สวัสดีครับ วันนี้ระหว่างผมกำลังนั่งทานข้าวอยู่ ก็พยายามนั่งคิดวิธีที่จะทำให้ตัวเองเลิกเศร้าเพราะว่าเขาไม่รักสักที คิดไปคิดมาก็เหมือนจะตกผลึกความคิดบางอย่างออกมาได้ โดยสรุปได้ดังนี้ คือ
การที่เราอกหัก รักคุด ตุ๊ดไม่มอง ... ก็เปรียบเหมือนกับการที่เราได้รับรอยแผลขึ้นมาหนึ่งแผล ซึ่งความลึกของแผลก็มักจะแตกต่างกันตามกรณีของแต่ละคน ซึ่งผมจะขอเรียกสิ่งนี้ว่าแผลทางใจละกันครับ
ทุกคนเมื่อเป็นแผลก็จะมีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแน่นอน ไม่ว่าแผลนั้นจะเป็นแผลทางร่างกาย หรือแผลทางใจก็ตาม
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่าเมื่อมีแผล ก็จะต้องหาวิธีในการรักษาแผลเพื่อให้หาย หรือบรรเทาให้ดีขึ้นในเร็ววัน แต่แผลใจกับแผลกายจะต่างกันตรงที่วิธีในการรักษาที่ไม่เหมือนกัน โดยแผลทางร่างกายนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือ การทานยาหรือทายาตรงบริเวณที่เจ็บปวด ซึ่งแผลที่ใจนั้นเราไม่สามารถทานยาให้หายหรือจะนำยาไปทาให้มันดีขึ้นได้
ดังนั้นวิธีในการรักษาแผลใจของแต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกัน เช่น การหากิจกรรมยามว่างทำร่วมกันกับเพื่อนๆ การอ่านหนังสือ ไปเที่ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สามารถทำให้เรามีความสุขได้ คุณควรจะทำมันซะ เพื่อให้คุณสามารถลดความเจ็บปวดจากบาดแผลที่คุณโดนเขา หรือใครคนนั้นกระทำมา
แต่...แต่..แต่ หากคุณยังเก็บเรื่องราวต่างๆในอดีตกลับมาคิด มันก็เหมือนกับการที่คุณเอามือของคุณไปกดซ้ำๆลงบนแผล ก็จะมีแต่สร้างความเจ็บปวดกับคุณมากขึ้น และแผลของคุณก็จะไม่หายได้ดีซักที คุณจำเป็นจะต้องปล่อยวางซะ พยายามอย่าไปคิดถึงความสุขที่ได้ทำร่วมกับเขาคนนั้น และที่สำคัญที่สุดอย่าติดต่อไปหาเขาเด็ดขาด เพราะนั่นหมายความว่าคุณกำลังจะทำให้ตัวคุณเองเจ็บเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นแผลทุกแผล จะหายได้ดี หรือหายได้สนิทนั้น ก็จะต้องใช้เวลามาเป็นตัวที่ช่วยในการสมานแผล เวลาในการรักษาแผลของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกัน ตามความลึกแผล หรือวิธีในการดูแลรักษาของแต่ลนคน
แต่ท้ายที่สุดแล้ว....คุณจะหายดี และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้อย่างแน่นอนนน
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังอกหักครับ เพราะชีวิตของเรามีค่ามากกว่าที่จะมาเสียเวลาให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเราครับ...
ปล. ผมก็เพิ่งเลิกกับแฟนก่อนหน้าวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาเหมือนกันครับ
ถึงคนที่กำลังอกหัก !!!! มาทำความเข้าใจ และก้าวผ่านมันไปพร้อมๆกัน
การที่เราอกหัก รักคุด ตุ๊ดไม่มอง ... ก็เปรียบเหมือนกับการที่เราได้รับรอยแผลขึ้นมาหนึ่งแผล ซึ่งความลึกของแผลก็มักจะแตกต่างกันตามกรณีของแต่ละคน ซึ่งผมจะขอเรียกสิ่งนี้ว่าแผลทางใจละกันครับ
ทุกคนเมื่อเป็นแผลก็จะมีความรู้สึกเจ็บปวดอย่างแน่นอน ไม่ว่าแผลนั้นจะเป็นแผลทางร่างกาย หรือแผลทางใจก็ตาม
เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่าเมื่อมีแผล ก็จะต้องหาวิธีในการรักษาแผลเพื่อให้หาย หรือบรรเทาให้ดีขึ้นในเร็ววัน แต่แผลใจกับแผลกายจะต่างกันตรงที่วิธีในการรักษาที่ไม่เหมือนกัน โดยแผลทางร่างกายนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือ การทานยาหรือทายาตรงบริเวณที่เจ็บปวด ซึ่งแผลที่ใจนั้นเราไม่สามารถทานยาให้หายหรือจะนำยาไปทาให้มันดีขึ้นได้
ดังนั้นวิธีในการรักษาแผลใจของแต่ละคนก็จะมีวิธีที่แตกต่างกัน เช่น การหากิจกรรมยามว่างทำร่วมกันกับเพื่อนๆ การอ่านหนังสือ ไปเที่ยว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่สามารถทำให้เรามีความสุขได้ คุณควรจะทำมันซะ เพื่อให้คุณสามารถลดความเจ็บปวดจากบาดแผลที่คุณโดนเขา หรือใครคนนั้นกระทำมา
แต่...แต่..แต่ หากคุณยังเก็บเรื่องราวต่างๆในอดีตกลับมาคิด มันก็เหมือนกับการที่คุณเอามือของคุณไปกดซ้ำๆลงบนแผล ก็จะมีแต่สร้างความเจ็บปวดกับคุณมากขึ้น และแผลของคุณก็จะไม่หายได้ดีซักที คุณจำเป็นจะต้องปล่อยวางซะ พยายามอย่าไปคิดถึงความสุขที่ได้ทำร่วมกับเขาคนนั้น และที่สำคัญที่สุดอย่าติดต่อไปหาเขาเด็ดขาด เพราะนั่นหมายความว่าคุณกำลังจะทำให้ตัวคุณเองเจ็บเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นแผลทุกแผล จะหายได้ดี หรือหายได้สนิทนั้น ก็จะต้องใช้เวลามาเป็นตัวที่ช่วยในการสมานแผล เวลาในการรักษาแผลของแต่ละคนนั้นก็จะแตกต่างกัน ตามความลึกแผล หรือวิธีในการดูแลรักษาของแต่ลนคน
แต่ท้ายที่สุดแล้ว....คุณจะหายดี และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติได้อย่างแน่นอนนน
ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆคนที่กำลังอกหักครับ เพราะชีวิตของเรามีค่ามากกว่าที่จะมาเสียเวลาให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเราครับ...
ปล. ผมก็เพิ่งเลิกกับแฟนก่อนหน้าวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาเหมือนกันครับ