุกคนต้องคอยดูแลความสะอาดของโต๊ะทำงานพี่ผู้จัดการทีมให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอโดยการเอาแอลกอฮอลมาเช็ดทุกเช้า(เราอยากเอาแป้งมาโรยขูดหาเลขมากกว่าเพราะทุกเช้าทุกคนจะต้องมาต่อคิวกันทำความสะอาดโต๊ะตัวนี้นึกไม่ออกหาภาพชาวบ้านรุมขอหวยกับอะไรสักอย่างนั้นแหละใช่เลย)
8.ที่นี้ทุกคนพร้อมจะแทงจะเสียบจะเลื่อยขาเก้าอี้กันตลอดเวลาเพื่อตำแหน่งที่ดีกว่าและแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเด็กใครเด็กมัน
9.มีการขโมยงานกันเกิดขึ้นโดยคนที่ตำแหน่งสูงกว่าจะเข้าไปในรายชื่อลูกค้าของคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าได้ตลอดเวลา และมักจะเอาลูกค้าที่เบี้ยสูง ๆ ไปเพื่อปิดยอดตนเองและมาบอกเราทีหลังทั้ง ๆ ที่ลูกค้าคนนั้นเราปูทางไว้เรียบร้อยแล้วเหลือแค่ตกลงวันจ่ายเงินโดยคนที่ขโมยจะบอกลูกค้าว่าโทรมาในนามของเราพอลูกค้าเชื่อก็จ่ายเงินในนามคนที่ขโมยค่าคอมเขาก้ได้ไปแต่ยอดที่เราต้องแบกก็เท่าเดิม(ต้องไปขโมยงานจากคนอื่นอีกทีกลายเป็นคนไม่ดีไปโดยปริยาย)
10.(1ในข้อดีที่ไม่ค่อยมี)ผู้หญิงที่นี้เสริมหน้าอก ผู้ชายดัดฟัน สาวประเภทสองแปลงเพศ เรียกได้ว่าใครอยากทำศัลยกรรมตรงไหนได้ทำหมดเพราะรายได้สูงมากและที่นี้การที่คุณเดินไปมาในบริษัทแล้วเจอแต่ล่ะคนใช้ Chanel LouisVuitton Hermès รถหรู มือถือรุ่นล่าสุด Hi-Endต่าง ๆ ไม่ใช้เรื่องแปลกใด ๆ ทั้งสิ้นและบริษัทยังมีจัดทัวร์ศัลยกรรมเกาหลีราคาพนักงานด้วยซึ่งราคาถูกมาก(แต่ต้องผ่านโปรแล้วนะจัดไปเดือนล่ะ1-3ครั้งต้องจองคิวล่วงหน้า)
สุดท้ายเราก็ลาออกแต่ก่อนออกก็คิดหนักอยู่หลายวันว่าจะออกดีไหมแต่ถ้าอยู่ต่อไปเรากลัวจะติดนิสัยแบบนั้นไปเลยและสุขภาพเราก็แย่โทรมใครก็ทักแต่ก็นะเสียดายรายได้เพราะงานเงินเดือนสูง ๆ แบบนี้มันหายากสำหรับเราเราเลยมานึกว่าเอาตอนนี้ว่าเราคิดถูกแล้วใช่ไหมหรือว่าตอนนั้นเราอ่อนไหวต่อสังคมแบบนั้นมากไปหรือมันคือความคิดชั่ววูบอีกแล้ว แต่ก็ออกมาแล้วแหละขอขอบคุณคำแนะนำติชมของทุก ๆ ท่านล่วงหน้านะจะ^^