Before varentine's day💕💕💕ความรักที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้คือ "รัก" ไปแล้ว

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะคะ ถ้ามีการใช้ภาษาที่เข้าใจยาก หรือไม่ถูกต้องตามหลักภาษาไทบทำให้ไม่เข้าใจ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ เพราะเป็นคนเรียบเรียงเรื่องราวไม่ค่อยเก่ง แต่ก็อยากจะเอาเรื่องราวความรักของเราที่เพิ่งเกินขึ้นไม่นานมาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน
เริ่มแรก ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ คือเราเป็นวัยรุ่นตอนปลายยย เกือบจะหลุดโค้งของคำนี้แล้ว หน้าตาถือว่าปานกลาง หา ผช. ได้ไม่ยากซักเท่าไหร่ สูง 165 หนัก 49 ผิวไม่ขาวไม่ดำ การศึกษาระดับก็เกือบจะสูงแต่ไม่สุด ฐานะที่บ้านก็ทำให้เราสามารถไม่ต้องทำงานได้ถึงทุกวันนี้ ใช้เงินจากดอกเบี่ยธนาคารไปวันๆ กับกิจการเล็กๆ ต้องบอกไว้ก่อนนะ ว่าถึงที่บ้านเราจะเลี้ยงแบบตามใจไม่ต้องทำงานก็ได้ เราเองก็จะมีลิมิตในการใช้เงินของเราเหมือนกัน ต้องจัดการวงเงินที่ใช้ให้พอเดือน ถ้าไม่จำเป็นจิงๆเราจะไม่ขอเพิ่ม ถ้าจะขอเพิ่มก็จะมาจากเรื่องเจ็บป่วยหรือเรื่องเรียนเปนส่วนใหญ่ ตั้งแต่เด็กจนโตถูกตามใจ เพราะเปนน้องคนเล็กของบ้าน แต่เราจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตติดบ้านมากที่สุด ถ้าบอกว่าอยู่บ้านก็อยู่จิงๆ จะไม่ออกไปไหนเลย ช่วงอายุตั้งแต่ 14 มาก็ใช่ชีวิตแบบเด็กแฮดมาตลอด เปนคนที่เปลี่ยนแฟนบ่อย เพื่อนๆในกลุ่มจะรู้หมด ทั้งเพื่อนมัธยม ป.ตรี แต่ ป.โท เราเริ่มเพลาลงล่ะ เพราะขณะนั้นมีแฟนเปนตัวเปนตน รักและให้เกียรติแฟน เพราะถ้าเราทำตัวไม่ดีก็จะไม่คู่ควรที่จะเปนคนรักเขา แต่........เขากลับเลิกกับเราไปแต่งงานกับ ผญ. ที่เขาคิดว่าคู่ควรมากกว่า เหตุผลที่เขาบอกคือ "พี่รักเรานะ แต่เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนบนโลกนี้ เราต้องดูความเหมาะสมและคู่ควรด้วย" เหตุผลควายๆของ ผช. คนนึงที่รัก อุ้ยเลิกๆดราม่ากับ ผช. คนเก่าดีก่า ว่างๆเราจะมาตั้งกระทู้รักเก่าให้อ่านกันเปนอุทาหรณ์ก็แล้วกัน
มาเข้าเรื่องกันดีก่าาาา ความรักของเราครั้งใหม่ เริ่มต้นจากที่ถูก ผช. ควายๆบอกเลิกไป ประมาณ 5 เดือน วันนั้นเป็นวันเกิดของเพื่อนในห้องตอนมัธยม ซึ่งก็สนิทกันพอสมควร เหมือนกับเปนเพื่อนสาวคนนึงเลยก็ได้ เพราะเพื่อนในห้องจะเรียกเพื่อนคนนี้ว่า "อิแตงตุ๊ด" แต่เราจะเรียนมันว่า "อิปิ๊" เพราะ ชื่อจิงมัน มีคำว่า "ปิ" ขึ้นต้น แต่เราเอาฮา เลยเรียกมันปิ๊มาตลอดตั้งแต่ ม. ต้น 21 ธันวา 57 เวลา 23. 45 น. เราใจหายว๊าบบบ ตายล่ะตรู ลืมอวยพรวันเกิดอิปิ๊ ในมือเราพิมพ์ไลน์ยิ้กๆ อย่างก่ะวิ่ง 4x100 แค่เปลี่ยนจากใช้เท้ามาใช้มือเท่านั้นแหละ

K: happy birth day นะเมิงงงง มีความสุข ตรูไม่อยากเปนคนแรก ขอเปนคนสุดท้ายแล้วกัน คนแรกๆอ่านล่ะก็ลืมมมม ขอเปนคนสุดท้ายนะ



เวลาผ่านไป 5 นาที


T: เออ ขอบใจ เอาซะตรูเขิลเลย เปนคนสุดท้ายเนี่ยยยยย


ล่ะเราก็คุยกันไปอีกซักพักตามภาษาเพื่อน สุดท้ายก็จบด้วย อิปิ๊ ส่งไลน์มาว่า นอนล่ะ พน. ทำงาน จุ๊บที ล่ะก็ตามด้วยสติ๊ก ตัวที่หอมแก้ม



จุดเริ่มต้นของการคุยกันมาเรื่อยๆ มุงๆ ตรูๆ ด่ากันเหมือนเดิม อ้ายเชี่ย อ้ายสึส เต็มหน้าไลน์ กันทุกวัน แต่ก่อนนอนทุกคืน อิปิ๊ก็จุ๊บที ทุกคืนบวกกับสติ๊กเดิมๆ เราเริ่มนัดกันกินข้าว วันศุกร์ถัดมา เรานัดกันไปนั่งลานเบียร์เซนทรัลเวิลด์ พอถึงวันนัดจิง อิปิ๊เปลี่ยนแพลน จะไปเอเชียธีคแทน เอ้าไปไหนก็ไป เพราะส่วนตัวเราเองเปนคนไม่ดื่ม อยากนั่งเม้าท์ก่ะเพื่อนมากก่าาา แต่วันนั้นเรารอมันที่สยามเกือบชั่วโมงงงง ก็เข้าใจนะว่ามันมาจากแจ้งวัฒนะอ่า เพื่อนให้รอนานแค่ไหนก็รอได้สบายยยย อิปิ๊มาถึงเกือบทุ่มครึ่งอ่ะ สุดท้ายก็ไปถึงสพานตากสิน ระหว่างรอเรือ อิปิ๊ ก็ดูแลเราดีนะ ไม่ว่าจะเปนการจูง การเดิน การโอบ แบบคอยกันคนต่างชาติให้ตลอด ซึ่งเราก็ไม่คิดอะไร เพราะเรารู้ว่าอิปิ๊มีเพื่อน ผญ.เย๊อะ เพราะคณะที่มันเรียนเปนคณะที่มีแต่ ผญ. คงเปนเรื่องปกติที่มันจะดูแลเพื่อนแบบนี้ หลังจากถึงเอเชียธีค เราก็เดินหาร้านนั่งกัน ตัดสินใจกันไม่ได้ อิปิ๊ เล่นอยากทั้งเบียร์ อยากทั้งบอล สุดท้ายก็ตัดสินใจจะกลับมาโคโควอล์ค แต่ตัวเราอยากนั่งชิงช้าสวรรค์ เราสองคนก็ไปซื้อตั๋ว รอกันนานพอสมควร สุดท้ายก็ได้ขึ้น มันหมุนกี่รอบเราก็ไม่รู้นะ รู้แต่ว่าเงินเราสองคน คนล่ะ 200 ทำไมมันหมดไวจังเบยยยยยย อ่ะชั่งมัน ความสุขกับเพื่อนเท่าไหร่ก็จ่ายยยยย พอมาถึงโคโค่วอล์ค อิปิก็กินเบียร์ ส่วนเราก็โค้กกับกับข้าวอีกสองสามอย่าง ก็เม้าท์กันไป นินทาโต๊ะข้างๆกันไป มีความสุขเลยแหละ ตอนนั้นก็เกือบตีหนึ่งล่ะ คนเริ่มทะยอยเช็คบิล เราก็เช็คบิลเหมือนกัน เราก็บอกก่ะอิปิ๊ว่าจะกลับห้องไงมุงอ่า ตั้งดอนเมือง นอนก่ะตรูก็ได้นะ คือห้องเราอยุ่ดินแดงไง ก็เลยเปนห่วงเพื่อน สุดท้ายอิปิ๊ก็มาห้องเรา ที่สำคัญมันไม่อาบน้ำนอน เราให้มันนอนข้างล่าง ส่วนเรานอนข้างบน เพราะเตียงเราเปนเตียงเดี่ยว ช่วงนั้นเราฮิตฟังเดอะช๊อคมากกกก เพราะอยู่คนเด่วมันเหงา ฟังจนติดจนแทนจะเล่าได้ทุกเรื่องอ่ะ เหนมีเพื่อนอยู่ด้วยก็เลยจัดสดเลยคืนนั้น ฟังสดไปเลย อิปิ๊ก็เริ่มแอคติ้ง กลัวผี กลัวนู่นกลัวนี่ ฟังๆไปห้องเงียบมากกก เราก็เลยแกล้งทำรีโมททีวีตกให้อิปิ๊ตกใจ สำเร็จ อิปิ๊ตกใจจริง กระโดดขึ้นมานอนทับเรา ล่ะขึ้นมานอนเบียดเราบนเตียงสามฟุต เราเองเห็นเปนเพื่อนก็ไม่ได้ว่าไร แต่เราเบี่ยงตัวตั้งแต่มันกระโดดขึ้นมาทับล่ะแหละ เพราะรู้สึกแปลกๆ สุดท้ายเราสละเตียงให้มันนอน เรานอนข้างล่างแทนนนนนน ยันเช้า ตื่นกันมาเกือบ 11 โมง วัยนั้นการไฟฟ้าดันงดจ่ายไฟอีก เราสองคนจึงต้องรีบสลายมาอาศัยไฟห้างกัน เรามากินก๊วยเตี๋ยวเรือกันที่สาวรีย์ ก็เลยตกลงจะดูหนังกันต่อ เรื่องที่ดูคือหนังผีกากๆที่มีนักแสดงอยู่ห้าหกคน เล่นวนไปวนมา แต่ก็มีฉากที่ทำให้เรากรี๊ดกันได้นิดหน่อย อิปิ๊กรี๊ดดังสุด เอากระเป๋าปิดหน้าปิดตา ดูไปดูมาหันมากอดกันซะงั้นเราสองคน บ้าไปแล้ววว อารมณ์พาไปๆ บอกก่ะตัวเอง สุดท้ายหนังจบ จำไม่ได้ว่าเรากอดกันไปกี่ยก ออกมาก็เพื่อนกันเหมือนเดิมมมมมมม เยนนั้นเราแยกย้ายกันสาวรีย์ เพราะเราต้องไปเรียนต่อตอนห้าโมงเยน หลังจากนั้นเราก็คุยไลน์กันตามปกติเช่นเดิม แต่พักหลังๆก็จะมีถามกันบ้างว่าตื่นยัง กินข้าวยัง ถึงห้องยัง เราสองคนไม่มีเบอร์โทหากัน จะติดต่อกันได้ก็แค่ไลน์เท่านั้น แต่อิปิ๊ก็ไม่เคยลืม ขอจุ๊บที่ก่อนนอนทุกคืน พักหลังๆเราก็เริ่มส่งสติ๊กให้บ้างเหมือนกัน ก่อนปีใหม่ เราสองคนตกลงกันว่าจะใช้คำพูดที่ดีต่อกัน จะไม่พูด มุง ตรู เชี่ย สึส กันอีกแล้ว จะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าอย่างอื่น อิปิ๊ใช้แทนตัวเองว่าเค้า เราก็เริ่มคุยกันดีมากขึ้น ช่วงระยะเวลานี้เราอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด ส่วนอิปิ๊ก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน จังหวัดเราสองคนใกล้กันค่ะ ขอพักมือแปปนึงนะคะ ใช้โทสับพิมพ์ เด่วมาต่อ อีกแปปนุง

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่