สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคนครับ นี้เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรกของผม หาก Tags ห้องผิด หรือ ทำอะไรพลาดประการได้ ขออภัย และ ขอคำแนะนำล่วงหน้าด้วยครับ
จากหัวกระทู้ที่ตั้งไว้ เรื่องนี้ทำให้ครอบครัวผมเครียดมากๆ เนื่องจากต้องยอมรับว่าครอบครัวหาเช้ากินค่ำอย่างพวกผม เพิ่งเคยเจอเหตุการแบบนี้เป็นครั้งแรก บอกตรงๆว่า ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เลยอยากจะมาขอคำปรึกษา กับทุกๆท่าน เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาจริงๆ ทั้งเรื่องการป้องการเรื่องร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น และเรื่องกฏหมายต่างๆด้วยครับ
เรื่องราวที่ผมจะขอคำปรึกษาต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวผมเอง ซึ่งก่อนเล่าผมขออนุญาตพูดถึงข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก่อนครับ
ตัวผม คือ พนักงานออฟฟิตธรรมดา
คุณพ่อ คือ พ่อแท้ๆของผม ท่านทำงานเกี่ยวกับ Jewelry เป็นพ่อค้า
คุณแม่ คือ แม่แท้ๆของผม ท่านเป็นแม่บ้าน
เจ้าของร้าน คือ เจ้าของร้าน Jewelry แห่งหนึ่ง มักจะมีการนำ ของในร้านออกมาให้ลูกน้องไปขายกับพ่อค้าชาวต่างชาติ
นาง A คือ ลูกน้องของ "เจ้าของ" เป็นหนึ่งในคนที่มักจะรับหน้าที่นำของในร้านมาขายบ่อยๆ รู้จักกับพ่อของผมจากการทำงาน
นาย B คือ เพื่อนของพ่อผม ที่มักจะมาขอของไปขายบ่อยๆ เพราะฐานะทางบ้างเขาไม่ค่อยดี พ่อจึงสงสารและไว้ใจเขา
โจร C คือ คนที่เชิดเงินจากการขายของ ที่ทาง "เจ้าของร้าน" ฝากมาขายไป และเป็นญาติของ "นาย B"
พันจ่าเอก D คือ หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาทวงเงินผมที่บ้าน
ร้อยตรี E คือ หัวหน้าของ "พันจ่าเอก D" ที่ตัวเขาเองอ้างถึง
ขออนุญาตใช้คำว่า "ของ" แทนคำว่า "เพรช/พลอย" ครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า...
พ่อผมที่ทำงานเป็นพ่อค้า Jewelry ซึ่งปกติจะมีการขายอยู่ 2 แบบคือ
1. รับออเดอจากลูกค้าชาวต่างชาติ แล้วมาหาของที่ตรงตามออเดอ เพื่อนำไปให้ขายลูกค้าตามราคา
2. รับของมาก่อนแล้วไปเดินขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งเงินที่ได้จะมาจากกำไรส่วนต่างจากการขาย
โดยเรื่องที่เกิดคราวนี้เป็นการขายแบบที่ 2 ครับ ซึ่ง เจ้าของร้าน ได้นำของ มูลค่าราวๆ 3 แสนบาท ออกมาให้ นาง A ออกมาเดินขายตามปกติ แต่ด้วยความที่นาง A เห็นว่าพ่อของผมมีฐานลูกค้าที่สามารถขายเก็งกำไรได้เยอะ จึงได้มาวานให้ท่านนำของดังกล่าวไปขายกับลูกค้ากลุ่มนั้น (นาง A ก็เคยมาฝากพ่อของผมขายหลายครั้งแล้ว ซึ่งในครั้งแรกๆ ก็จะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายของกันตามปกติ แต่พอมาช่วงหลังๆ เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรกัน จึงเลิกเซ็นสัญญาดังกล่าวไป และซื้อขายปากปล่าวมาได้ประมาน ปีเศษๆแล้ว)
พ่อผมรับของมา และอยู่ในระหว่างการดีลขายของกับเจ้าต่างๆ แต่ระหว่างนั้น นาย B ก็ได้เข้ามาของานจากพ่อผมพอดี เพราะอยู่ในช่วงที่กำลังเปิดเทอม ทำให้เขาต้องการเงินไปจ่ายค่าเทอมลูก พ่อจึงสงสารเขาจึงได้ให้เขาเป็นคนขายของที่รับมาจากนาง A เพื่อที่จะได้เงินส่วนต่างไปใช้ และหลังจากขายได้ พ่อผมก็คิดว่าจะให้เงินเขาเพื่อช่วยเหลือในบางส่วนด้วย
หลังจากมอบหมายให้นาย B เป็นคนขายของที่คุณพ่อของผมได้ดีลไว้ในบางส่วนแล้ว พ่อผมก็ไปทำงานในส่วนอื่นๆต่อ โดยปล่อยให้นาย B จัดการเรื่องการขายของทั้งหมด และแน่นอนครับ ไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายอะไรกันทั้งสิ้น เพราะความเชื่อใจกัน
ถึงวันขายของ พ่อผมก็นำของไปหานาย B ในช่วงเช้าและรอเวลาขายในช่วงบ่าย พอถึงเวลา นาย B ก็ได้นำของเข้าไปขายโดยตัวพ่อของผมก็นั่งรออยู่ด้านนอกและโทรคุยกันเป้นระยะในระหว่างต่อราคากัน
เวลาผ่านไปจนเกือบ 5 โมง พ่อผมรู้สึกชักผิดสังเกตุ และทางนาย B ก็พูดจาเหมือนร้อนรนอะไรสักอย่าง พ่อผมจึงให้ออกมากคุยกันก่อน แล้วนาย B จึงเล่าเรื่องการขายของเขาให้ฟัง
คำพูดจากปากนาย B คือ..
"หลังจากนาย B รับของมาจากพ่อแล้ว ก็ได้ทำการติดต่อคุยกับลูกค้าที่พ่อคุยไว้ต่อ และนัดวันซื้อขาย รวมไปถึงราคากัน แต่ก็ยังไม่ได้ราคาที่ นาย B พอใจ เพราะเขาต้องการเงินมาก จึงอยากได้กำไรเยอะๆ ในระหว่างนั้น ญาติของนาย B ที่ชื่อว่า โจร C ก็ได้เสนอตัวเข้ามาช่วยต่อราคาให้ หลังทราบจากทางภรรยาของนาย B มาว่า นาย B ได้ของมาขาย มูลค่าราวๆ 3 แสนกว่าบาท ทางด้านนาย B เห็นว่า โจร C เก่งในเรื่องการต่อราคา เพราะเขาก็ทำงานขายของแบบนี้อยู่เหมือนกัน และเห็นว่าเป็นญาติกัน เลยตัดสินใจให้เขาเข้ามาช่วย และในวันที่เข้าไปขายของจริงๆ ตอนนาย B เข้าไปในตึกลูกค้า ก็ได้โทรหา โจร C เพื่อให้เข้าไปช่วยคุยด้วย แต่ในระหว่างการซื้อขาย นาย B กลับนำของทั้งหมดให้ โจร C ไป เพื่อเข้าไปหาลูกค้า แล้วตัวของนาย B ก็รออยู่ภายในตึกอีกเช่นกัน ผลสุดท้ายคือ โจร C ขายของได้ และเชิดเงินออกไปทางหลังตึก โดยที่นาย B ก็ไม่รู้ตัว จนกระทั้งเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ จนเกือบจะ 5 โมง ตามเวลาที่พ่อผมโทหานาย B ในข้างต้น"
พ่อผมพอทราบเรื่องทั้งหมดก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อทันทีว่าเป็นจริงอย่างที่นาย B พูด จึงได้ไปแจ้งความในโรงพักใกล้เคียง และขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในตึกที่นาย B เข้าไปขายของ เพื่อดูว่า โจร C มีตัวตนอยู่จริงๆหรือไม่ และก็ได้เห็นหน้าของ โจร C จริงๆ
หลังจากนั้นพ่อผมก็ได้ขอพวกข้อมูล ชื่อที่อยู่และทะเบียนบ้านต่างๆของ โจร C กับนาย B เพราะคิดว่า เป็นญาติกัน น่าจะพอรู้อะไรมาบ้างแต่ก็เหลว นาย B รู้แค่ ชื่อนามสกุล กับ ที่อยู่ และกำลังทำรีสอทแห่งหนึ่งอยู่แถวหัวหิน พ่อผมจึงนำไปใช้ในการแจ้งความต่อ และเมื่อค้นประวัติ ก็พบว่า โจร C มีคดีแนวๆนี้ติดตัวอยู่อีกเพียบ มูลค่าความเสียหาย รวมๆแล้ว หลายล้านบาท(โกงเขาจนมีเงินไปทำรีสอท หมดคำพูดจริงๆครับ หลังจากได้รู้ข้อนี้)
พ่อผมและนาย B เดินเรื่องนี้อยู่หลายวัน ทั้งสืบประวัติ ไปหารีสอทที่กำลังสร้างดังกล่าว (พ่อและนาย B ทราบแค่ว่าไปสร้างรีสอท แต่ไม่รู้ทั้งชื่อและทั้งตั้ง จึงทำได้แค่ไปสอบถามจากคนแถวนั้นว่ามีรีสอทสร้างใหม่ที่ไหนบ้าง แต่เพราะช่วงที่ไปตาม มีรีสอทสร้างเยอะ ทำให้ต้องคว้าน้ำเหลวกลับมา)
พ่อผมเริ่มเครียด เมื่อนาง A มาถามหาของของเธอจากพ่อ และพ่อก็เล่าเรื่องให้ฟังไปทั้งหมด นาง A ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าของร้านฟังได้ เพราะมันแสดงถึงความไม่รอบคอบ และสะเพร่าของเธอ จึงปิดเรื่องนี้เป็นความลับต่อเจ้าของร้าน และนำเงินตัวเองไปให้เจ้าของร้านพร้อมบอกว่า นั้นคือเงินที่ขายของได้ หลังจากนั้นหน้าเปลี่ยนสี เธอโยนความรับผิดชอบทุกอย่างมาให้พ่อผมขู่พ่อผมสารพัดว่าจะแจ้งจับ จะอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งทางพ่อผมก็เป็นคนซื่อๆ กลัวมีปัญหาจึงไม่ได้เถียงอะไร และรับปากกว่า ตนเองกับนาย B จะหาเงินมาคืนให้จนครบแน่นๆ และคุยกับว่า จะทะยอยให้เธอ เดือนละ หมื่นกว่าบาท
แน่นอนว่า เงินที่ต้องออกไปเป็นของพ่อผมคนเดียวล้วนๆ นาย B ทีรับปากว่าจะช่วยหาก็ไม่เคยส่งมาให้สักบาท เพราะเขาบอกว่า ไม่มีเงิน... พอพ่อผมเค้นหรือทวงเข้ามากๆ นาย B ก็พูดประโยคเด็ดออกมาว่า "ผมอยากตาย..." คุณพ่อก็ต้องเงียบไป
ครอบครัวของผมก็หาเช้ากินค่ำขายของได้บ้างไม่ได้บ้าง การจะหาเงินเดือนละเป็นหมื่นๆ มาให้กับนาง A ก็ลำบากเอามากๆ เพราะรายจ่ายในบ้านก็มี ทำให้ช่วงนี้ ตัวผมเองก็ต้องเอาเงินเก็บมาช่วยจ่ายหนี้ในส่วนนี้ไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งตัวผมก็คิดว่า ทนๆสักปีจ่ายให้หมดเรื่องคงจบ แล้วคิดซะว่า ฝาดเคราะห์ไปแต่เรื่อมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น...
เวลาผ่านไปราวๆ 4 เดือน ผมกับพ่อก็จ่ายเงินนาง A ตามสัญญาที่คุยกันไว้ไม่ได้ขาด แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งขับรถกระบะมาจอดที่หน้าบ้านของผม แต่งตัวชุดดำกึ่งเครื่องแบบหมด เดินลงมาจากรถ 2 คน พร้อมกับเหน็บแท่งเหล็กบางอย่างไว้ที่เอวทั้ง 2 คน (ผมมองเห็นเป็นปืน)
เขา 2 คนมาตะโกนเรียกพ่อผมที่หน้าบ้าน ตอนนั้น ผมก็ลงไปกับพ่อด้วย แล้วเขาบอกเอ่ยทักกับพ่อผมมาว่า เขาชื่อ พันจ่าเอก D เป็นนายทหาร (แต่ไม่ได้มีการแสดงบัตรยืนยันตนอะไร) และเขาก็พูดต้องว่า "มาทวงหนี้จากบ้านนี้ ตามที่ครวบครัวนาง A บอกมา" ผมกับพ่อ อึ้ง และทำอะไรไม่ถูก เขาบอกว่า ให้จ่ายเงินที่เหลือมาให้หมดไม่อย่างงั้นจะจับ ซึ่งผมและพ่อก็บอกไปว่า ไม่มีหรอกตอนนี้
ผมพยายามขอบัตรประชาชนเขา หรือบัตรแสดงตัวอื่นๆมาเพื่อมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เขาไม่ให้ พร้อมกับตะคอกกลับมา
ทางพันจ่าเอก D ก็เริ่มขึ้นเสียงดังขึ้น ผมพยายามหยิบมือถือออกมาเพื่อที่จะพยายามโทรแจ้งตำรวจ แต่เขาเอื้อมมือมาหยิบมือถือผมไป แล้วตะคอกใส่ผมว่า ถ่ายคลิปทำไม และคนที่อยู่ในรถอีกจำนวนหนึ่งก็ทำท่าเหมือนจะลงมาจากรถ แต่โชคยังดี ที่บ้านผมเป็นบ้าน ทาวเฮ้าท์ มีเพื่อนบ้านอยู่รอบๆ เยอะ พอเขาเสียงดัง คนข้างบ้านก็เริ่มออกมาดูกัน เขาจึงลดเสียงลง แต่ก็ยังทวงต่อเหมือนเดิม พ่อผมก็ยังยืนกรานว่าไม่มี ตอนนี้ คนเริ่มออกมามุงเยอะขึ้น ส่วนทางด้านคุณแม่ผมที่อยู่ในบ้าน ก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ทางฝั่งของกลุ่มชายฉรรจ์คงเห็นท่าไม่ดี จึงหันมาพูดกับพ่อผมประโยคสุดท้ายว่า "สิ้นเดือนนี้ ถ้าไม่เอาเงินมาคืนให้ทั้งหมด จะให้คนจับไป" ทางผมทั้งงง และสงสัยว่า จับในที่นี้หมายความว่ายังไง ให้ตำรวจมาจับไปดำเนินคดีที่ศาล หรือจับตัวกันไปเอง ทำให้ตอนนี้ทางบ้างผมวุ่นวายกันมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับกันไปหมด
และนี้คือเรื่องราวทั้งหมดทั้เกิดขึ้นจนเมื่อ 2 วันที่แล้ว...
ตอนนี้ทางครอบครัวผม งง และสับสนไปหมด พยายาม ไปปรึกษากับทาง ตำรวจ เขาก็ทำแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วบอกว่า ให้ไปคุยเรื่องจ่ายเงินไกล่เกลี่ยกันเอาเอง
แม่ผมกลัวจนวิตกไปหมด พ่อผมนอนไม่หลับมา 2 3 วันแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการขึ้น ส่วนตัวผม ก็พยายามติดต่อคนที่พอจะให้คำปรึกษาได้จากหลายๆทาง และหลายๆคนก็ให้คำแนะนำว่า
"ให้ลองเอาข้อมูลมาลงในพันทิปดู" ทางผมที่มี Accout อยู่แล้วแต่ไม่เคยตั้งกระทู้เลย ก็เลยทำตามคำแนะนำของคนอื่นดูครับ
ปล. เรื่องที่เล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องราวจากปากของ พ่อผมและนาย B บวกกับ กับสิ่งที่ผมเจอมากับตัว ซึ่งในส่วนของที่พ่อ กับนาย B เล่ามา ผมไม่รู้ว่า จริงเท็จ มากน้อยขนาดไหน ผมจึงอยากให้ทุกท่านที่อ่านจบแล้ว ฟังหูไว้หูครับ ไม่ต้องเชื่อหมดเพราะขนาดตัวผมเองก็ยังไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง 100 เปอเซนต์เลย
สุดท้าย ในส่วนนี้ ผมขออนุญาติลงคำถามที่ตัวเองอยากทราบหน่อยนะครับ รบกวนทุกท่านให้คำแนะนำด้วย
1. จากเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าว่ากันตามกระบวนการไต่สวนแล้ว พ่อผมจะได้รับโทษอะไรบ้างหากมีการต่อสู้คดีกันในศาลจริงๆ และพอจะมีแนวทางไหนที่จะช่วยคุณพ่อได้บ้างไหมครับ
2. การตามหาตัว โจร C ด้วยตัวเองนี้ ผมสามารถทำอย่างได้บ้างครับ เพราะเหมือนตอนนี้ทางตำรวจจะไม่ได้มีการตามตัวให้เลย ส่วนนี้คงต้องพึ่งตัวเอง แล้วถ้าหากว่าผมเจอตัวเขาจริงๆ มีทางไหนที่จะเอาผิดเขาได้บ้างครับ
3. ในกรณีสุดท้ายเรื่องที่ครอบครัวนาง A ให้คนมาทวงหนี้ที่บ้าน ซึ่งผมกลัวที่สุดว่าจะเกิดอันตรายกับครอบครัว ใครพอจะมีทางออกพอจะแนะนำได้บ้างครับ เพราะผมติดว่า ตรงนี้มันอยู่นอกเหนือกระบวนการยุติธรรมแน่ๆ ซื้อตรงนี้ ผมก็ไม่รู้จะไปปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือใครได้จริงๆ
**ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาให้คำแนะนำล่วงหน้าครับ และหากมีความเคลื่อนไหวอื่นๆเพิ่มเติม ผมจะมารายงานในนี้เรื่อยๆครับ**
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อัพเดท [20/02/58]
- ติดกล้องวรจรปิดที่หน้าบ้าน กับ ประตูด้านนอก ไปแล้วครับ 2 ตัว (ตามคำแนะนำของ คห.3)
- ไปหาข้อมูลเรื่อง ยศของนายทหาร(ตามคำแนะนำของ คห.1)มาแล้ว บังเอิญว่า เขาโทรมาเข้ามือถือพ่อผมพอดี จึงได้พูดเรื่องนี้กับเขาไป พันจ่าเอก D จึงอ้างชื่อ ร้อยตรี E ออกมาอีก ว่าได้รับคำสั่งมาจากคนนั้น (ทั้งๆที่ เมื่อ 2 วันที่แล้วบอกว่าได้รับมอบหมายมาจากนาง A และครอบครัวโดยตรง)
- ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ทางตำรวจชี้แจงมาว่า หากมี กรณีแบบนี้อีก ให้โทเรียก 191 แล้วแจ้งว่า มีคนมาข่มขู่จะทำร้ายร่างกายที่หน้าบ้านได้เลย
ถูกคนที่อ้างว่าเป็นนายทหารยศ พันจ่าเอก มาทวงหนี้ที่บ้าน และโดนขู่ว่าจะมาจับ ผมควรทำอย่างไรดีครับ
จากหัวกระทู้ที่ตั้งไว้ เรื่องนี้ทำให้ครอบครัวผมเครียดมากๆ เนื่องจากต้องยอมรับว่าครอบครัวหาเช้ากินค่ำอย่างพวกผม เพิ่งเคยเจอเหตุการแบบนี้เป็นครั้งแรก บอกตรงๆว่า ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เลยอยากจะมาขอคำปรึกษา กับทุกๆท่าน เพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหาจริงๆ ทั้งเรื่องการป้องการเรื่องร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น และเรื่องกฏหมายต่างๆด้วยครับ
เรื่องราวที่ผมจะขอคำปรึกษาต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวผมเอง ซึ่งก่อนเล่าผมขออนุญาตพูดถึงข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก่อนครับ
ตัวผม คือ พนักงานออฟฟิตธรรมดา
คุณพ่อ คือ พ่อแท้ๆของผม ท่านทำงานเกี่ยวกับ Jewelry เป็นพ่อค้า
คุณแม่ คือ แม่แท้ๆของผม ท่านเป็นแม่บ้าน
เจ้าของร้าน คือ เจ้าของร้าน Jewelry แห่งหนึ่ง มักจะมีการนำ ของในร้านออกมาให้ลูกน้องไปขายกับพ่อค้าชาวต่างชาติ
นาง A คือ ลูกน้องของ "เจ้าของ" เป็นหนึ่งในคนที่มักจะรับหน้าที่นำของในร้านมาขายบ่อยๆ รู้จักกับพ่อของผมจากการทำงาน
นาย B คือ เพื่อนของพ่อผม ที่มักจะมาขอของไปขายบ่อยๆ เพราะฐานะทางบ้างเขาไม่ค่อยดี พ่อจึงสงสารและไว้ใจเขา
โจร C คือ คนที่เชิดเงินจากการขายของ ที่ทาง "เจ้าของร้าน" ฝากมาขายไป และเป็นญาติของ "นาย B"
พันจ่าเอก D คือ หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่มาทวงเงินผมที่บ้าน
ร้อยตรี E คือ หัวหน้าของ "พันจ่าเอก D" ที่ตัวเขาเองอ้างถึง
เข้าเรื่องเลยนะครับ เรื่องมีอยู่ว่า...
พ่อผมที่ทำงานเป็นพ่อค้า Jewelry ซึ่งปกติจะมีการขายอยู่ 2 แบบคือ
1. รับออเดอจากลูกค้าชาวต่างชาติ แล้วมาหาของที่ตรงตามออเดอ เพื่อนำไปให้ขายลูกค้าตามราคา
2. รับของมาก่อนแล้วไปเดินขายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งเงินที่ได้จะมาจากกำไรส่วนต่างจากการขาย
โดยเรื่องที่เกิดคราวนี้เป็นการขายแบบที่ 2 ครับ ซึ่ง เจ้าของร้าน ได้นำของ มูลค่าราวๆ 3 แสนบาท ออกมาให้ นาง A ออกมาเดินขายตามปกติ แต่ด้วยความที่นาง A เห็นว่าพ่อของผมมีฐานลูกค้าที่สามารถขายเก็งกำไรได้เยอะ จึงได้มาวานให้ท่านนำของดังกล่าวไปขายกับลูกค้ากลุ่มนั้น (นาง A ก็เคยมาฝากพ่อของผมขายหลายครั้งแล้ว ซึ่งในครั้งแรกๆ ก็จะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายของกันตามปกติ แต่พอมาช่วงหลังๆ เห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรกัน จึงเลิกเซ็นสัญญาดังกล่าวไป และซื้อขายปากปล่าวมาได้ประมาน ปีเศษๆแล้ว)
พ่อผมรับของมา และอยู่ในระหว่างการดีลขายของกับเจ้าต่างๆ แต่ระหว่างนั้น นาย B ก็ได้เข้ามาของานจากพ่อผมพอดี เพราะอยู่ในช่วงที่กำลังเปิดเทอม ทำให้เขาต้องการเงินไปจ่ายค่าเทอมลูก พ่อจึงสงสารเขาจึงได้ให้เขาเป็นคนขายของที่รับมาจากนาง A เพื่อที่จะได้เงินส่วนต่างไปใช้ และหลังจากขายได้ พ่อผมก็คิดว่าจะให้เงินเขาเพื่อช่วยเหลือในบางส่วนด้วย
หลังจากมอบหมายให้นาย B เป็นคนขายของที่คุณพ่อของผมได้ดีลไว้ในบางส่วนแล้ว พ่อผมก็ไปทำงานในส่วนอื่นๆต่อ โดยปล่อยให้นาย B จัดการเรื่องการขายของทั้งหมด และแน่นอนครับ ไม่มีการเซ็นสัญญาซื้อขายอะไรกันทั้งสิ้น เพราะความเชื่อใจกัน
ถึงวันขายของ พ่อผมก็นำของไปหานาย B ในช่วงเช้าและรอเวลาขายในช่วงบ่าย พอถึงเวลา นาย B ก็ได้นำของเข้าไปขายโดยตัวพ่อของผมก็นั่งรออยู่ด้านนอกและโทรคุยกันเป้นระยะในระหว่างต่อราคากัน
เวลาผ่านไปจนเกือบ 5 โมง พ่อผมรู้สึกชักผิดสังเกตุ และทางนาย B ก็พูดจาเหมือนร้อนรนอะไรสักอย่าง พ่อผมจึงให้ออกมากคุยกันก่อน แล้วนาย B จึงเล่าเรื่องการขายของเขาให้ฟัง
คำพูดจากปากนาย B คือ.. "หลังจากนาย B รับของมาจากพ่อแล้ว ก็ได้ทำการติดต่อคุยกับลูกค้าที่พ่อคุยไว้ต่อ และนัดวันซื้อขาย รวมไปถึงราคากัน แต่ก็ยังไม่ได้ราคาที่ นาย B พอใจ เพราะเขาต้องการเงินมาก จึงอยากได้กำไรเยอะๆ ในระหว่างนั้น ญาติของนาย B ที่ชื่อว่า โจร C ก็ได้เสนอตัวเข้ามาช่วยต่อราคาให้ หลังทราบจากทางภรรยาของนาย B มาว่า นาย B ได้ของมาขาย มูลค่าราวๆ 3 แสนกว่าบาท ทางด้านนาย B เห็นว่า โจร C เก่งในเรื่องการต่อราคา เพราะเขาก็ทำงานขายของแบบนี้อยู่เหมือนกัน และเห็นว่าเป็นญาติกัน เลยตัดสินใจให้เขาเข้ามาช่วย และในวันที่เข้าไปขายของจริงๆ ตอนนาย B เข้าไปในตึกลูกค้า ก็ได้โทรหา โจร C เพื่อให้เข้าไปช่วยคุยด้วย แต่ในระหว่างการซื้อขาย นาย B กลับนำของทั้งหมดให้ โจร C ไป เพื่อเข้าไปหาลูกค้า แล้วตัวของนาย B ก็รออยู่ภายในตึกอีกเช่นกัน ผลสุดท้ายคือ โจร C ขายของได้ และเชิดเงินออกไปทางหลังตึก โดยที่นาย B ก็ไม่รู้ตัว จนกระทั้งเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ จนเกือบจะ 5 โมง ตามเวลาที่พ่อผมโทหานาย B ในข้างต้น"
พ่อผมพอทราบเรื่องทั้งหมดก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อทันทีว่าเป็นจริงอย่างที่นาย B พูด จึงได้ไปแจ้งความในโรงพักใกล้เคียง และขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดภายในตึกที่นาย B เข้าไปขายของ เพื่อดูว่า โจร C มีตัวตนอยู่จริงๆหรือไม่ และก็ได้เห็นหน้าของ โจร C จริงๆ
หลังจากนั้นพ่อผมก็ได้ขอพวกข้อมูล ชื่อที่อยู่และทะเบียนบ้านต่างๆของ โจร C กับนาย B เพราะคิดว่า เป็นญาติกัน น่าจะพอรู้อะไรมาบ้างแต่ก็เหลว นาย B รู้แค่ ชื่อนามสกุล กับ ที่อยู่ และกำลังทำรีสอทแห่งหนึ่งอยู่แถวหัวหิน พ่อผมจึงนำไปใช้ในการแจ้งความต่อ และเมื่อค้นประวัติ ก็พบว่า โจร C มีคดีแนวๆนี้ติดตัวอยู่อีกเพียบ มูลค่าความเสียหาย รวมๆแล้ว หลายล้านบาท(โกงเขาจนมีเงินไปทำรีสอท หมดคำพูดจริงๆครับ หลังจากได้รู้ข้อนี้)
พ่อผมและนาย B เดินเรื่องนี้อยู่หลายวัน ทั้งสืบประวัติ ไปหารีสอทที่กำลังสร้างดังกล่าว (พ่อและนาย B ทราบแค่ว่าไปสร้างรีสอท แต่ไม่รู้ทั้งชื่อและทั้งตั้ง จึงทำได้แค่ไปสอบถามจากคนแถวนั้นว่ามีรีสอทสร้างใหม่ที่ไหนบ้าง แต่เพราะช่วงที่ไปตาม มีรีสอทสร้างเยอะ ทำให้ต้องคว้าน้ำเหลวกลับมา)
พ่อผมเริ่มเครียด เมื่อนาง A มาถามหาของของเธอจากพ่อ และพ่อก็เล่าเรื่องให้ฟังไปทั้งหมด นาง A ไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าของร้านฟังได้ เพราะมันแสดงถึงความไม่รอบคอบ และสะเพร่าของเธอ จึงปิดเรื่องนี้เป็นความลับต่อเจ้าของร้าน และนำเงินตัวเองไปให้เจ้าของร้านพร้อมบอกว่า นั้นคือเงินที่ขายของได้ หลังจากนั้นหน้าเปลี่ยนสี เธอโยนความรับผิดชอบทุกอย่างมาให้พ่อผมขู่พ่อผมสารพัดว่าจะแจ้งจับ จะอย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งทางพ่อผมก็เป็นคนซื่อๆ กลัวมีปัญหาจึงไม่ได้เถียงอะไร และรับปากกว่า ตนเองกับนาย B จะหาเงินมาคืนให้จนครบแน่นๆ และคุยกับว่า จะทะยอยให้เธอ เดือนละ หมื่นกว่าบาท
แน่นอนว่า เงินที่ต้องออกไปเป็นของพ่อผมคนเดียวล้วนๆ นาย B ทีรับปากว่าจะช่วยหาก็ไม่เคยส่งมาให้สักบาท เพราะเขาบอกว่า ไม่มีเงิน... พอพ่อผมเค้นหรือทวงเข้ามากๆ นาย B ก็พูดประโยคเด็ดออกมาว่า "ผมอยากตาย..." คุณพ่อก็ต้องเงียบไป
ครอบครัวของผมก็หาเช้ากินค่ำขายของได้บ้างไม่ได้บ้าง การจะหาเงินเดือนละเป็นหมื่นๆ มาให้กับนาง A ก็ลำบากเอามากๆ เพราะรายจ่ายในบ้านก็มี ทำให้ช่วงนี้ ตัวผมเองก็ต้องเอาเงินเก็บมาช่วยจ่ายหนี้ในส่วนนี้ไปด้วยโดยปริยาย ซึ่งตัวผมก็คิดว่า ทนๆสักปีจ่ายให้หมดเรื่องคงจบ แล้วคิดซะว่า ฝาดเคราะห์ไปแต่เรื่อมันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น...
เวลาผ่านไปราวๆ 4 เดือน ผมกับพ่อก็จ่ายเงินนาง A ตามสัญญาที่คุยกันไว้ไม่ได้ขาด แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา มีกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งขับรถกระบะมาจอดที่หน้าบ้านของผม แต่งตัวชุดดำกึ่งเครื่องแบบหมด เดินลงมาจากรถ 2 คน พร้อมกับเหน็บแท่งเหล็กบางอย่างไว้ที่เอวทั้ง 2 คน (ผมมองเห็นเป็นปืน)
เขา 2 คนมาตะโกนเรียกพ่อผมที่หน้าบ้าน ตอนนั้น ผมก็ลงไปกับพ่อด้วย แล้วเขาบอกเอ่ยทักกับพ่อผมมาว่า เขาชื่อ พันจ่าเอก D เป็นนายทหาร (แต่ไม่ได้มีการแสดงบัตรยืนยันตนอะไร) และเขาก็พูดต้องว่า "มาทวงหนี้จากบ้านนี้ ตามที่ครวบครัวนาง A บอกมา" ผมกับพ่อ อึ้ง และทำอะไรไม่ถูก เขาบอกว่า ให้จ่ายเงินที่เหลือมาให้หมดไม่อย่างงั้นจะจับ ซึ่งผมและพ่อก็บอกไปว่า ไม่มีหรอกตอนนี้
ผมพยายามขอบัตรประชาชนเขา หรือบัตรแสดงตัวอื่นๆมาเพื่อมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่เขาไม่ให้ พร้อมกับตะคอกกลับมา
ทางพันจ่าเอก D ก็เริ่มขึ้นเสียงดังขึ้น ผมพยายามหยิบมือถือออกมาเพื่อที่จะพยายามโทรแจ้งตำรวจ แต่เขาเอื้อมมือมาหยิบมือถือผมไป แล้วตะคอกใส่ผมว่า ถ่ายคลิปทำไม และคนที่อยู่ในรถอีกจำนวนหนึ่งก็ทำท่าเหมือนจะลงมาจากรถ แต่โชคยังดี ที่บ้านผมเป็นบ้าน ทาวเฮ้าท์ มีเพื่อนบ้านอยู่รอบๆ เยอะ พอเขาเสียงดัง คนข้างบ้านก็เริ่มออกมาดูกัน เขาจึงลดเสียงลง แต่ก็ยังทวงต่อเหมือนเดิม พ่อผมก็ยังยืนกรานว่าไม่มี ตอนนี้ คนเริ่มออกมามุงเยอะขึ้น ส่วนทางด้านคุณแม่ผมที่อยู่ในบ้าน ก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ทางฝั่งของกลุ่มชายฉรรจ์คงเห็นท่าไม่ดี จึงหันมาพูดกับพ่อผมประโยคสุดท้ายว่า "สิ้นเดือนนี้ ถ้าไม่เอาเงินมาคืนให้ทั้งหมด จะให้คนจับไป" ทางผมทั้งงง และสงสัยว่า จับในที่นี้หมายความว่ายังไง ให้ตำรวจมาจับไปดำเนินคดีที่ศาล หรือจับตัวกันไปเอง ทำให้ตอนนี้ทางบ้างผมวุ่นวายกันมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับกันไปหมด
และนี้คือเรื่องราวทั้งหมดทั้เกิดขึ้นจนเมื่อ 2 วันที่แล้ว...
ตอนนี้ทางครอบครัวผม งง และสับสนไปหมด พยายาม ไปปรึกษากับทาง ตำรวจ เขาก็ทำแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ แล้วบอกว่า ให้ไปคุยเรื่องจ่ายเงินไกล่เกลี่ยกันเอาเอง
แม่ผมกลัวจนวิตกไปหมด พ่อผมนอนไม่หลับมา 2 3 วันแล้ว ตั้งแต่เกิดเหตุการขึ้น ส่วนตัวผม ก็พยายามติดต่อคนที่พอจะให้คำปรึกษาได้จากหลายๆทาง และหลายๆคนก็ให้คำแนะนำว่า "ให้ลองเอาข้อมูลมาลงในพันทิปดู" ทางผมที่มี Accout อยู่แล้วแต่ไม่เคยตั้งกระทู้เลย ก็เลยทำตามคำแนะนำของคนอื่นดูครับ
ปล. เรื่องที่เล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องราวจากปากของ พ่อผมและนาย B บวกกับ กับสิ่งที่ผมเจอมากับตัว ซึ่งในส่วนของที่พ่อ กับนาย B เล่ามา ผมไม่รู้ว่า จริงเท็จ มากน้อยขนาดไหน ผมจึงอยากให้ทุกท่านที่อ่านจบแล้ว ฟังหูไว้หูครับ ไม่ต้องเชื่อหมดเพราะขนาดตัวผมเองก็ยังไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง 100 เปอเซนต์เลย
1. จากเหตุการที่เกิดขึ้นทั้งหมด ถ้าว่ากันตามกระบวนการไต่สวนแล้ว พ่อผมจะได้รับโทษอะไรบ้างหากมีการต่อสู้คดีกันในศาลจริงๆ และพอจะมีแนวทางไหนที่จะช่วยคุณพ่อได้บ้างไหมครับ
2. การตามหาตัว โจร C ด้วยตัวเองนี้ ผมสามารถทำอย่างได้บ้างครับ เพราะเหมือนตอนนี้ทางตำรวจจะไม่ได้มีการตามตัวให้เลย ส่วนนี้คงต้องพึ่งตัวเอง แล้วถ้าหากว่าผมเจอตัวเขาจริงๆ มีทางไหนที่จะเอาผิดเขาได้บ้างครับ
3. ในกรณีสุดท้ายเรื่องที่ครอบครัวนาง A ให้คนมาทวงหนี้ที่บ้าน ซึ่งผมกลัวที่สุดว่าจะเกิดอันตรายกับครอบครัว ใครพอจะมีทางออกพอจะแนะนำได้บ้างครับ เพราะผมติดว่า ตรงนี้มันอยู่นอกเหนือกระบวนการยุติธรรมแน่ๆ ซื้อตรงนี้ ผมก็ไม่รู้จะไปปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือใครได้จริงๆ
อัพเดท [20/02/58]
- ติดกล้องวรจรปิดที่หน้าบ้าน กับ ประตูด้านนอก ไปแล้วครับ 2 ตัว (ตามคำแนะนำของ คห.3)
- ไปหาข้อมูลเรื่อง ยศของนายทหาร(ตามคำแนะนำของ คห.1)มาแล้ว บังเอิญว่า เขาโทรมาเข้ามือถือพ่อผมพอดี จึงได้พูดเรื่องนี้กับเขาไป พันจ่าเอก D จึงอ้างชื่อ ร้อยตรี E ออกมาอีก ว่าได้รับคำสั่งมาจากคนนั้น (ทั้งๆที่ เมื่อ 2 วันที่แล้วบอกว่าได้รับมอบหมายมาจากนาง A และครอบครัวโดยตรง)
- ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว ทางตำรวจชี้แจงมาว่า หากมี กรณีแบบนี้อีก ให้โทเรียก 191 แล้วแจ้งว่า มีคนมาข่มขู่จะทำร้ายร่างกายที่หน้าบ้านได้เลย