*****บอกก่อนเลยนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาความรักใด ๆ ทั้งสิ้น*****
ตอนนี้ผมกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีที่สอง และกำลังอยู่ในวิกฤตของตัวเอง คือ "ไม่ใช่ ไม่ชอบ เกลียด และเบื่อ" ควรพอไหม หลังจากทำตามมความต้องการของคนอื่นมากมาย
ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเรียนไม่ได้และเรียนไม่รอดนะครับ เกรดผมอยู่ในระดับพอใช้ แต่ผมเบื่อครับ เบื่อกับอะไรที่มันซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนให้ความรู้กสึกน่ารำคานตัวเอง และรอบด้านไปหมด ผมเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงชนิดที่พ่อกับแม่ยังไม่เข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง แต่พวกท่านชอบที่ผมเป็นแบบนี้ เพราะวัน ๆ ผมอยู่แต่บ้านแทบไม่ไปไหนเลย ทำให้ผมเข้ากับคนอื่นไม่ได้ และไม่อยากคบหากับใครทั้งนั้น ปัจจุบันมีเพื่อนอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มันก็ดีครับ เพราะกูจริงใจที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงไหม (ผมอดคิดไม่ได้ อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้ผมคิดเสมอ)
ผมเกลียดการทำงานกลุ่มชนิดที่เคยทะเลาะกับครูสมัยมัธยมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ในระดับมหาวิทยาลัยผมก็ใช้เหตุบอกอาจารย์ไป บางท่านก็เข้าใจบ้างท่านผมยังไม่ได้คุยเลย คนรอบข้างก็พูดแล้ว "เขาให้ทำงานกลุ่ม ก็จับ ๆ ไปเถอะ" ผมรู้สึกว่าโครตโดนเอาเปรียบเลย ผมทำคนเดียว โดยมีพวกเขาเหล่านั้นทำงานผมพังเสมอ ๆ ผมเบื่อกับการต้องทำงานกลุ่ม เพราะมากความ เรื่องเยอะ เสนออะไรไปก็ไม่สนใจ ไม่ฟังผม ขนาดผมเสนอวิธีเรียกลูกค้า เขายังเฉยเลย (ผมเรียนสายงานบริการครับ และต้องทำผลิตภัณฑ์ขาย) อะไรก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่ดี
ผมเป็นคนเรียนได้ดีระดับหนึ่ง ไม่ดีมาก แต่ผมชอบวิชาเรียนในหลาย ๆ วิชาที่ผมเรียนอยู่ แต่ !! มันมีแต่งานกลุ่ม งานกลุ่ม และงานกลุ่ม อะไรก็ต้องเป็นกลุ่ม เรียกได้ว่าผมมีปัญหาก็ว่าได้ อย่างเวลามีการเดินทางและค้างแรม ผมเสนอไปว่า "ขออยู่คนเดียว จะจ่ายห้องเดียว คนเดียว" เขาก็ไม่ฟัง จับผมไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ และแน่นอนผมก็ไม่ไป แต่การเรียนผมคาดหวังว่าจะได้ เอ แต่พอมีงานกลุ่ม เอก็สลาย ผมร้องไห้หลายครั้งนะครับ เวลาทำงานกลุ่มแล้วเห็นชิ้นงานที่ผมมองแล้วว่า "คะแนนได้ครึ่งเดียวยังยาก ถ้าอาจารย์ไม่ช่วย" แต่ถ้าเป็นงานชนิดแผ่น ต้องส่งและใช้ระดับความคิด ผมกับต้องเป็นคนคิดทุกอย่าง และก็ชอบโยนความรับผิดชอบมาให้ผม ผมเบื่อมาก ๆ
ผมเป็นปริญญาใบแรกของปู่ รุ่นเด็กคนแรกของทวด ผมก็อยากให้ท่านสองคนมาวันรับปริญญาของผม ผมคิดหลายรอบหลายครั้ง จนบางครั้งก็อยากตายไปเสียมันจะได้จบ แต่ชีวิตมันก็ต้องมีทางออก ผมก็เลยอดทน สองปีกับการอดทนอันแสนหนัก กับสิ่งที่เรียกว่า "เพื่อคนอื่น" ผมอยากฝึกงานในสายงานที่ผมชอบ ก็ทำไม่ได้ ผมจบมาก็ไม่ได้ทำงานสายนี้ และไม่ทำ แต่ผมก็ต้องเรียนเพียงเพราะ "ทุกคนเห็นสมควร"
ผมพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ปรับเปลี่ยนความคิดให้ตัว พยายามต่อสู้กับตัวเอง แข่งกับตัวเอง แต่พอก้าวเข้ามหาวิทยาลัยและได้พบปะผู้คน ทุกอย่างที่ผมพยายามทำมาสูญเปล่าเพียงเพราะถูกย่ำซ้ำ ๆ เสมอ ๆ เขาไม่ได้ทำโดยตรงแต่ทำโดยทางอ้อม ผมรู้สึกได้และพยายามเก็บเอาไว้ แต่วันนี้ผมรู้สึกว่า "ผมแทบไม่มีค่าอะไรเลย ในสายตาทุกคนนอกจากผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ" ผมควรรุ้สึกอย่างไรดีครับ รู้สึกเป็นส่วนเกินไม่พอ ผมยังต้องโดนตำหนิหนัก ๆ เพียงเพราะไปทำงานในส่วนของคนอื่น ทั้งที่ผมไม่รู้อะไรเลยว่าใครรับ รู้เพียงแค่ว่าคน ๆ นี้ทำหน้าที่นี้และเหลืออะไร ผมแค่เข้าไปช่วยให้มันเสร็จไวขึ้น แต่ผมผิด
ผมอยากหาทางออกที่ดีกว่าการอดทนไปเรื่อย ๆ แล้วจะฆ่าตัวตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เทอมนี้ผมเรียนหนักชนิดที่ว่าไม่มีเวลากินข้าว แต่ผมก็ไม่สนใจ ตั้งใจเรียนไป แต่พอเจองานกลุ่มแล้วผมท้อเลยครับ ท้อจากความคิดคนอื่นที่พยายามยัดใส่ตัวผม ทั้งที่ผมเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ๆ เรียกได้ว่าขวางโลกก็ว่าได้ แต่ผมก็อยู่ในส่วนของผม เวลาทำอะไรก็ต้องเกรงใจคนข้างตัว มันแบบทรมานครับ เขามีข้อมาหักล้างผมได้เสมอเพียงเพราะ "เขาชอบตรงนี้ และที่ไหนก็เหมือนกัน" ผมก็ทำใจและก็อดทนไป ผมมองไม่เห็นอนาคตตัวเองเลยครับ เมื่อความหวังผมถูกบั่นทอนจากใครหลาย ๆ คน
ผมพยายามคิดว่าเพื่อครอบครัว เพื่อพ่อแม่ เพื่อปู่ย่าตายาย ทวดอีกคน ที่เขารอความสำเร็จจากผม แต่ผมรู้สึกว่าผมอดทนเพื่อพวกเขาได้ แต่ต้องไม่ใช่สังคมรอบตัวแบบนี้ และเรียนตรงนี้ ผมเรียนอะไรก็ได้ เรียนหมอก็ได้ ผมเครียดเพราะเรียนหนักก็ได้ เครียดเพราะนั่งเรียนคนเดียวก็ได้ แต่ผมทนความกดดันจากมนุษย์รวมโลกที่เรียกว่า "คนในรุ่นเดียวกัน" ไม่ได้ ผมไม่ทำอะไรกับส่วนรวม เพราะผมเคยทำแล้วแต่พวกเขาก็ไม่เห็นหัวผม ผมเลยเลิกทำ
ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านคิดว่า ผมควรพอไหมครับ ? หรือ อดทนต่อไปเพื่อใครหลาย ๆ คน ? ผมวางความฝันของตัวเองไว้ก่อนเพื่อทุกคน แต่ผมกลับไม่ได้อะไรจากความพยายามละความอดทนครั้งนี้นอกจากการได้เห็นอะไรมากขึ้น เช่น นิสัยที่ซ่อนเร้นอยู่ในมนุษย์คนหนึ่ง กับ ความจริงที่ว่าสังคมส่วนใหญ่ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร นอกนั้นผมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ผมอยากเรียนศิลปศาสตร์นะครับ หรือไม่ก็อักษรศาสตร์ ผมคิดว่า (ย้ำว่าตอนนี้แค่คิดว่า วันอังคารนี้ผมจะได้ไปนั่งเรียนกับเพื่อนที่อยู่คณะนี้แล้วครับ ถ้าไปแล้วชอบก็คงใช่จริง ๆ) อยากเป็นนักแปล หรือทำงานเกี่ยวกับภาษา หรือไม่ก็บริหารไปเลย แต่ผมก็คิดว่าศิลปศาสตร์ หรืออักษรศาสตร์น่าจะเหมาะสมที่สุด ผมอยากเรียนวิเคราะห์วรรณกรรมต่างประเทศ หรือทักษาการเขียน การแปล บทกวี และอะไรต่าง ๆ มาก แต่ตอนนี้ก็ได้แค่ฝัน เพราะผมยังคงไม่กล้าตัดสินใจว่าจะพอกับสิ่งที่เป็นอยู่และไปเริ่มต้นใหม่ดีไหม เลยอยู่ในช่วงกลัวด้วย กลัวว่าถ้าตัดสินใจพลาดแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง และไม่อยากให้สายเกินไปจนปู่กับทวดไม่ได้มางานรับปริญญา
ปล. ผมเคยทะเลาะกับพ่อและแม่เรื่องนี้เมื่อกลางปีที่แล้วด้วย เขาบอกว่าผมเลือกที่จะเรียนเอง ทั้งที่ตอนเขาบรรยายข้อดีสาขานี้เพียบเลย -___- แต่ผมก็ยังดีนะครับได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ชอบ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันไม่ใช่
ปล2. ผมกำลังก้ำกึ่งระหว่าง อยากหยุด กับ อดทนไปต่อ เพราะว่าบางครั้งอารมณ์อยากสู้มันก็มี แต่ว่าเวลามันผิดหวังเสียใจ ก็ลงเยอะเหมือนกัน และผมเป็นแบบนี้มาได้ตอนนี้ก็สองปีแล้วครับ ต้นปีที่แล้วเกือบฆ่าตัวตายแล้วเหมือนกัน
ปล3. ตอนนี้ถึงผมจะรู้ว่าอยากทำอะไรหรือเป็นอะไร แต่ผมก็ยังเลือกไม่ได้อยู่ดีว่าอยากเรียนอะไรกันแน่ และอายุก็ไม่ได้ตามเกณฑ์ชาวบ้านเขาด้วย
ปลสุดท้าย. ขอบคุณทุกคนที่ได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนนี้และให้คำแนะนำล่วงหน้านะครับ
******ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมานั่งตั้งกระทู้คำถามแบบนี้ ทั้งที่เป็นคนมักไปให้คำแนะนำคนอื่นเขามากมาย ถึงทางออกจริง ๆ แต่พอเป็นเรื่องตัวเองแล้วเอาตัวไม่รอด******
***พยายามไม่ให้ยาว แต่ก็ยาว อาจวกไปวนมา ต้องขอโทษด้วยนะครับ**
ควรอดทน หรือ พอแล้วดี (ต้องการคำแนะนำมาก ๆ ครับ)
ตอนนี้ผมกำลังเรียนมหาวิทยาลัยปีที่สอง และกำลังอยู่ในวิกฤตของตัวเอง คือ "ไม่ใช่ ไม่ชอบ เกลียด และเบื่อ" ควรพอไหม หลังจากทำตามมความต้องการของคนอื่นมากมาย
ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเรียนไม่ได้และเรียนไม่รอดนะครับ เกรดผมอยู่ในระดับพอใช้ แต่ผมเบื่อครับ เบื่อกับอะไรที่มันซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนให้ความรู้กสึกน่ารำคานตัวเอง และรอบด้านไปหมด ผมเป็นคนที่โลกส่วนตัวสูงชนิดที่พ่อกับแม่ยังไม่เข้าใจในหลาย ๆ เรื่อง แต่พวกท่านชอบที่ผมเป็นแบบนี้ เพราะวัน ๆ ผมอยู่แต่บ้านแทบไม่ไปไหนเลย ทำให้ผมเข้ากับคนอื่นไม่ได้ และไม่อยากคบหากับใครทั้งนั้น ปัจจุบันมีเพื่อนอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มันก็ดีครับ เพราะกูจริงใจที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรแอบแฝงไหม (ผมอดคิดไม่ได้ อะไรหลาย ๆ อย่างทำให้ผมคิดเสมอ)
ผมเกลียดการทำงานกลุ่มชนิดที่เคยทะเลาะกับครูสมัยมัธยมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ในระดับมหาวิทยาลัยผมก็ใช้เหตุบอกอาจารย์ไป บางท่านก็เข้าใจบ้างท่านผมยังไม่ได้คุยเลย คนรอบข้างก็พูดแล้ว "เขาให้ทำงานกลุ่ม ก็จับ ๆ ไปเถอะ" ผมรู้สึกว่าโครตโดนเอาเปรียบเลย ผมทำคนเดียว โดยมีพวกเขาเหล่านั้นทำงานผมพังเสมอ ๆ ผมเบื่อกับการต้องทำงานกลุ่ม เพราะมากความ เรื่องเยอะ เสนออะไรไปก็ไม่สนใจ ไม่ฟังผม ขนาดผมเสนอวิธีเรียกลูกค้า เขายังเฉยเลย (ผมเรียนสายงานบริการครับ และต้องทำผลิตภัณฑ์ขาย) อะไรก็ไม่เอา อันนี้ก็ไม่ดี
ผมเป็นคนเรียนได้ดีระดับหนึ่ง ไม่ดีมาก แต่ผมชอบวิชาเรียนในหลาย ๆ วิชาที่ผมเรียนอยู่ แต่ !! มันมีแต่งานกลุ่ม งานกลุ่ม และงานกลุ่ม อะไรก็ต้องเป็นกลุ่ม เรียกได้ว่าผมมีปัญหาก็ว่าได้ อย่างเวลามีการเดินทางและค้างแรม ผมเสนอไปว่า "ขออยู่คนเดียว จะจ่ายห้องเดียว คนเดียว" เขาก็ไม่ฟัง จับผมไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ และแน่นอนผมก็ไม่ไป แต่การเรียนผมคาดหวังว่าจะได้ เอ แต่พอมีงานกลุ่ม เอก็สลาย ผมร้องไห้หลายครั้งนะครับ เวลาทำงานกลุ่มแล้วเห็นชิ้นงานที่ผมมองแล้วว่า "คะแนนได้ครึ่งเดียวยังยาก ถ้าอาจารย์ไม่ช่วย" แต่ถ้าเป็นงานชนิดแผ่น ต้องส่งและใช้ระดับความคิด ผมกับต้องเป็นคนคิดทุกอย่าง และก็ชอบโยนความรับผิดชอบมาให้ผม ผมเบื่อมาก ๆ
ผมเป็นปริญญาใบแรกของปู่ รุ่นเด็กคนแรกของทวด ผมก็อยากให้ท่านสองคนมาวันรับปริญญาของผม ผมคิดหลายรอบหลายครั้ง จนบางครั้งก็อยากตายไปเสียมันจะได้จบ แต่ชีวิตมันก็ต้องมีทางออก ผมก็เลยอดทน สองปีกับการอดทนอันแสนหนัก กับสิ่งที่เรียกว่า "เพื่อคนอื่น" ผมอยากฝึกงานในสายงานที่ผมชอบ ก็ทำไม่ได้ ผมจบมาก็ไม่ได้ทำงานสายนี้ และไม่ทำ แต่ผมก็ต้องเรียนเพียงเพราะ "ทุกคนเห็นสมควร"
ผมพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ปรับเปลี่ยนความคิดให้ตัว พยายามต่อสู้กับตัวเอง แข่งกับตัวเอง แต่พอก้าวเข้ามหาวิทยาลัยและได้พบปะผู้คน ทุกอย่างที่ผมพยายามทำมาสูญเปล่าเพียงเพราะถูกย่ำซ้ำ ๆ เสมอ ๆ เขาไม่ได้ทำโดยตรงแต่ทำโดยทางอ้อม ผมรู้สึกได้และพยายามเก็บเอาไว้ แต่วันนี้ผมรู้สึกว่า "ผมแทบไม่มีค่าอะไรเลย ในสายตาทุกคนนอกจากผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ" ผมควรรุ้สึกอย่างไรดีครับ รู้สึกเป็นส่วนเกินไม่พอ ผมยังต้องโดนตำหนิหนัก ๆ เพียงเพราะไปทำงานในส่วนของคนอื่น ทั้งที่ผมไม่รู้อะไรเลยว่าใครรับ รู้เพียงแค่ว่าคน ๆ นี้ทำหน้าที่นี้และเหลืออะไร ผมแค่เข้าไปช่วยให้มันเสร็จไวขึ้น แต่ผมผิด
ผมอยากหาทางออกที่ดีกว่าการอดทนไปเรื่อย ๆ แล้วจะฆ่าตัวตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เทอมนี้ผมเรียนหนักชนิดที่ว่าไม่มีเวลากินข้าว แต่ผมก็ไม่สนใจ ตั้งใจเรียนไป แต่พอเจองานกลุ่มแล้วผมท้อเลยครับ ท้อจากความคิดคนอื่นที่พยายามยัดใส่ตัวผม ทั้งที่ผมเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ๆ เรียกได้ว่าขวางโลกก็ว่าได้ แต่ผมก็อยู่ในส่วนของผม เวลาทำอะไรก็ต้องเกรงใจคนข้างตัว มันแบบทรมานครับ เขามีข้อมาหักล้างผมได้เสมอเพียงเพราะ "เขาชอบตรงนี้ และที่ไหนก็เหมือนกัน" ผมก็ทำใจและก็อดทนไป ผมมองไม่เห็นอนาคตตัวเองเลยครับ เมื่อความหวังผมถูกบั่นทอนจากใครหลาย ๆ คน
ผมพยายามคิดว่าเพื่อครอบครัว เพื่อพ่อแม่ เพื่อปู่ย่าตายาย ทวดอีกคน ที่เขารอความสำเร็จจากผม แต่ผมรู้สึกว่าผมอดทนเพื่อพวกเขาได้ แต่ต้องไม่ใช่สังคมรอบตัวแบบนี้ และเรียนตรงนี้ ผมเรียนอะไรก็ได้ เรียนหมอก็ได้ ผมเครียดเพราะเรียนหนักก็ได้ เครียดเพราะนั่งเรียนคนเดียวก็ได้ แต่ผมทนความกดดันจากมนุษย์รวมโลกที่เรียกว่า "คนในรุ่นเดียวกัน" ไม่ได้ ผมไม่ทำอะไรกับส่วนรวม เพราะผมเคยทำแล้วแต่พวกเขาก็ไม่เห็นหัวผม ผมเลยเลิกทำ
ทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านคิดว่า ผมควรพอไหมครับ ? หรือ อดทนต่อไปเพื่อใครหลาย ๆ คน ? ผมวางความฝันของตัวเองไว้ก่อนเพื่อทุกคน แต่ผมกลับไม่ได้อะไรจากความพยายามละความอดทนครั้งนี้นอกจากการได้เห็นอะไรมากขึ้น เช่น นิสัยที่ซ่อนเร้นอยู่ในมนุษย์คนหนึ่ง กับ ความจริงที่ว่าสังคมส่วนใหญ่ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร นอกนั้นผมไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ผมอยากเรียนศิลปศาสตร์นะครับ หรือไม่ก็อักษรศาสตร์ ผมคิดว่า (ย้ำว่าตอนนี้แค่คิดว่า วันอังคารนี้ผมจะได้ไปนั่งเรียนกับเพื่อนที่อยู่คณะนี้แล้วครับ ถ้าไปแล้วชอบก็คงใช่จริง ๆ) อยากเป็นนักแปล หรือทำงานเกี่ยวกับภาษา หรือไม่ก็บริหารไปเลย แต่ผมก็คิดว่าศิลปศาสตร์ หรืออักษรศาสตร์น่าจะเหมาะสมที่สุด ผมอยากเรียนวิเคราะห์วรรณกรรมต่างประเทศ หรือทักษาการเขียน การแปล บทกวี และอะไรต่าง ๆ มาก แต่ตอนนี้ก็ได้แค่ฝัน เพราะผมยังคงไม่กล้าตัดสินใจว่าจะพอกับสิ่งที่เป็นอยู่และไปเริ่มต้นใหม่ดีไหม เลยอยู่ในช่วงกลัวด้วย กลัวว่าถ้าตัดสินใจพลาดแล้วจะเป็นอย่างไร ไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง และไม่อยากให้สายเกินไปจนปู่กับทวดไม่ได้มางานรับปริญญา
ปล. ผมเคยทะเลาะกับพ่อและแม่เรื่องนี้เมื่อกลางปีที่แล้วด้วย เขาบอกว่าผมเลือกที่จะเรียนเอง ทั้งที่ตอนเขาบรรยายข้อดีสาขานี้เพียบเลย -___- แต่ผมก็ยังดีนะครับได้เรียนมหาวิทยาลัยที่ชอบ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันไม่ใช่
ปล2. ผมกำลังก้ำกึ่งระหว่าง อยากหยุด กับ อดทนไปต่อ เพราะว่าบางครั้งอารมณ์อยากสู้มันก็มี แต่ว่าเวลามันผิดหวังเสียใจ ก็ลงเยอะเหมือนกัน และผมเป็นแบบนี้มาได้ตอนนี้ก็สองปีแล้วครับ ต้นปีที่แล้วเกือบฆ่าตัวตายแล้วเหมือนกัน
ปล3. ตอนนี้ถึงผมจะรู้ว่าอยากทำอะไรหรือเป็นอะไร แต่ผมก็ยังเลือกไม่ได้อยู่ดีว่าอยากเรียนอะไรกันแน่ และอายุก็ไม่ได้ตามเกณฑ์ชาวบ้านเขาด้วย
ปลสุดท้าย. ขอบคุณทุกคนที่ได้อ่านมาจนถึงบรรทัดนนี้และให้คำแนะนำล่วงหน้านะครับ
******ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องมานั่งตั้งกระทู้คำถามแบบนี้ ทั้งที่เป็นคนมักไปให้คำแนะนำคนอื่นเขามากมาย ถึงทางออกจริง ๆ แต่พอเป็นเรื่องตัวเองแล้วเอาตัวไม่รอด******
***พยายามไม่ให้ยาว แต่ก็ยาว อาจวกไปวนมา ต้องขอโทษด้วยนะครับ**