เทศกัณฑ์ใหญ่ หลวงปู่ชี้ ความนัยเครื่องสังฆทาน-ถวายแด่มหาเถรสมาคม

กระทู้สนทนา
บทความจากเฟสบุ๊คหลวงปู่พุทธะอิสระ

พวกโลกสวย นอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังจ้องซ้ำอีก
๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘





สืบเนื่องเรื่องจากสังฆทานชุดใหญ่ ที่ฉันนำไปถวายกรรมการมหาเถรสมาคม ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีคนวิพากษ์วิจารณ์ฉันถึงความไม่เหมาะสม ไม่สมควร เป็นการลบหลู่เหยียดหยาม

ฉันบอกกับพวกคุณๆ เลยว่า ฉันมีเจตนาเช่นนั้นจริงๆ เพราะฉันนอยากรู้ว่า ระหว่างอวดอุตริมนุสธรรม เสพเมถุน ยักยอกทรัพย์ อย่างนายธัมมชโย มหาเถรยังบอกไม่ผิด แล้วฉันแค่นำเอาสิ่งที่ฉันเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องใช้สิ่งที่ฉันนำไปถวายในสังฆทาน ให้สติยั้งคิดแก่บรรดากรรมการมหาเถรเสียที อีกทั้งหากมหาเถรสมาคมทุกรูปมีสติปัญญา ดูออก คงจะบอกตัวเองได้ว่า เครื่องสังฆทานทั้งหมด ฉันต้องการจะสื่อความหมายว่าอย่างไร ส่วนคนนอกอาจจะมองฉันเถื่อน ถ่อย มีกิริยาไม่อ่อนน้อม ไร้มารยาท ขาดสัมมาคารวะ ก็ไม่เป็นไร ฉันพร้อมที่จะชั่วในสายตาใครๆ ถ้ากำลังทำประโยชน์แก่ส่วนรวม ทีนี้ลองมาดูกันว่าทำไมของถวายสังฆทานฉันมันพิลึกพิลั่น พิสดารนัก หากไม่รู้ ฉันจะอธิบายให้ฟัง

- ข้าวเน่า คือความวางเฉย ละเว้น ไม่ปฏิบัติ ต่อหน้าที่ของตนอย่างซื่อตรง ที่จะรักษาพระธรรมวินัย สุดท้ายอำนาจหน้าที่ที่มี ที่ควรจะให้ประโยชน์ กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ อยู่เพื่อรอวันเน่าอย่างเดียว ดุจดังข้าวสารเน่าๆ อยู่ในถุง ทำได้อย่างดีแค่ใช้เป็นปุ๋ย อีกทั้งยังสื่อไปถึงบรรดาเจ้าคุณ พระครู สมเด็จ มหาเถรทั้งหลาย ที่ทุกองค์ล้วนมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นใหญ่เป็นโตคับบ้านคับเมือง แต่กลับไม่เจรจาพูดคุย ขอร้อง หรืออบรมสั่งสอนให้ทำประโยชน์แก่บ้านเมืองกันบ้างเลยหรือในช่วงเวลาที่ผ่านมา จึงปล่อยให้คุณปูทำข้าวชาวนาที่ใช้เงินภาษีของคนทั้งชาติไปรับจำนำ เอามาหมักไว้ในโกดังจนเน่าเหม็น เสียหายไปเป็นพันๆ ตัน หมดเงินไปกับโครงการนี้ ๖ – ๗ แสนล้านบาท ซึ่งฉันเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หากบรรดาคุณพระทั้งหลายมีจิตเสียสละ ไม่คิดว่าธุระไม่ใช่ อาทรห่วงใยต่อชาติบ้านเมือง คงจะมีคำพูด คำสอน คำแนะนำดีๆ ให้แก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของตนบ้าง ไม่มากก็น้อย บ้านเมืองคงไม่ต้องลำบากถึงเพียงนี้

- ปลากระป๋องบวม เส้นหมี่หมดอายุ ฉันต้องการสื่อให้เจ้ากูทั้งหลายได้รู้ว่า อย่าคิดว่ามีอำนาจ ตำแหน่งอยู่มั่นคงปลอดภัยแล้ว เห็นหรือไม่ว่า ขนาดเส้นหมี่ปลากระป๋องเขาผลิตบรรจุใส่หีบห่ออย่างดี ยังเน่าเสียเลย สาอะไรกับบรรดามหาเถรทั้งหลาย หากอยู่แล้วไม่ใช้อำนาจที่มีอย่างสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อพระธรรมวินัย สังฆมณฑล ศาสนจักร แม้จะมีการอารักขาดูแลรักษา เส้นใหญ่ขนาดไหน สุดท้ายมันก็เน่าจนได้ เช่นนี้เขาเรียกว่า “เน่าใน” ยังไงล่ะพี่น้อง

- ลูกฝักเหี่ยว เพราะสื่อให้บรรดาเจ้ากูทั้งหลายได้รู้ว่า วันๆ อย่าเอาแต่คอยควักคอยล้วงทรัพย์สินเงินทองจากกระเป๋าชาวบ้านเขาอย่างเดียว ให้รู้จักบริจาค แบ่งปัน เสียสละให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากทั้งพระและชาวบ้านเขาบ้าง โดยเฉพาะนักบวชผู้น้อย กรรมการมหาเถรสมาคมควรจะรู้จักบริจาคช่วยเหลือ สงเคราะห์ เพื่อนักบวชด้วยกันบ้าง ไม่ใช่เอาแต่บอกบุญเรี่ยราย แต่เงินตนเองไม่คิดจะให้ หรือถ้าให้ก็ให้แบบเศษเงินก้นย่าม อีกทั้งบรรดาวัดต่างๆ ที่เจ้าคุณสมเด็จทั้งหลายเข้าไปตรวจเยี่ยม หรือไปรับกิจนิมนต์นะ พวกท่านเป็นผู้ใหญ่ ควรมีจิตใจกว้างขวาง ต้องรู้จักแบ่งปันด้วยใจเมตตา ไม่ใช่ไปแต่ละวัดก็ไปเอาเงินทองของเขา ทั้งที่เขาจัดงานก็ต้องการเงิน ต้องการให้ชาวบ้านบริจาค แต่ท่านนั่งรถคันโตโก้หรู โผล่ไปแค่ครึ่งชั่วโมงโกยมาเสีย ๓ หมื่น ๕ หมื่น ๑ แสน หากเป็นธรรมกายก็เป็นล้าน (อันนี้ไม่ว่ากัน เพราะเขาลวงจนรวย) ทำอย่างเจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชบ้างได้ไหม ที่พระองค์เห็นฉันกำลังสร้างวัด กำลังต้องการทุนทรัพย์ แทนที่พระองค์จะเสด็จมาควักมาล้วงเงินจากฉัน พระองค์กลับนำเงิน ๓ แสน พร้อมจีวรมาถวาย ชั่วชีวิตฉันยังไม่เคยเห็นพระผู้ใหญ่ในมหาเถรองค์ไหนทำได้ดังพระองค์ นอกจากไม่ทำ ทำไม่ได้แล้ว ยังคอยแต่ควักแต่ล้วงอย่างเดียว ไม่เว้นแม้แต่พวกเดียวกันเองและนักบวชบ้านนอกจนๆ

- เสื้อกางเกงเก่ายังไม่ได้ซัก เพื่อแสดงสัญลักษณ์ให้กรรมการมหาเถรได้รู้ว่า ชีวิต ลมหายใจ ร่างกาย จิตวิญญาณ แม้มันจะเป็นสิ่งสมมุติ เป็นของที่เราต้องใช้สอยตลอด แต่หากใช้อย่างไม่ระมัดระวัง ไม่รู้จักรักษาชำระล้าง ซักฟอกตนเองบ้าง สุดท้ายก็มีสภาพอะไรไม่ต่างจากเสื้อผ้ากางเกงเก่าๆ เน่าๆ ที่ดูไร้ค่า ฉันล่ะเสียดายที่ท่านทั้งหลายได้ชีวิตนี้มาแล้ว ไม่ทำประโยชน์ ไม่ให้ประโยชน์ แถมยังมัวเมาประมาทอยู่ในอำนาจวาสนา ลาภสักการะอย่างลืมตัว จนแยกแยะอะไรไม่ได้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรดี อะไรชั่ว อะไรสกปรก อะไรสะอาด ถ้าเช่นนั้น ก็ไปนุ่งกางเกงเน่าๆ นั้นเถิด อย่ามานุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ที่บริสุทธิ์สะอาดอยู่เลย

- รองเท้าแตะเก่าสื่อให้รู้ว่า อำนาจวาสนาที่เหยียบยืนอยู่นั้น มันไม่จีรัง หากมีแล้วไม่รู้จักใช้มันให้ถูกต้อง ซื่อตรง สุดท้ายพวกท่านทั้งหลายก็มีสภาพไม่ต่างอะไรกับรองเท้าเก่าๆ ที่คนเขาโยนทิ้ง หรือถึงเลาแล้วที่อาณาจักรจะโยนมหาเถรสมาคมที่ไม่แยกแยะถูกผิดทิ้งบ้างจะดีไหม หรือไม่ก็ยกท่านไว้เป็นพระประธาน แล้วหาคนที่แข็งแรงทั้งทางกาย ทางใจ ทางปัญญา มีความชำนาญมาช่วยท่านบริหารงานเฉพาะด้านให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรงต่อหลักพระธรรมวินัย

- กางเกงในเก่ามีขี้ติด ต้องการจะบอกให้กับท่านทั้งหลายผู้ชอบสร้างภาพให้คนดู ว่าเป็นผู้สงบเสงี่ยมดูเรียบร้อยสวยงามดุจดังคนที่แต่งหน้า แต่งตัวเอาไว้คอยรับแขก พร้อมทำกิริยาจริตจะก้านให้ใครๆ ดูว่าเรียบร้อย สงบเสงี่ยม สวยงาม แต่ข้างในใจนั้นหมักหมม โสโครก ละโมบ รัก โลภ หลง เต็มพุง เบื้องนอกแต่งกายให้งามซักเท่าไร แต่ข้างในก็เน่าเหม็นมีแต่ขี้อยู่ดีแหละ พุทธศาสนานี้พระพุทธองค์ทรงให้สะอาดนอก สะอาดใน ไม่ใช่อยู่แบบเสแสร้ง สร้างภาพให้ดูว่า ข้าเป็นผู้สะอาด ฉลาด สงบ อย่างที่บรรดานักบวชหลายๆ คนกำลังกระทำอยู่ ไม่เว้นแม้แต่กรรมการมหาเถรสมาคม แต่เรื่องจริงคือ นั่งนอนทับอาจมโดยไม่รู้สึกตัว บ้านเมืองเรามีแต่พวกเสแสร้ง สร้างภาพ ผู้ดีจอมปลอม จนทำให้คนเห็นผิด คิดผิด เข้าใจผิด หลงมัวเมาตกเป็นทาสของพวกสร้างภาพดังธรรมกาย เป็นต้น เช่นนี้แล้ว มหาเถรยังดูไม่ออกอีกหรือ

- ดอกไม้จันทน์ ฉันต้องการจะบอกกรรมการมหาเถร เจ้าคุณ พระครู และบรรดาสมเด็จทั้งหลายว่า ตาย น่ะรู้จักไหม มรณานุสตินะเคยเจริญกันบ้างไหม เคยฟังเคยอ่านพระราชนิพนธ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖ ที่ทรงให้ไว้บ้างไหมว่า

"นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา"


ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านทั้งหลายแล้วว่า ชีวิตที่เหลืออยู่จะทำอะไร ให้อะไร สร้างอะไร เพื่อประโยชน์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และพลโลก

- ธูป ๑ ดอก เทียน ๑ เล่ม ฉันสื่อถึงคำสอนสูงสุดของพระผู้มีพระภาคเจ้า ๒ ข้อ คำสอนสูงสุดของพระพุทธศาสนา
๑. คือ ปัญญา เพราะมีปัญญาจึงเห็นทุกข์ เห็นเหตุเกิดทุกข์ เห็นทางดับทุกข์ เห็นหลักปฏิบัติให้ทุกข์นี้ดับ
๒. นิพพาน ด้วยเพราะปัญญาที่เห็นสรรพสิ่ง สรรพชีวิตตามความเป็นจริง จึงรู้ได้ชัดว่าทุกๆ สิ่งไม่มีอะไร ไม่ได้อะไร ไม่เหลืออะไร กูต้องตายแน่ๆ ขณะยังมีชีวิตอยู่ก็ควรขวนขวายทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ตน และให้ประโยชน์ท่านจนถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ไม่ขาดสติ ไม่ใช่หลงมั่วมัวเมาอย่างที่เป็นอยู่กันทุกวันนี้ วันๆ เอาแต่แสวงหาลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จนหลงลืมไปว่า ทั้งหมดนั้นคือทุกข์ เทียนที่มีแต่ไม่ได้จุด ไม่ให้แสงสว่างได้ฉันใด คนที่บวชเข้ามาไม่ฝึกฝนศึกษา สั่งสม อบรม เจริญปัญญา สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับเทียนที่ไม่ได้จุด แม้ธูปจะหอมแต่ก็ใช้ประโยชน์ได้แค่แคบๆ ไม่กว้างไกล หากไม่ได้จุด ฉันใด การสร้างภาพ ทำให้ผู้คนเขาดูเราว่าดี สุดท้ายก็ได้ประโยชน์สั้นๆ แคบๆ เฉพาะตนเองชั่วขณะ หาได้ประโยชน์แก่คนหมู่มากไม่ อีกทั้งยังเป็นประโยชน์จอมปลอม ประโยชน์ของพวกลวงโลก ทุรชนคนชั่วเสียส่วนใหญ่

ฉันเขียนอธิบายความเสียตั้งมากมาย ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รับทราบถึงวิธีคิดของฉัน ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ส่วนเขาจะเข้าใจหรือไม่ พอใจหรือเปล่า ฉันคงไม่สามารถ สุดแต่สติปัญญาและมุมมองของแต่ละคน โดยเฉพาะพวกโลกสวย ฉันก็มิได้มุ่งหวังว่าให้มาเข้าใจฉันหรอกนะ แค่ให้รู้ว่า ฉันคิดอะไรอยู่ก็พอแล้ว เพราะยังมีอีกมากที่พวกคุณคงมิอาจทำความเข้าใจในตัวฉันได้ ไม่เป็นไร อย่าใจร้อน กินปัญญาให้อร่อย ต้องใจเย็นๆ ต้องรู้ให้จริง คงจะได้ ลุ้น เสียว ขำ ฮา กันต่อไป

อ้อเดี๋ยวก่อน ยังไม่ได้อธิบายเรื่องถวายสากกะเบือเลย ที่ถวายสากกะเบือเพื่อให้รู้ว่า สากมันตำพริก ตำปู ตำปลา สร้างคุณค่าให้อาหาร แต่ถ้าถามมันว่าได้เคยลิ้มรสชาติของที่ตำบ้างหรือไม่ เช่นเดียวกัน ผู้ที่บวชเข้ามาได้เป็นพระครู เจ้าคุณ สมเด็จ เกจิอาจารย์ พูดสอนชาวบ้านสารพัด เคยลองถามตัวเองไหมว่า ทำได้บ้างไหม เคยได้รับรู้รสชาติของพระสัทธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าบ้างไหม อย่าทำตัวเหมือนสากกะเบือที่ไม่รู้รสพริก
จบแล้วนะจ๊ะ อย่าลืม ไม่ช่วยก็อย่าซ้ำนะจ๊ะ

(โปรดติดตามคำถามตอบเด็ดๆ ที่เกิดขึ้นในวัดปากน้ำ)

พุทธะอิสระ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่