สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวพันทิป
เมื่อวันแห่งความรัก 14 กุมภา วาเลนไทน์

เราเองได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวสังขละบุรี เลยอยากมาแบ่งปันความชิว ความสุขเล็กๆ ของเรา และบรรยากาศดีๆ ของสังขละบุรีให้เพื่อนๆชาวพันทิป ได้ชมกัน ไม่คำนำมากแล้ว เราไปชิว กับ สังขละบุรี กับวันแห่งความรักกันดีกว่าคะ
ทริปนี้ เป็นทริปที่เราคุยกันกับเพื่อนที่ทำงานว่าจะมาเที่ยวกาญจนบุรีกัน ตั้งแต่ ตุลาคมปีที่แล้ว แต่ด้วย แต่ละคนเคลียงานไม่ได้ ติดธุระ อารายก็ว่าไป ก็เลยเลื่อนมาเรื่อยๆจนได้มาหยุดที่ 14 กุมภา (เราคิดในใจ วันนี้ฉันอุตส่าห์จะหมกตัวอยู่ในบ้านเพราะไม่อยากออกไปเห็นคนอื่นเค้าสวีตตี้กัน แต่ก็เอาวะ เราได้อยู่แหละ ก็แค่วันธรรมดา 555 เลยตกลงโอเครๆๆ )
เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ออกจาก จ.เชียงใหม่ หลังเลิกงานวันศุกร์ 16.00 น. ล้อก็หมุน
เราเดินทางไปด้วยแวะเที่ยว แวะกิน แวะช๊อป แวะทุกสิ่งทุกอย่าง ไปด้วยตลอดทาง เลยทำให้ไปถึงสังขละประมาณ บ่าย 3 กว่า
ระหว่างทางที่เราเดินทางตั้งแต่เข้าทางแยกที่อ.ทองผาภูมิมา เราตื่นเต้นมาก เพราะเราอยากมาสังขละมากๆ เราอยากมาเดินรับลมเย็นๆ ที่สะพานมอญ ในที่สุด เราก็มาถึง ( เรามากับเพื่อนและก็แฟนเพื่อนอีก 3 คน รวมเราเป็น 4 คน )

เป็นการเดินทางที่สนุกมาก ตลอดทางก็เปิดยูทูปดูซีรี่ย์ 7 วันจองเวร มา ก็แปลกๆอีกอย่าง 555
พอเรามาถึงสังขละสิ่งแรกที่เราทำคือ ====>

ชนแก้วค่ะ 555 ก็มันอยากกินอารายเย็นๆนี่หน่า
เราก็นั่งกินกันไป ชมบรรยากาศไป จนลืมไปเลยว่าจะพักที่ไหน เพราะเราไม่ได้จองที่พักมาก่อน
แต่ระดับนักเดินทางยอดแย่อย่างเรา ได้เตรียมเต๊นท์มาด้วย คราวนี้ก็เหลือแต่หาที่กางเก๊นท์
เลยเดินไปถามแม่ค้าแถวสะพานลูกบวบ เค้าบอกว่ากางเต๊นท์แถวนี้ได้ฟรีแต่ต้องรักษาความสะอาด เราก็เลยโอเค จัดไป
ปล.มีห้องน้ำสาธารณะด้วยนะคะ สามารถอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันได้ เราก็เลยสบายใจแหละ หลับสบายตังค์อยู่ครบ ^^

บริเวณกางเต้นท์ของเรา แต่เต๊นท์สองหลังในภาพไม่ใช่ของเรานะคะ ของเรา จะนอนค่อยกางคะ อิอิ
หลังจากสบายใจจากการหาที่นอน เราก็มานั่งกันต่อที่เดิม ดูคนเดินไปเดินมา นั่งฟังเพลงจากรีสอร์ทด้านบนที่กำลังจัดงานแต่งงาน
งานนี้รื่นเริงบันเทิงใจสุดๆๆ 555
ที่จริงเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสะพานมอญ ตอนเย็นมาเท่าไหร่ เพราะคนเยอะมาก เราไม่ค่อยชอบถ่ายรูปตอนคนเยอะๆ เลยมีแต่รูปตอนสะพานมอญ ในยามค่ำคืน]

หลังจากทุกคนเม้าส์กันไปมา เราก็เริ่มง่วงนอน เลยช่วยกันกางเต๊นท์ ก่อนจะนอนเราก็ไปอาบน้ำกันก่อน เพราะอากาศตอนกลางวันร้อน เลยต้องอาบน้ำ หลังจากทำภาระกิจชีวิตส่วนตัวเสร็จก็แยกย้ายกันนอน นอนฟังเสียงเพลงจากงานแต่งงาน ม่วนมาก ใจอยากเนียนเป็นแขกไปเต้นด้วยเลย 555
แต่ก็เหนื่อยเกินจะเต้นไหว ต่างคนต่างหลับกันไป


แต่ก็ไม่ลืมตั้งนากาปลุก ตอน 6 โมง เพื่อลุกมาใส่บาตร ดูหมอก

เอ๊กอิ๊เอ๊กๆ เราได้ยินเสียงไก่ขัน เสียงคุยกัน เสียงพระสวด เลยสะดุ้งตื่น มองไปดูเมทร่วมเต๊นท์ยังนอนอยู่ เราเลยไม่ปลุก หยิบกล้อง ใส่เสื้อกันหนาวออกมาสูดอากาศยามเช้า อยากบอกว่า ฟินมาก ขนาดเราอยู่เชียงใหม่ อยู่บนดอย เรายังไม่เคยได้สัมผัสอากาศแบบนี้เลย 555ไม่ใช่อากาศไม่ดีนะ แต่เป็นเพราะเราตื่นสายเอง 5555 เพ้อเจ้อมากไป ดูบรรยากาศเลยดีกว่า>>>>>

ของใส่บาตรพระฝั่งไทย ชุดนี้ 100 บาท
หลังจากใส่บาตรฝั่งไทยเรียบร้อย เราก็เลยเดินไปอีกฝั่งของสะพาน แล้วเราก็ได้เจอบรรยากาศของวิถีชีวิตอีกฝั่ง ฟินเลย ณ ตรงนั้น

เด็กน้อยขายดอกไม้
เราก็ยืนเดินไปเดินมาอยู่ฝั่งมอญ มีของขายหลายร้านมาก เราก็เดินๆดูไปคนเดียว แอบไปเห็นร้านขายโจ๊ก กาแฟ แต่เสียดายมากที่ไม่ได้แวะกิน เศร้า!! เพราะอะไรก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่กิน แต่ช่างเถอะ รอใส่บาตรดีกว่า เหอๆๆ

ของใส่บาตรฝั่งมอญ ชุดนี้ 99 บาท พระจะมารับบิณฑบาตรตอน 7.30 น.
หลังจากใส่บาตรเสร็จ เลยเดินกลับทางสะพานลูกบวบ เดินไปถ่ายรูปไป นานพอควร ประมาณว่าเดิน 3 ก้าว หยุด ดูบรรยากาศ 5 นาที
ดูรูปกันยาวๆเลยดีกว่าคะ


เดินมาได้สักพักก็เจอ ชายผู้นี้คิดจะโดดสะพาน ผู้คนมุงดูกันเยอะเชียว

ไม่รอช้า รีบกดชัตเตอร์ รัวๆๆเลยคะ

ยืนดูชายผู้นี้โดดประมาณ 3 รอบ
ระหว่างรอก็ยืนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ยืนดูคนมีคู่เซลฟี่กัน ดูนกดูน้ำ ดูพระอาทิตย์แสงแดดไป รอจนเพื่อนกลับมา
ก็เลยคุยกันว่าจะเหมาเรือไปเที่ยว วัดกัน
ตอนแรกเข้าใจว่า เหมาเลยทั้งหมด 3 ร้อย ถามไปมา คือ
ถ้าเที่ยว 1 วัด 3 ร้อย
ถ้าเที่ยว 3 วัด 5 ร้อย ไหนๆก็มา จัดไป 3 วัด 490 พี่คนขับใจดี ลดให้
เรือเรามีแค่ 4 คน เลยสบายหน่อย แต่ใจจริงอยากหาคนหารค่าเรืออีกนะ คริคริแอบงก แต่ช่างเถอะ พกตังค์มาเยอะ (ประชด) จัดไป 55555

เรือจะลอดใต้สะพาน

เรือแล่นไปสัก10 นาที ก็ถึง ปล.เราจำชื่อวัดไม่ได้สักวัด ขออภัยด้วย เหอๆ ดูรูปเอาหละกัน

คนเยอะมาก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป

วัดที่ 2 ดูร่มรื่นดี ก็ชอบอยู่นะ แต่วัดนี้คนไม่ค่อยมากันเท่าไหร่

วัดที่ 3 คนขับเรือบอกว่า น้ำตรงนี้ตืน ถ้าน้ำแห้งเรือจะผ่านไม่ได้

จากนั้นก็ขับเรือกลับ พี่คนขับเรือก็เล่าประวัติสังขละให้ฟัง ก็ดูน่าสนใจดี ชี้ให้ดูปากแม่น้ำ 3 สาย ที่มาของคำว่า สามประสพ (เขียนงี้ป่าวไม่รู้นะคะ)

ขากลับ
ที่จริงเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่วัดวังวิเวการาม แต่แบตกล้องหมดเลยได้แค่นี้
จากนั้นเราก็กลับกัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังแลนด์มาร์กต่อไป คือ ไทรโยควิวราฟ
ปล.ถ้ามีโอกาสเราอยากกลับมาที่สังขละอีก เราชอบในธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนที่นี่ เราอยากมานั่งเงียบๆ ดูอะไรรอบๆตัว นั่งเก็บความรู้สึก เก็บบรรยากาศดีๆ เอาไปบอกต่อเพื่อนๆที่ทำงาน เวลาเรากลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง เรารู้สึกมีความสุขมากๆ ไปครั้งหน้า ใครสนใจไปด้วยกันบอกได้นะคะ
ปล.2 ภาพไม่ค่อยสวยนะคะ เพราะเราใช้กล้องธรรมดาถ่าย ใจจริงอยากมีกล้องดีๆ ถ่ายภาพสวยๆ เพราะเราเป็นคนชอบถ่ายรูป
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะคะ มีข้อผิดพลาดใดก็ บอกได้น๊าคร้า!! เป็นกระทู้แรกของเราเอง
[SR] ^^วันแห่งความรัก ณ สังขละบุรี ^^
เมื่อวันแห่งความรัก 14 กุมภา วาเลนไทน์
ทริปนี้ เป็นทริปที่เราคุยกันกับเพื่อนที่ทำงานว่าจะมาเที่ยวกาญจนบุรีกัน ตั้งแต่ ตุลาคมปีที่แล้ว แต่ด้วย แต่ละคนเคลียงานไม่ได้ ติดธุระ อารายก็ว่าไป ก็เลยเลื่อนมาเรื่อยๆจนได้มาหยุดที่ 14 กุมภา (เราคิดในใจ วันนี้ฉันอุตส่าห์จะหมกตัวอยู่ในบ้านเพราะไม่อยากออกไปเห็นคนอื่นเค้าสวีตตี้กัน แต่ก็เอาวะ เราได้อยู่แหละ ก็แค่วันธรรมดา 555 เลยตกลงโอเครๆๆ )
เราเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ออกจาก จ.เชียงใหม่ หลังเลิกงานวันศุกร์ 16.00 น. ล้อก็หมุน
เราเดินทางไปด้วยแวะเที่ยว แวะกิน แวะช๊อป แวะทุกสิ่งทุกอย่าง ไปด้วยตลอดทาง เลยทำให้ไปถึงสังขละประมาณ บ่าย 3 กว่า
ระหว่างทางที่เราเดินทางตั้งแต่เข้าทางแยกที่อ.ทองผาภูมิมา เราตื่นเต้นมาก เพราะเราอยากมาสังขละมากๆ เราอยากมาเดินรับลมเย็นๆ ที่สะพานมอญ ในที่สุด เราก็มาถึง ( เรามากับเพื่อนและก็แฟนเพื่อนอีก 3 คน รวมเราเป็น 4 คน )
เป็นการเดินทางที่สนุกมาก ตลอดทางก็เปิดยูทูปดูซีรี่ย์ 7 วันจองเวร มา ก็แปลกๆอีกอย่าง 555
พอเรามาถึงสังขละสิ่งแรกที่เราทำคือ ====>
ชนแก้วค่ะ 555 ก็มันอยากกินอารายเย็นๆนี่หน่า
เราก็นั่งกินกันไป ชมบรรยากาศไป จนลืมไปเลยว่าจะพักที่ไหน เพราะเราไม่ได้จองที่พักมาก่อน
แต่ระดับนักเดินทางยอดแย่อย่างเรา ได้เตรียมเต๊นท์มาด้วย คราวนี้ก็เหลือแต่หาที่กางเก๊นท์
เลยเดินไปถามแม่ค้าแถวสะพานลูกบวบ เค้าบอกว่ากางเต๊นท์แถวนี้ได้ฟรีแต่ต้องรักษาความสะอาด เราก็เลยโอเค จัดไป
ปล.มีห้องน้ำสาธารณะด้วยนะคะ สามารถอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันได้ เราก็เลยสบายใจแหละ หลับสบายตังค์อยู่ครบ ^^
บริเวณกางเต้นท์ของเรา แต่เต๊นท์สองหลังในภาพไม่ใช่ของเรานะคะ ของเรา จะนอนค่อยกางคะ อิอิ
หลังจากสบายใจจากการหาที่นอน เราก็มานั่งกันต่อที่เดิม ดูคนเดินไปเดินมา นั่งฟังเพลงจากรีสอร์ทด้านบนที่กำลังจัดงานแต่งงาน
งานนี้รื่นเริงบันเทิงใจสุดๆๆ 555
ที่จริงเราไม่ค่อยได้ถ่ายรูปสะพานมอญ ตอนเย็นมาเท่าไหร่ เพราะคนเยอะมาก เราไม่ค่อยชอบถ่ายรูปตอนคนเยอะๆ เลยมีแต่รูปตอนสะพานมอญ ในยามค่ำคืน]
หลังจากทุกคนเม้าส์กันไปมา เราก็เริ่มง่วงนอน เลยช่วยกันกางเต๊นท์ ก่อนจะนอนเราก็ไปอาบน้ำกันก่อน เพราะอากาศตอนกลางวันร้อน เลยต้องอาบน้ำ หลังจากทำภาระกิจชีวิตส่วนตัวเสร็จก็แยกย้ายกันนอน นอนฟังเสียงเพลงจากงานแต่งงาน ม่วนมาก ใจอยากเนียนเป็นแขกไปเต้นด้วยเลย 555
แต่ก็เหนื่อยเกินจะเต้นไหว ต่างคนต่างหลับกันไป
ของใส่บาตรพระฝั่งไทย ชุดนี้ 100 บาท
หลังจากใส่บาตรฝั่งไทยเรียบร้อย เราก็เลยเดินไปอีกฝั่งของสะพาน แล้วเราก็ได้เจอบรรยากาศของวิถีชีวิตอีกฝั่ง ฟินเลย ณ ตรงนั้น
เด็กน้อยขายดอกไม้
เราก็ยืนเดินไปเดินมาอยู่ฝั่งมอญ มีของขายหลายร้านมาก เราก็เดินๆดูไปคนเดียว แอบไปเห็นร้านขายโจ๊ก กาแฟ แต่เสียดายมากที่ไม่ได้แวะกิน เศร้า!! เพราะอะไรก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไม่กิน แต่ช่างเถอะ รอใส่บาตรดีกว่า เหอๆๆ
ของใส่บาตรฝั่งมอญ ชุดนี้ 99 บาท พระจะมารับบิณฑบาตรตอน 7.30 น.
หลังจากใส่บาตรเสร็จ เลยเดินกลับทางสะพานลูกบวบ เดินไปถ่ายรูปไป นานพอควร ประมาณว่าเดิน 3 ก้าว หยุด ดูบรรยากาศ 5 นาที
ดูรูปกันยาวๆเลยดีกว่าคะ
เดินมาได้สักพักก็เจอ ชายผู้นี้คิดจะโดดสะพาน ผู้คนมุงดูกันเยอะเชียว
ไม่รอช้า รีบกดชัตเตอร์ รัวๆๆเลยคะ
ยืนดูชายผู้นี้โดดประมาณ 3 รอบ
ระหว่างรอก็ยืนดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย ยืนดูคนมีคู่เซลฟี่กัน ดูนกดูน้ำ ดูพระอาทิตย์แสงแดดไป รอจนเพื่อนกลับมา
ก็เลยคุยกันว่าจะเหมาเรือไปเที่ยว วัดกัน
ตอนแรกเข้าใจว่า เหมาเลยทั้งหมด 3 ร้อย ถามไปมา คือ
ถ้าเที่ยว 1 วัด 3 ร้อย
ถ้าเที่ยว 3 วัด 5 ร้อย ไหนๆก็มา จัดไป 3 วัด 490 พี่คนขับใจดี ลดให้
เรือเรามีแค่ 4 คน เลยสบายหน่อย แต่ใจจริงอยากหาคนหารค่าเรืออีกนะ คริคริแอบงก แต่ช่างเถอะ พกตังค์มาเยอะ (ประชด) จัดไป 55555
เรือจะลอดใต้สะพาน
เรือแล่นไปสัก10 นาที ก็ถึง ปล.เราจำชื่อวัดไม่ได้สักวัด ขออภัยด้วย เหอๆ ดูรูปเอาหละกัน
คนเยอะมาก เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป
วัดที่ 2 ดูร่มรื่นดี ก็ชอบอยู่นะ แต่วัดนี้คนไม่ค่อยมากันเท่าไหร่
วัดที่ 3 คนขับเรือบอกว่า น้ำตรงนี้ตืน ถ้าน้ำแห้งเรือจะผ่านไม่ได้
จากนั้นก็ขับเรือกลับ พี่คนขับเรือก็เล่าประวัติสังขละให้ฟัง ก็ดูน่าสนใจดี ชี้ให้ดูปากแม่น้ำ 3 สาย ที่มาของคำว่า สามประสพ (เขียนงี้ป่าวไม่รู้นะคะ)
ขากลับ
ที่จริงเราก็ไปเที่ยวกันต่อที่วัดวังวิเวการาม แต่แบตกล้องหมดเลยได้แค่นี้
จากนั้นเราก็กลับกัน เพื่อมุ่งหน้าไปยังแลนด์มาร์กต่อไป คือ ไทรโยควิวราฟ
ปล.ถ้ามีโอกาสเราอยากกลับมาที่สังขละอีก เราชอบในธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนที่นี่ เราอยากมานั่งเงียบๆ ดูอะไรรอบๆตัว นั่งเก็บความรู้สึก เก็บบรรยากาศดีๆ เอาไปบอกต่อเพื่อนๆที่ทำงาน เวลาเรากลับมาเล่าให้คนอื่นฟัง เรารู้สึกมีความสุขมากๆ ไปครั้งหน้า ใครสนใจไปด้วยกันบอกได้นะคะ
ปล.2 ภาพไม่ค่อยสวยนะคะ เพราะเราใช้กล้องธรรมดาถ่าย ใจจริงอยากมีกล้องดีๆ ถ่ายภาพสวยๆ เพราะเราเป็นคนชอบถ่ายรูป
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชมนะคะ มีข้อผิดพลาดใดก็ บอกได้น๊าคร้า!! เป็นกระทู้แรกของเราเอง