บ้านเราค่อนข้างจะมีอยู่มีกินนะคะ เราเป็นคน ตจว. พ่อเป็นผู้นำหมู่บ้าน มีที่ดินทำกินหลักหลายร้อยไร่ เรามีพี่น้อง3คน ตัวเราเป็นคนที่สองและเป็นผู้หญิงคนเดียว
พ่อเราจะเน้นงานนอกบ้านงานสังคมซะส่วนใหญ่ อันนี้เราเข้าใจค่ะ... มาจุดนี้เรื่องของประชาชนย่อมสำคัญกว่า
ส่วนแม่จะเป็นคนจัดการงานในบ้าน ครอบครัว ทุกเรื่อง ดูเหมือนจะดีนะคะ ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
ก่อนหน้านี้เราทำงานอยู่ กทม.ค่ะ ทำงานด้วยเรียนด้วย ก็เพราะตั้งแต่เรียนมัธยมมา เราขอเงินแม่ทีไรจะได้ยินแต่คำว่า ให้ออกเรียน ไม่มีเงินส่ง ค่าใช้จ่ายเยอะ เราทำงานด้วยเรียนรามด้วย ถีบตัวเองจนจบ ป.ตรี ตอนนี้เราจบแบบหน่วยกิจครบ แต่ยังไม่ไปยื่นเรื่องจบ อ้อ...เรามีแฟนนะคะ คนบ้านเดียวกัน เราแอบอยู่ด้วยกันที่ กทม แฟนเราเรียนจบ ป.ตรี ที่รามเช่นกัน จบก่อนมา2ปีแล้ว พอหน่วยกิจครบ สอบผ่าน แฟนเราก็ชวนกลับมาอยู่ ตจว. เนื่องจากเราทำงานเป็นลูกจ้างเงินรายได้จากหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง สัญญาจ้างเหมา3ปี สิ้ยสุดสัญญาพอดีเราเลย กลับ ตจว. บ้านแฟนก็มีไร่สวนเยอะ เกือบพันไร่ แฟนจะกลับมาทำเกษตรค่ะ กลับมาอยู่เฉยๆได้ 1เดือน ก็มีงานทำ ได้เงินวันละ300 ทำครึ่งวัน แล้วแฟนเราก็ให้พ่อแม่มาขอหมั้น และจะแต่งกัน ด้วยเงินสินสอดของฝ่ายชายทั้งหมด
เรามีกำหนดการแต่งงานปลายเดือนกุมภานี้ เงินที่เราทำงานได้วันละ300 ก็พยายามเก็บแต่ไม่เหลือเพราะเอาไปจ่ายค่ามัดจำต่างๆ ค่าพิมการ์ด
มาวันนี้เราจะไป กทม.ค่ะ ไปยื่นเรื่องขอจบด้วย ไปแจกการ์ดเชิญ ไปซื้อชองชำร่วย แม่บอกเราไว้ว่า ค่าจัดงานต้องสำรองจ่ายให้ก่อน แล้วแต่งเสร็จ ก็เอาเงินผูกแขนมาคืนให้ ถ้าไม่พอก็หักจากค่าสินสอด (พ่อแม่เราบอกว่าจะยกค่าสินสอดให้ทำทุนทั้งหมด)
เราจะเอาเงินไปซื้อของชำร่วยที่สำเพ็งค่ะ เพราะเห็นว่าเป็นแหล่งส่ง และน่าจะถูก แม่เราก็พูดว่า ต่าใช้จ่ายเยอะแยะ จัดงานก็ไม่เหลือเงินหรอก พวกจะเอาเงินที่ไหนไปทำทุนกัน กูไม่อยากจัดงาน กูเบื่อตรงนี้แหละ เรื่องเยอะ กูไม่มีเงินหรอกนะ สร้างบ้านให้พี่ก็หมดไป 3 4 แสนแล้ว ไหนจะลูกเมียมันอีก (พี่ชายทำแฟนเค้าท้องค่ะ ทางบ้าน ผญ.เค้าเรียกแสนนึง ก็ไปแต่งแล้วเมื่อเดือนก่อน) แล้วก็ว่าเราเรื่องเรียน ว่าจบแล้วไม่ยอมไปยื่นเรื่องสักที ถ้าเขาเปิดสอบ จะเอาอะไรไปสอบ ไม่กระตือรือร้น
สุดท้ายแล้ว..สรุปว่าเวลาก็ผ่านไป เราไม่ได้ไปยื่นเรื่องจบ ไม่ได้ไปแจกการ์ด ไม่ได้ไปซื้อของชำร่วย ทั้งๆที่วันงานจะมาถึง
ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน ได้แต่นอนร้องไห้
มีใครบ้างไหม ที่คนในครอบครัว ไม่เข้าใจมาโดยตลอด แม้จะเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิตเรา...แต่ไม่ได้สำคัญกับชีวิตท่าน
พ่อเราจะเน้นงานนอกบ้านงานสังคมซะส่วนใหญ่ อันนี้เราเข้าใจค่ะ... มาจุดนี้เรื่องของประชาชนย่อมสำคัญกว่า
ส่วนแม่จะเป็นคนจัดการงานในบ้าน ครอบครัว ทุกเรื่อง ดูเหมือนจะดีนะคะ ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
ก่อนหน้านี้เราทำงานอยู่ กทม.ค่ะ ทำงานด้วยเรียนด้วย ก็เพราะตั้งแต่เรียนมัธยมมา เราขอเงินแม่ทีไรจะได้ยินแต่คำว่า ให้ออกเรียน ไม่มีเงินส่ง ค่าใช้จ่ายเยอะ เราทำงานด้วยเรียนรามด้วย ถีบตัวเองจนจบ ป.ตรี ตอนนี้เราจบแบบหน่วยกิจครบ แต่ยังไม่ไปยื่นเรื่องจบ อ้อ...เรามีแฟนนะคะ คนบ้านเดียวกัน เราแอบอยู่ด้วยกันที่ กทม แฟนเราเรียนจบ ป.ตรี ที่รามเช่นกัน จบก่อนมา2ปีแล้ว พอหน่วยกิจครบ สอบผ่าน แฟนเราก็ชวนกลับมาอยู่ ตจว. เนื่องจากเราทำงานเป็นลูกจ้างเงินรายได้จากหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง สัญญาจ้างเหมา3ปี สิ้ยสุดสัญญาพอดีเราเลย กลับ ตจว. บ้านแฟนก็มีไร่สวนเยอะ เกือบพันไร่ แฟนจะกลับมาทำเกษตรค่ะ กลับมาอยู่เฉยๆได้ 1เดือน ก็มีงานทำ ได้เงินวันละ300 ทำครึ่งวัน แล้วแฟนเราก็ให้พ่อแม่มาขอหมั้น และจะแต่งกัน ด้วยเงินสินสอดของฝ่ายชายทั้งหมด
เรามีกำหนดการแต่งงานปลายเดือนกุมภานี้ เงินที่เราทำงานได้วันละ300 ก็พยายามเก็บแต่ไม่เหลือเพราะเอาไปจ่ายค่ามัดจำต่างๆ ค่าพิมการ์ด
มาวันนี้เราจะไป กทม.ค่ะ ไปยื่นเรื่องขอจบด้วย ไปแจกการ์ดเชิญ ไปซื้อชองชำร่วย แม่บอกเราไว้ว่า ค่าจัดงานต้องสำรองจ่ายให้ก่อน แล้วแต่งเสร็จ ก็เอาเงินผูกแขนมาคืนให้ ถ้าไม่พอก็หักจากค่าสินสอด (พ่อแม่เราบอกว่าจะยกค่าสินสอดให้ทำทุนทั้งหมด)
เราจะเอาเงินไปซื้อของชำร่วยที่สำเพ็งค่ะ เพราะเห็นว่าเป็นแหล่งส่ง และน่าจะถูก แม่เราก็พูดว่า ต่าใช้จ่ายเยอะแยะ จัดงานก็ไม่เหลือเงินหรอก พวกจะเอาเงินที่ไหนไปทำทุนกัน กูไม่อยากจัดงาน กูเบื่อตรงนี้แหละ เรื่องเยอะ กูไม่มีเงินหรอกนะ สร้างบ้านให้พี่ก็หมดไป 3 4 แสนแล้ว ไหนจะลูกเมียมันอีก (พี่ชายทำแฟนเค้าท้องค่ะ ทางบ้าน ผญ.เค้าเรียกแสนนึง ก็ไปแต่งแล้วเมื่อเดือนก่อน) แล้วก็ว่าเราเรื่องเรียน ว่าจบแล้วไม่ยอมไปยื่นเรื่องสักที ถ้าเขาเปิดสอบ จะเอาอะไรไปสอบ ไม่กระตือรือร้น
สุดท้ายแล้ว..สรุปว่าเวลาก็ผ่านไป เราไม่ได้ไปยื่นเรื่องจบ ไม่ได้ไปแจกการ์ด ไม่ได้ไปซื้อของชำร่วย ทั้งๆที่วันงานจะมาถึง
ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน ได้แต่นอนร้องไห้