ตอนนี้เครียดมากๆ อยากระบาย เรื่องพ่อของลูกห่วยแตก (เรื่องเยอะเลย บอกก่อน)
ณ วันนี้ ตอนนี้ เราหดหู่และเสียความรู้สึกกับคนที่เป็นพ่อของลูกมากๆ มันไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ถามตัวเองตลอด ในวันที่มันทิ้งเรากับลูกไปในครั้งแรก เรายอมให้มันกลับมาในชีวิตพวกเราแม่ลูกทำไม
มันไม่ได้กลับมาทำให้อะไรดีขึ้น แต่มันกลับเข้ามาเพื่อทำให้เสียความรู้สึกมากกว่าเดิม
คนเราจะได้อยู่กันนานหรือเปล่าดูไม่ยาก ดูยามทุกข์พอ
เราตอนนี้คงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว(อีกครั้ง) หลังจากเจอปัญหาใหญ่ไปเมื่อ 2 ปีก่อน
(ตรวจเจอว่าลูกคนโตเป็นออทิสติกและพ่อของลูกไปทำผู้หญิงท้อง ) อะไรๆกำลังจะดี เข้าที่เข้าทาง
เมื่อต้นเดือน ธันวา ปี57 ที่ผ่านมา ลูกเราคนเล็กตรวจเจอว่าเป็นลูคีเมีย(มะเร็งเม็ดเลือดขาวALL) มันเป็นอะไรที่รวดเร็วมากๆ มากจนตั้งรับไม่ทัน
ตอนนี้ลูกคนเล็กรับการรักษาโดยให้คีโม ทั้งหมด 5 คอสใหญ่ กับ9อาทิตย์ย่อย
แต่ละคอสให้ยาต่างกันไป และระยะเวลาต่างกัน ช่วงแรกๆก็นัดถี่ๆ
ตอนนี้ลูกเราผ่านมา 2 คอสแล้ว กำลังเริ่มคอส 3 เป็นคอสที่เราเป็นห่วงมากๆ
เพราะเห็นตัวยาและประสบการณ์ของคนอื่นแล้วบอกเลยทำเราจิตตก
คอส 3 ให้เพิ่มตัวยาแรงมากขึ้น มีเด็กหลายๆคนต้องเข้า icu เพราะคอสนี้
แล้วส่วนมากทุกคนมีทั้งพ่อแม่หรือญาติคอยดูแลอย่างเต็มที่ เพราะต้องเฝ้าระวังอาการทั้งที่บ้านและที่โรงบาล
ต้องระวังการติดเชื้อจากโรคต่างๆ เพราะภูมิจะต่ำมาก
เราไม่มีใคร นอกจากแม่เรา และแม่เราก็ทำงานแถมมีโรคประจำตัวคือภูมิแพ้ เป็นหวัดก็ง่าย
ส่วนลูกเราคนโตเป็นออทิสติกก็ต้องไปหาหมออาทิตย์ละครั้ง ลูกคนโตเรายังให้พี่เลี้ยงช่วยดูได้บ้าง
แต่ก็ไม่ได้ตลอดเพราะพี่เลี้ยงก็ป่วยมีโรคประจำตัว(เส้นเลือดในสมองตีบ)
ทุกวันนี้เหมือนเราคนเดียวที่ดูแลลูกๆทั้ง 2 คน
บางทีเพื่อนเราก็มาช่วยดูแลลูกให้บ้าง เวลาที่เราต้องพาลูกคนใดคนนึงไปหาหมอ
เราเคยบอกพ่อของลูกนะ ให้ช่วยกันบ้าง
ถ้าเราไม่ว่าง เราจะโทรบอกเค้าก่อนตลอด แต่รู้มั้ยเราได้อะไรกลับมา
ได้คำ

ที่มันไป

ที่ทำงานว่าพาลูกไปหาหมอ แต่มันไม่เคยโผล่หัวมา
ตั้งแต่สิ้นปี มีแค่ 2 ครั้งที่มันมาดูลูกแทนเรา คือวันที่ลูกคนเล็กต้องไปนอนให้คีโมคอส 2 และอีกทีคือเรามีนัดเรื่องงาน และเราไม่เคยเห็นหัวมันอีกเลย
ความจริงมันจะไปทำอะไรที่ไหนเราก็ไม่ได้สนใจนะ ถ้าไม่ตรงกับวันที่ลูกคนใดคนนึงต้องไปโรงบาล
หรือตรงวันที่ต้องโอนเงิน(ให้เดือนละ 7พัน สำหรับลูก2คน ที่เหลือบ้านเรารับไป)
แต่ไม่มีสักครั้งที่มันจะมีความรับผิดชอบพอที่จะทำอะไรให้ลูกๆได้ ที่ร้ายกว่านั้นคือบอกที่บ้านกับที่ทำงานว่าจะมารับลูกไปหาหมอ
แต่ป่าวเลยมันไม่เคยมา ยิ่งระยะหลัง เราพาลูกไปเองตลอด เพราะเหนื่อยและไม่อยากเสียความรู้สึกกับคนอย่างมัน
คนเรามันก็แปลกหมามันยังรักลูก แต่คนกลับทำตัวต่ำกว่าหมา
เราไม่เคยมีปัญหาอะไรส่วนตัวเรื่องเรากับมันมานานแล้ว เพราะเรารู้ว่ามันไปกันไม่ได้ แต่เรื่องลูกมันก็ไม่เคยมีปัญญาทำให้ดี
ตอนสิ้นปีที่รู้ว่าลูกเป็นมะเร็งและต้องรักษาตัว ลูกเราคนเล็กต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน
ส่วนลูกเราคนโตแม่เรากับพี่เลี้ยงคอยดูแลให้ ระหว่างที่ลูกรักษาตัว เราขอร้องให้พ่อของลูกมาช่วยดูลูกให้หน่อยระหว่างที่เราไปเคลียงาน
แค่จันทร์-ศุกร์ตอนเช้า-เย็น ที่ทำงานพ่อของลูกอนุญาต แต่มันไม่เคยมาตรงเวลาเลยสักครั้ง
เราเข้างาน 10 โมงเช้า โรงบาลกับที่ทำงานเราห่างกัน 5 นาที / บ้านแฟนกับโรงบาลห่างกัน 15 นาที แต่มันไม่เคยมาโรงบาลทัน 10 โมงสักวันเดียว
เราโทรตามนะ แต่ประมาณ 9 โมงครึ่งอ่ะเราถึงโทร แต่กลายเป็นเราโดนที่บ้านมันด่าว่าเราโทรจิก แต่เค้าไม่ดูเลยว่ามันกี่โมงแล้ว มันสายแล้วเราถึงโทร
เวลามาดูลูก ไม่เคยซื้ออะไรติดมือมาเลย โจ้กก็ยังดี เพราะลูกกินได้แน่นอน
ขนาดแม่เราทำกลับข้าวมาให้ลูกเราที่โรงพยาบาล แต่มันเป็นคนเฝ้าลูกมันยังไม่มีปัญญาจะตักให้ลูกกินเลย
วันๆนั่งแต่เล่นเกมส์มือถือ ลูกดึงสายน้ำเกลือเลือดไหลมันยังไม่รู้เลยเชื่อป่ะ
นับๆที่ลูกนอนโรงบาลเกือบเดือนมันมาเฝ้าลูกไม่เกิน 10 วัน
มารับลูกออกจากโรงบาล 2 ครั้ง นอกนั้นนั่งเล่นเกมส์ และไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัว
ที่ทำงานเค้าให้มันหยุดดูลูกเป็นเดือน โน่นถึงกลางๆมกราอ่ะมันถึงได้ทำงาน
แต่ลูกคนเล็กออกจากโรงบาลตอนสิ้นปี เราก็ไม่เคยเห็นหัวมันอีกเลย จนวันที่ 25 มกรา ที่ผ่านมา
และสุดท้ายเราก็ต้องลาออกจากงาน เพราะเราก็ทำงานให้เค้าได้ไม่เต็มที่ เราต้องลางานพาลูกมานอนให้คีโม ไหนจะเดินเรื่องเอกสารส่งตัวลูก
และลูกเราก็จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิด งานที่รักของเราจบไป เรายอมได้แลกได้ ขอให้ลูกเราอยู่กับเราไปนานก็พอ (ทุกวันนี้ทำเว็บไซด์อยู่ที่บ้าน)
เราไม่รู้ว่าคนมันจะมีความรักความสงสารให้ลูกมันมั้ย
ลูกคนเล็กต้องอยู่กับเราแทบจะตลอดเวลา ไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกที่ไหนเพราะต้องระวังการติดเชื้อ
เท่ากับลูกคนโตก็ไม่ได้ไปไหนด้วย ลูกคนโตเรียนหนังสือ จ-ศ/ อังคารไปฝึกพัฒนาการ / ส-อา อยู่บ้าน
เราเคยคุยกับพ่อของลูกนะ อยากให้เอาลูกคนโตไปดูวันเสาร์อาทิตย์ เราสงสารลูกคนโตไม่ได้ไปไหนเลย
และลูกก็รู้จักพ่อ แต่เชื่อเหอะ เหมือนสีซอให้ควายฟัง ถ้าปู่ไม่ได้ไปทำบุญก็อย่าคิดว่าพ่อมันจะพาลูกไปไหน
มันไม่เคยแม้แต่จะมีความคิดมารับลูกไปเที่ยวเองเลย รถมันก็มี แต่มันมีรถไว้ไปเที่ยวสำราญใจตัวเอง ไม่ก็นั่งเล่นเกมส์น่าคอมทั้งวัน
ถ้าอาทิตย์ไหน เราดูลูกพร้อมกันไม่ไหวจริงๆ เราจะให้แม่เราขับรถพาลูกคนโตไปส่งให้
แต่พอถึงเวลาไปรับกลับ แม่เราปวดใจทุกที วันเสาร์ใส่ชุดไหนไป เย็นวันอาทิตย์ไปรับกลับมาชุดเดิม
บางวันมีของแถมเล็บมือดำปี๋ ขี้มูกเกรอะเต็มหน้า คือเราไม่รู้ว่ามันไม่คิดอาบน้ำให้ลูกบ้างเลยเหรอ
วันๆมันทำบ้าอะไร เราว่ามันเกินไป นี่ถ้าไม่ได้ปู่ก็ไม่รู้ลูกเราจะได้กินข้าวมั้ย
พี่เราเคยบอกให้เอาลูก 2 คนไปทิ้งไว้ที่บ้านมันเลย ให้มันรุ้ว่าเลี้ยงเด็กป่วยมันเป็นไง
เราบอกเราทำไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่ดูแลอยู่ดี คนซวยก็คือตัวลูก
และเราเชื่อว่ามันก็ทิ้งลูกได้ด้วย เพราะมันก็เคยทำมาแล้ว
เราคิดนะที่ลูกเราทั้ง 2 คนป่วย มันเป็นกรรมของเรากับลูกเรา แต่มันไม่ใช่กรรมของพ่อมันแน่นอน
เพราะมันไม่เคยทุกข์ร้อนอะไรเรื่องลูกเลยสักอย่าง เราซ่ะอีกที่ทุกข์ใจ ส่วนลูกก็ทุกข์กายเพราะเจ็บปวด
ทำไมนะไม่เป็นเราหรือพ่อมันที่ต้องมาเจ็บแทนลูก
เราถามตัวเองนะ ถ้าลูกนอนโรงบาลเราจะมีจิตใจไปเที่ยวมีความสุขมั้ย
เรากล้าตอบเลยว่าเราไม่มี แต่พ่อมันทำได้ บางทีไม่แม้แต่จะโทรถามอาการหรือวันที่ลูกต้องไปรักษาตัวด้วยซ้ำ
เราเจอพ่อแม่ที่ลูกป่วยเป็นมะเร็ง ส่วนมากเค้ารู้หมดลูกต้องให้ยาอะไร กินยาอะไร ตอนไหน
มีผลยังไงกับร่างกาย คือพ่อแม่ส่วนมากให้ความสนใจและตั้งใจดูแลลูกอย่างดี แต่นี่มันไม่รู้อะไรเลย ชื่อลูกมันยังจำไม่ได้เลย ตลกป่ะ
เราชอบคำพูดของหมอ ที่หมอบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องการรักษามะเร็งของลูกหรอก ปล่อยเป็นหน้าที่ของหมอ
คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจดูแลร่างกายและจิตใจลูกระหว่างที่รักษาตัวให้ดีที่สุด แต่คำพูดนี้คงไม่เข้าไปในส่วนสมองของพ่อของลูกเราเลย
เรารู้เราต้องดูแลลูกเราได้ แต่มันไม่ง่ายหรอกนะกับเรื่องทางกาย ลูก 2 คนที่ป่วยแบบนี้
ลูกคนโตเรายังไม่ห่วงเท่าไหร่ แต่ลูกคนเล็กเราห่วงมาก หมอเองก็แนะนำให้แยกลูกคนโตออกจากคนเล็กเพราะลูกคนโตป่วยบ่อยและไปโรงเรียน
ซึ่งสามารถเอาเชื้อโรคมาติดน้องได้ และน่ากลัวมากคือไข้หวัดใหญ่ , อีสุกอีใส 2โรคนี้ถ้าลูกคนเล็กเราติดเข้าไป ก็คือจบ
ส่วนเรื่องทางใจ เราห่วงลูกคนโตมากกว่า เพราะเห็นแม่ใส่ใจอยู่กับน้องตลอด และเค้าก็ไม่เข้าใจว่าน้องป่วย
แม่เลยต้องดูแล กลัวเค้าจะคิดทำไมอยู่บ้านเดียวกัน แต่ลูกคนโตต้องอยู่กับพี่เลี้ยง ทำไมไม่ได้ใกล้ชิดแม่
เราอยากอยู่กับลุกคนโตบ้างแต่มันลำบาก ถ้าเค้าป่วยเราก็ต้องกลัวจะไปติดน้อง
อยากพาเค้าไปเที่ยวเล่นก็ไม่ได้ ไม่มีคนดูลูกคนเล็ก มันเครียดนะ เพราะลูกไม่เข้าใจ
อยากบอกคุณพ่อหรือว่าที่คุณพ่อหลายๆคน อย่าคิดว่าการดูแลลูกยามเจ็บป่วยคือหน้าที่ของคนเป็นแม่เพียงอย่างเดียว วันนึงลูกคุณเป็นอะไรหนักขึ้นมา คุณอย่ามาเสียใจว่าทำไมไม่ยอมช่วยดูแล บางสิ่งมันแก้ไขได้ แต่บางอย่างมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ทุกวันนี้เห็น single mom มีเพิ่มเยอะขึ้นๆ ไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
หรือมันมาจากการที่ผู้หญิงอย่างเรา พอถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้วก็เลือกจะอยู่กับลูก โดยไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ผู้ชายชั่วๆออกไปจากชีวิตพอ
แล้วผู้ชายชั่วๆพวกนี้ก็ไปทำแบบเดิมๆอีกเป็นวัฏจักรวนเวียนไปเรื่อยๆ เสียดายกฏหมายบ้านเราเรื่องครอบครัวมันอ่อนเกินไป ไม่งั้นคงได้เห็นผู้ชายดีๆเยอะกว่าที่เป็นอยู่
เครียดค่ะ ขอพื้นที่ระบาย พ่อของลูกห่วยแตก
ณ วันนี้ ตอนนี้ เราหดหู่และเสียความรู้สึกกับคนที่เป็นพ่อของลูกมากๆ มันไม่ใช่ครั้งแรก และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ถามตัวเองตลอด ในวันที่มันทิ้งเรากับลูกไปในครั้งแรก เรายอมให้มันกลับมาในชีวิตพวกเราแม่ลูกทำไม
มันไม่ได้กลับมาทำให้อะไรดีขึ้น แต่มันกลับเข้ามาเพื่อทำให้เสียความรู้สึกมากกว่าเดิม
คนเราจะได้อยู่กันนานหรือเปล่าดูไม่ยาก ดูยามทุกข์พอ
เราตอนนี้คงเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว(อีกครั้ง) หลังจากเจอปัญหาใหญ่ไปเมื่อ 2 ปีก่อน
(ตรวจเจอว่าลูกคนโตเป็นออทิสติกและพ่อของลูกไปทำผู้หญิงท้อง ) อะไรๆกำลังจะดี เข้าที่เข้าทาง
เมื่อต้นเดือน ธันวา ปี57 ที่ผ่านมา ลูกเราคนเล็กตรวจเจอว่าเป็นลูคีเมีย(มะเร็งเม็ดเลือดขาวALL) มันเป็นอะไรที่รวดเร็วมากๆ มากจนตั้งรับไม่ทัน
ตอนนี้ลูกคนเล็กรับการรักษาโดยให้คีโม ทั้งหมด 5 คอสใหญ่ กับ9อาทิตย์ย่อย
แต่ละคอสให้ยาต่างกันไป และระยะเวลาต่างกัน ช่วงแรกๆก็นัดถี่ๆ
ตอนนี้ลูกเราผ่านมา 2 คอสแล้ว กำลังเริ่มคอส 3 เป็นคอสที่เราเป็นห่วงมากๆ
เพราะเห็นตัวยาและประสบการณ์ของคนอื่นแล้วบอกเลยทำเราจิตตก
คอส 3 ให้เพิ่มตัวยาแรงมากขึ้น มีเด็กหลายๆคนต้องเข้า icu เพราะคอสนี้
แล้วส่วนมากทุกคนมีทั้งพ่อแม่หรือญาติคอยดูแลอย่างเต็มที่ เพราะต้องเฝ้าระวังอาการทั้งที่บ้านและที่โรงบาล
ต้องระวังการติดเชื้อจากโรคต่างๆ เพราะภูมิจะต่ำมาก
เราไม่มีใคร นอกจากแม่เรา และแม่เราก็ทำงานแถมมีโรคประจำตัวคือภูมิแพ้ เป็นหวัดก็ง่าย
ส่วนลูกเราคนโตเป็นออทิสติกก็ต้องไปหาหมออาทิตย์ละครั้ง ลูกคนโตเรายังให้พี่เลี้ยงช่วยดูได้บ้าง
แต่ก็ไม่ได้ตลอดเพราะพี่เลี้ยงก็ป่วยมีโรคประจำตัว(เส้นเลือดในสมองตีบ)
ทุกวันนี้เหมือนเราคนเดียวที่ดูแลลูกๆทั้ง 2 คน
บางทีเพื่อนเราก็มาช่วยดูแลลูกให้บ้าง เวลาที่เราต้องพาลูกคนใดคนนึงไปหาหมอ
เราเคยบอกพ่อของลูกนะ ให้ช่วยกันบ้าง
ถ้าเราไม่ว่าง เราจะโทรบอกเค้าก่อนตลอด แต่รู้มั้ยเราได้อะไรกลับมา
ได้คำ
ตั้งแต่สิ้นปี มีแค่ 2 ครั้งที่มันมาดูลูกแทนเรา คือวันที่ลูกคนเล็กต้องไปนอนให้คีโมคอส 2 และอีกทีคือเรามีนัดเรื่องงาน และเราไม่เคยเห็นหัวมันอีกเลย
ความจริงมันจะไปทำอะไรที่ไหนเราก็ไม่ได้สนใจนะ ถ้าไม่ตรงกับวันที่ลูกคนใดคนนึงต้องไปโรงบาล
หรือตรงวันที่ต้องโอนเงิน(ให้เดือนละ 7พัน สำหรับลูก2คน ที่เหลือบ้านเรารับไป)
แต่ไม่มีสักครั้งที่มันจะมีความรับผิดชอบพอที่จะทำอะไรให้ลูกๆได้ ที่ร้ายกว่านั้นคือบอกที่บ้านกับที่ทำงานว่าจะมารับลูกไปหาหมอ
แต่ป่าวเลยมันไม่เคยมา ยิ่งระยะหลัง เราพาลูกไปเองตลอด เพราะเหนื่อยและไม่อยากเสียความรู้สึกกับคนอย่างมัน
คนเรามันก็แปลกหมามันยังรักลูก แต่คนกลับทำตัวต่ำกว่าหมา
เราไม่เคยมีปัญหาอะไรส่วนตัวเรื่องเรากับมันมานานแล้ว เพราะเรารู้ว่ามันไปกันไม่ได้ แต่เรื่องลูกมันก็ไม่เคยมีปัญญาทำให้ดี
ตอนสิ้นปีที่รู้ว่าลูกเป็นมะเร็งและต้องรักษาตัว ลูกเราคนเล็กต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือน
ส่วนลูกเราคนโตแม่เรากับพี่เลี้ยงคอยดูแลให้ ระหว่างที่ลูกรักษาตัว เราขอร้องให้พ่อของลูกมาช่วยดูลูกให้หน่อยระหว่างที่เราไปเคลียงาน
แค่จันทร์-ศุกร์ตอนเช้า-เย็น ที่ทำงานพ่อของลูกอนุญาต แต่มันไม่เคยมาตรงเวลาเลยสักครั้ง
เราเข้างาน 10 โมงเช้า โรงบาลกับที่ทำงานเราห่างกัน 5 นาที / บ้านแฟนกับโรงบาลห่างกัน 15 นาที แต่มันไม่เคยมาโรงบาลทัน 10 โมงสักวันเดียว
เราโทรตามนะ แต่ประมาณ 9 โมงครึ่งอ่ะเราถึงโทร แต่กลายเป็นเราโดนที่บ้านมันด่าว่าเราโทรจิก แต่เค้าไม่ดูเลยว่ามันกี่โมงแล้ว มันสายแล้วเราถึงโทร
เวลามาดูลูก ไม่เคยซื้ออะไรติดมือมาเลย โจ้กก็ยังดี เพราะลูกกินได้แน่นอน
ขนาดแม่เราทำกลับข้าวมาให้ลูกเราที่โรงพยาบาล แต่มันเป็นคนเฝ้าลูกมันยังไม่มีปัญญาจะตักให้ลูกกินเลย
วันๆนั่งแต่เล่นเกมส์มือถือ ลูกดึงสายน้ำเกลือเลือดไหลมันยังไม่รู้เลยเชื่อป่ะ
นับๆที่ลูกนอนโรงบาลเกือบเดือนมันมาเฝ้าลูกไม่เกิน 10 วัน
มารับลูกออกจากโรงบาล 2 ครั้ง นอกนั้นนั่งเล่นเกมส์ และไปเที่ยวหาความสุขใส่ตัว
ที่ทำงานเค้าให้มันหยุดดูลูกเป็นเดือน โน่นถึงกลางๆมกราอ่ะมันถึงได้ทำงาน
แต่ลูกคนเล็กออกจากโรงบาลตอนสิ้นปี เราก็ไม่เคยเห็นหัวมันอีกเลย จนวันที่ 25 มกรา ที่ผ่านมา
และสุดท้ายเราก็ต้องลาออกจากงาน เพราะเราก็ทำงานให้เค้าได้ไม่เต็มที่ เราต้องลางานพาลูกมานอนให้คีโม ไหนจะเดินเรื่องเอกสารส่งตัวลูก
และลูกเราก็จำเป็นต้องมีคนดูแลใกล้ชิด งานที่รักของเราจบไป เรายอมได้แลกได้ ขอให้ลูกเราอยู่กับเราไปนานก็พอ (ทุกวันนี้ทำเว็บไซด์อยู่ที่บ้าน)
เราไม่รู้ว่าคนมันจะมีความรักความสงสารให้ลูกมันมั้ย
ลูกคนเล็กต้องอยู่กับเราแทบจะตลอดเวลา ไม่ได้ออกไปเที่ยวข้างนอกที่ไหนเพราะต้องระวังการติดเชื้อ
เท่ากับลูกคนโตก็ไม่ได้ไปไหนด้วย ลูกคนโตเรียนหนังสือ จ-ศ/ อังคารไปฝึกพัฒนาการ / ส-อา อยู่บ้าน
เราเคยคุยกับพ่อของลูกนะ อยากให้เอาลูกคนโตไปดูวันเสาร์อาทิตย์ เราสงสารลูกคนโตไม่ได้ไปไหนเลย
และลูกก็รู้จักพ่อ แต่เชื่อเหอะ เหมือนสีซอให้ควายฟัง ถ้าปู่ไม่ได้ไปทำบุญก็อย่าคิดว่าพ่อมันจะพาลูกไปไหน
มันไม่เคยแม้แต่จะมีความคิดมารับลูกไปเที่ยวเองเลย รถมันก็มี แต่มันมีรถไว้ไปเที่ยวสำราญใจตัวเอง ไม่ก็นั่งเล่นเกมส์น่าคอมทั้งวัน
ถ้าอาทิตย์ไหน เราดูลูกพร้อมกันไม่ไหวจริงๆ เราจะให้แม่เราขับรถพาลูกคนโตไปส่งให้
แต่พอถึงเวลาไปรับกลับ แม่เราปวดใจทุกที วันเสาร์ใส่ชุดไหนไป เย็นวันอาทิตย์ไปรับกลับมาชุดเดิม
บางวันมีของแถมเล็บมือดำปี๋ ขี้มูกเกรอะเต็มหน้า คือเราไม่รู้ว่ามันไม่คิดอาบน้ำให้ลูกบ้างเลยเหรอ
วันๆมันทำบ้าอะไร เราว่ามันเกินไป นี่ถ้าไม่ได้ปู่ก็ไม่รู้ลูกเราจะได้กินข้าวมั้ย
พี่เราเคยบอกให้เอาลูก 2 คนไปทิ้งไว้ที่บ้านมันเลย ให้มันรุ้ว่าเลี้ยงเด็กป่วยมันเป็นไง
เราบอกเราทำไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่ดูแลอยู่ดี คนซวยก็คือตัวลูก
และเราเชื่อว่ามันก็ทิ้งลูกได้ด้วย เพราะมันก็เคยทำมาแล้ว
เราคิดนะที่ลูกเราทั้ง 2 คนป่วย มันเป็นกรรมของเรากับลูกเรา แต่มันไม่ใช่กรรมของพ่อมันแน่นอน
เพราะมันไม่เคยทุกข์ร้อนอะไรเรื่องลูกเลยสักอย่าง เราซ่ะอีกที่ทุกข์ใจ ส่วนลูกก็ทุกข์กายเพราะเจ็บปวด
ทำไมนะไม่เป็นเราหรือพ่อมันที่ต้องมาเจ็บแทนลูก
เราถามตัวเองนะ ถ้าลูกนอนโรงบาลเราจะมีจิตใจไปเที่ยวมีความสุขมั้ย
เรากล้าตอบเลยว่าเราไม่มี แต่พ่อมันทำได้ บางทีไม่แม้แต่จะโทรถามอาการหรือวันที่ลูกต้องไปรักษาตัวด้วยซ้ำ
เราเจอพ่อแม่ที่ลูกป่วยเป็นมะเร็ง ส่วนมากเค้ารู้หมดลูกต้องให้ยาอะไร กินยาอะไร ตอนไหน
มีผลยังไงกับร่างกาย คือพ่อแม่ส่วนมากให้ความสนใจและตั้งใจดูแลลูกอย่างดี แต่นี่มันไม่รู้อะไรเลย ชื่อลูกมันยังจำไม่ได้เลย ตลกป่ะ
เราชอบคำพูดของหมอ ที่หมอบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องการรักษามะเร็งของลูกหรอก ปล่อยเป็นหน้าที่ของหมอ
คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจดูแลร่างกายและจิตใจลูกระหว่างที่รักษาตัวให้ดีที่สุด แต่คำพูดนี้คงไม่เข้าไปในส่วนสมองของพ่อของลูกเราเลย
เรารู้เราต้องดูแลลูกเราได้ แต่มันไม่ง่ายหรอกนะกับเรื่องทางกาย ลูก 2 คนที่ป่วยแบบนี้
ลูกคนโตเรายังไม่ห่วงเท่าไหร่ แต่ลูกคนเล็กเราห่วงมาก หมอเองก็แนะนำให้แยกลูกคนโตออกจากคนเล็กเพราะลูกคนโตป่วยบ่อยและไปโรงเรียน
ซึ่งสามารถเอาเชื้อโรคมาติดน้องได้ และน่ากลัวมากคือไข้หวัดใหญ่ , อีสุกอีใส 2โรคนี้ถ้าลูกคนเล็กเราติดเข้าไป ก็คือจบ
ส่วนเรื่องทางใจ เราห่วงลูกคนโตมากกว่า เพราะเห็นแม่ใส่ใจอยู่กับน้องตลอด และเค้าก็ไม่เข้าใจว่าน้องป่วย
แม่เลยต้องดูแล กลัวเค้าจะคิดทำไมอยู่บ้านเดียวกัน แต่ลูกคนโตต้องอยู่กับพี่เลี้ยง ทำไมไม่ได้ใกล้ชิดแม่
เราอยากอยู่กับลุกคนโตบ้างแต่มันลำบาก ถ้าเค้าป่วยเราก็ต้องกลัวจะไปติดน้อง
อยากพาเค้าไปเที่ยวเล่นก็ไม่ได้ ไม่มีคนดูลูกคนเล็ก มันเครียดนะ เพราะลูกไม่เข้าใจ
อยากบอกคุณพ่อหรือว่าที่คุณพ่อหลายๆคน อย่าคิดว่าการดูแลลูกยามเจ็บป่วยคือหน้าที่ของคนเป็นแม่เพียงอย่างเดียว วันนึงลูกคุณเป็นอะไรหนักขึ้นมา คุณอย่ามาเสียใจว่าทำไมไม่ยอมช่วยดูแล บางสิ่งมันแก้ไขได้ แต่บางอย่างมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ทุกวันนี้เห็น single mom มีเพิ่มเยอะขึ้นๆ ไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
หรือมันมาจากการที่ผู้หญิงอย่างเรา พอถึงจุดที่ทนไม่ไหวแล้วก็เลือกจะอยู่กับลูก โดยไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น ขอแค่ให้ผู้ชายชั่วๆออกไปจากชีวิตพอ
แล้วผู้ชายชั่วๆพวกนี้ก็ไปทำแบบเดิมๆอีกเป็นวัฏจักรวนเวียนไปเรื่อยๆ เสียดายกฏหมายบ้านเราเรื่องครอบครัวมันอ่อนเกินไป ไม่งั้นคงได้เห็นผู้ชายดีๆเยอะกว่าที่เป็นอยู่