สุดซึ้ง!!ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย มะเร็งร้ายมิอาจพราก



“ผมเชื่อมั่นเสมอว่าไห๋เอี๋ยนจะต้องหาย ผมจะรอเธอ และนอกจากเธอ ชาตินี้ผมจะไม่ขอแต่งกับใคร”

คู่รักคู่หนึ่ง ในอำเภอเจ้าหยวน เมืองต้าชิ่ง ที่ได้ถ่ายรูปแต่งงาน เพื่อเตรียมเข้าสู่พิธีวิวาห์ของตน แต่แล้วชะตาชีวิตของพวกเขากลับพลิกผัน เมื่อก่อนถึงวันแต่งงานเพียงไม่นาน ว่าที่เจ้าสาวกลับพบว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว (ลูคิเมีย - Leukemia) อย่างกะทันหัน

ในฤดูเพาะปลูกที่เกษตรกรต่างสาละวนอยู่กับการหว่านเมล็ด เพาะต้นกล้า และทำการเพาะปลูก ทว่าครอบครัวหนึ่งในหมู่บ้านเหรินเหอ อำเภอเจ้าหยวนแห่งนี้กลับกำลังต้องพบเจอกับมรสุมชีวิต นายสี่ว์ เผิ่งหลิน ที่วันๆจะยืนพิงกำแพงหน้าบ้าน สูบบุหรี่ต่อเนื่องตัวแล้วตัวเล่า ด้วยวัยเพียง 47 ปี แต่ผมของเขากลับขาวไปก่อนวัยอันควรแล้ว

ความกลัดกลุ้มของเขา มาจากการที่สี่ว์ ไห่เอี๋ยนลูกสาวของเขาได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หลังจากที่รักษามาเป็นเวลาปีกว่า ค่าใช้จ่ายที่จ่ายออกไป ทำให้ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าจะแบกรับภาระนี้ต่อไปอย่างไร วันวานที่เคยเป็นครอบครัวที่สุขสบายตามอัตภาพ แต่บัดนี้กลับต้องกลายเป็นหนี้มหาศาล

เมื่อถามถึงลูกสาวคนนี้ คุณสี่ว์ก็ได้แต่ตอบว่า “ลูกของผมเพิ่งจะอายุ 22 ปี ทั้งที่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงาน จู่ๆกลับต้องมาป่วยหนักขนาดนี้ ชีวิตของเขาน่าสงสารจริงๆ”

เข้าไปในบ้าน เราก็พบสี่ว์ ไห่เอี๋ยนที่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลได้ 8 วัน เธอนอนอยู่บนเตียง มองไปที่รูปแต่งงานที่ไปถ่ายไว้ก่อนถึงวันเข้าพิธี แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเงียบๆ และเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าปกติ จึงต้องคาดผ้าปิดจมูกไว้ตลอดเวลา

สี่ว์ ไห่เอี๋ยนเล่าว่า “เมื่อต้นปี 2007 ฉันกับเจี่ยน จื้อจวงได้พบกันครั้งแรกในงานแต่งงาน ตอนนั้นฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว ส่วนเขาเป็นตากล้อง ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนซื่อ พูดไม่เก่งแต่ดูหนักแน่นจริงใจ ในตอนนั้นเขาเองก็คงสังเกตฉันอยู่เหมือนกัน พอถึงเดือนกุมภาพันธ์ เขาก็เลยลองส่งคนมาขอนัดดูตัว”

หลังจากนั้นเจี่ยน จื้อจวงเป็นชายหนุ่มจากหมู่บ้านตงต้า อำเภอโถวไถที่ห่างจากบ้านของสี่ว์ ไห่เอี๋ยนไปราว 5 กิโลเมตร ทำงานเป็นช่างอยู่ในอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในต้าชิ่ง เวลาที่เหลือจากการทำงาน ทั้ง 2 คนก็มักจะโทรศัพท์พูดคุยกันอยู่เสมอ

เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปลงใจต่อกัน ผู้ใหญ่ของทั้ง 2 บ้านก็ตกลงที่จะให้แต่งงานกันในช่วงต้นปี 2008 แต่นึกไม่ถึงว่า ห่างจากวันแต่งงานเพียง 1 เดือน จู่ๆสี่ว์ ไห่เอี๋ยนก็เป็นไข้ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผ่านไป 20 กว่าวันอาการก็ยังไม่ดีขึ้น


แต่เนื่องจากใกล้เวลาแต่งงานแล้ว ในช่วงเวลานั้น ทั้ง 2 คนจึงพยายามไปถ่ายรูปแต่งงานกัน ในขณะที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ สี่ว์ ไห่เอี๋ยนก็ได้เป็นลมล้มลง จนกระทั่งไปพบแพทย์ซึ่งเบื้องต้นก็สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับเลือด

รุ่งขึ้นครอบครัวของสี่ว์จึงได้พาลูกสาวไปทำการตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล และแล้วผลก็ออกมาว่าเธอเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน!!

ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ได้ผลักให้หนุ่มสาวที่กำลังจะเข้าสู่พิธีวิวาห์ต้องตกลงไปสู่ห้วงเหวแห่งความทุกข์ตรม หลังจากยืนยันผลการตรวจ แพทย์ได้ระบุว่าเธอต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทันที ซึ่งในเวลานั้นร่างกายของเธอครึ่งซีกไม่มีความรู้สึก แต่ละวันต้องคอยรักษาจนถึงกลางดึก โดยมีเจี่ยน จื้อจวงที่วิ่งเข้าวิ่งออกคอยช่วยดูแล จนสุดท้ายก็เหนื่อยฟุบหลับอยู่ข้างเตียงของผู้ป่วย

เมื่อสี่ว์ ไม่อาจเห็นเจี่ยนต้องเหน็ดเหนื่อยเพื่อเธออย่างนี้ทุกวัน จึงพูดกับเจี่ยนว่าทั้งน้ำตา “เราเลิกกันเถอะ คุณมาเฝ้าคนป่วยอย่างฉัน มันจะทำลายความสุขกับการงานของคุณเปล่าๆ ฉันคงยังไม่หายง่ายๆหรอก ฉันไม่อยากให้คุณต้องมาเดือดร้อน”

เจี่ยนได้ยินดังนั้น ก็ตอบกลับไปว่า “อย่าพูดอย่างนั้นสิ ผมจะรอคุณ รอจนคุณหายแล้วเราค่อยมาแต่งงานกัน”

ทว่าเรื่องราวก็ไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เพราะสี่ว์ยังรู้สึกว่าตนเอง ได้ทำลายอนาคตและความสุขของฝ่ายชาย เธอจึงพยายามยืนยันที่จะยกเลิกการหมั้นหมายที่มีต่อกันไว้ ไม่ว่าจะเป็นการขอให้คุณพ่อคุณแม่มาช่วยเกลี้ยกล่อม ให้เพื่อนๆ มาช่วยพูด แต่เจี่ยนก็ยังไม่ยอมรับปาก

สุดท้าย สี่ว์ ไห่เอี๋ยนจึงตัดสินใจ เลือกที่จะอดอาหาร ไม่ยอมกินยา เพื่อที่จะบีบให้เจี่ยนยอมเลิกกับเธอ....



ชาตินี้ไม่ขอแต่งกับใคร..นอกจากเธอ

แม้ว่าสี่ว์ ไห่เอี๋ยนจะพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้แฟนหนุ่มยอมยกเลิกสัญญาหมั้นหมายที่มีให้ ทว่าดูเหมือนทุกอย่างที่ทำลงไปก็ไม่มีผลอะไรต่อเจี่ยน จื้อจวงที่ยังคงยืนยันจะดูแล และอยู่เป็นเพื่อนไม่ว่าหญิงสาวจะพูดอะไรมา

และแล้ว ความจริงใจและการดูแลเอาใจใส่จากเจี่ยน ที่เป็นเสมือนกำลังใจที่ดีที่สุดนั้น ก็ได้ทำให้อาการของสี่ว์เริ่มดีวันดีคืน และสามารถควบคุมอาการของโรคได้ในระดับหนึ่ง ในคืนวันสุกดิบก่อนถึงตรุษจีน พวกเขานั่งฟังเสียงจุดประทัดฉลองอยู่ในห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล แล้วก็อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลง “วันที่ดี” ขึ้นมาด้วยกัน อย่างน้อยในวันที่ทุกข์ยากที่สุด พวกเขาก็สามารถผ่านมันมาด้วยกันได้

เจี่ยน ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ผมเชื่อมั่นเสมอว่าไห๋เอี๋ยนจะต้องหาย ผมจะรอเธอ และนอกจากเธอ ชาตินี้ผมจะไม่ขอแต่งกับใคร” ชายหนุ่มที่พูดไม่ค่อยเก่งคนนี้ เห็นว่าการนำเงินที่มีมาช่วยรักษาแฟนสาวและการทุ่มเทดูแลเอาใจใส่เธอให้ดีที่สุดนั้นเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเขา ขณะนี้ ชายหนุ่มเองก็ตั้งความหวังว่า อยากจะพยายามหาเงินให้ได้มากขึ้น เพื่อนำมารักษาแฟนสาวให้หายโดยเร็ว"

จากคำบอกเล่าของแพทย์ที่ทำการรักษา สี่ว์ ไห่เอี๋ยนป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวประเภท M3 ซึ่งมีโอกาสหายราว 90% เพียงแต่จะต้องมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงถึง 400,000 หยวน ( ราว 1,800,000 บาท) และแม้ว่าตระกูลสี่ว์ กับตระกูลเจี่ยนจะพยายามหายืมเงินจากทั่วทุกสารทิศอย่างไร เงินที่ได้มาก็มีจำนวนเพียง 100,000 กว่าหยวนเท่านั้น ซึ่งเงินจำนวนนี้ สามารถใช้ได้เพียงการรักษาอาการขั้นต้น

ชาวบ้านที่ได้ยินเรื่องราวของพวกเขา จึงเริ่มที่จะช่วยกันขอรับบริจาคให้กับสี่ว์ กิจกรรมในครั้งนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็สามารถออกไปขอบริจาคจากเจ้าหน้าทีรัฐ ชาวบ้าน ครู และนักเรียนในโรงเรียน แพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจนได้เงินมานับหมื่นหยวน และในขณะนี้ผู้คนก็ยังคงช่วยกันหาเงินเพื่อมาช่วยเหลือเธอ พร้อมนำเอาเรื่องราวความรักอันลึกซึ้งตรึงใจนี้เผยแพร่ต่อๆกันออกไป..









เรียบเรียงจาก เว็บไซต์ตงเป่ย www.northeast.com.cn
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9510000050415

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่