อัลกูรอ่าน ห้ามตอบโต้ เกินกว่าที่เขาทำร้ายเจ้า จงตอบแทนแต่เพียงพอดี

กระทู้สนทนา
ปัจจุบันมุสลิมเรามีโรคที่ติดเชื้อมาจากสังคมยุคใหม่ คือโรค"Sensitive" อะไรนิดอะไรหน่อยก็อุ๋ยอย่าทะเลาะ  อะไรนิดอะไรหน่อยก็อุ๋ยแตกแยก  โรค Sensitive นี่เป็นโรคเกิดใหม่ครับ  ไม่มีในสมัยสลัฟและยุคต่อมาอีกพันปีก็ไม่เคยมี  พึ่งจะมามีเอาตอนยุคที่ผู้หญิงใส่เอวต่ำโชว์ขอบกางเกงในนี่แหละครับ  
อยากให้ดูหะกีกัตของเศาหาบะฮฺเป็นตัวอย่าง   หากคุณเห็นคนกาเฟรฺ แกล้งเปิดประโปรงมุสลิมะฮฺ คุณจะทำอย่างไร    เข้าไปพูดดีๆ "คุณครับ อย่ารังแกผู้หญิงนะครับ"  หรือ  "เอ่อ มุสลิมเราถือเรื่องการปกปิดร่างกายครับ"   มาดูหะกีกัตของเศาะหาบะฮฺ ......ในตลาดหมู่บ้านชาวยิวแห่งหนึ่ง มีมุสลิมะฮฺ  ถูกยิวคนหนึ่งแกล้งผูกผ้าคลุมผมกับกระโปรงตอนเธอนั่งอยู่ จากนั้นพอเธอลุกขึ้นนั้นกระโปรงก็เปิดเห็นเอาเราะฮฺ  มีเศาะหาบะฮฺคนหนึ่งเห็นเข้าก็ชักดาบเดินเข้าไปเชือดยิวคนนั้นตายทันที!! เศาะหาบะฮฺท่านนั้นจึงถูกยิวรุมฆ่าตาย  พอนบีทราบเรื่องจึงยกกองทัพไปทลายยิวชุมชนนั้นจนราบ นี่คือ Feel ของคนยุคนั้นครับ.......คุณnop
ในเวปมุสลิม ส่วนมากจะบอกแค่ว่าแอบเปิดผ้าคลุมหน้าแล้วยิวหัวเราะเยาะ

ประเด็นคือ เรื่องนี้บันทึกโดยมุสลิม ไม่ใช่บันทึกโดยยิว  และผมเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงบางส่วน  ผมจะคัดแยกประเด็นที่คิดว่าเป็นความจริง

หญิงมุสลิม เข้าไปในร้านทอง   เจ้าของร้านขอให้หญิงมุสลิมเปิดผ้าคลุมหน้า(เข้าใจว่าคงปิดแบบหมด)  คงเพื่อยืนยันตัวตน เนื่องจากเป็นร้านทอง

ยิวเปิดผ้าคลุมหน้าได้  แต่การเปิดคงทำลายเกียรติ์ของมุสลิม เลยทะเลาะฆ่ากันตาย

หลังจากนั้นจึงเกิดสงคราม  ยิวแพ้ และถูกเนรเทศ( ครั้งนี้นเรเทศ แต่บางครั้งก็ประหารทั้งเผ่า ถ้าฆ่าตลอดจะไม่มีการยอมแพ้พวกจะสู้ตาย)

ตาต่อ ตา ฟันต่อฟัน  และตอบแทนให้พอดี  คือหัวใจของชัยชนะ  

มาเลเซีย ซาอุห้ามมุสลิมเปลี่ยนศาสนา ใครเปลี่ยนมีโทษอาญา
แต่ถ้าประเทศของพวกบูชารูปเคารพ คริสต์ ยิว ห้ามคนของตัวเปลี่ยนมานับถืออิสลาม อิสลามมีสิทธิ์ประกาศสงคราม

เท่าเทียมกัน ทำให้เรารู้สึกว่าเท่าเทียมกัน ไม่มีการต่อต้าน คือชัยชนะของมุสลิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่