คะแนนสอบเพียงแค่ 760 ครับ แต่อัพขึ้นจากครั้งก่อนหน้า 200 กว่าๆ คะแนนอาจจะไม่เรียกว่าสูง แต่อยากแชร์ และหวังว่าอาจจะมีประโยชน์กับใครบางคนนะครับ ปกติผมเป้นคนเกรียนๆ หาสาระอะไรไม่ค่อยจะได้ ครั้งนี้จึงพยายามจะเล่าเรื่องนี้ให้สั้นกระชับ และมีสาระมากที่สุดนะครับ ขออภัยที่ผมขอใช้คำง่ายๆ ไม่สละสลวย อาจผิดบ้าง หรือใช้ไทยปนอังกฤษบ้าง หวังว่าคงไม่ว่ากันนะครับ
ปัจจุบันผมอายุ 28 ปี ทำงานด้านไอที มีความจำเป็นที่จะต้องสอบโทอิคให้ผ่าน เพราะมหาลัยที่ผมเรียน Require การสอบภาษาให้ผ่านเกณฑ์ จะเป็นโทอิค โทเฟล ซียูเท็พ ก็ได้ โดยแต่ละอย่างก็จะมีเกณฑ์ของมันว่าเท่าไรผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็จะไม่จบ ป.โท เกณฑ์ผ่านสำหรับโทอิคคือ 600 คะแนนครับ
จนถึงวันนี้ผมได้เคยสอบโทอิคมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้งถ้วน ครั้งแรกตอนที่เรียนจบ ป.ตรีใหม่ๆ สอบได้ 530 คะแนน แล้วก็เว้นว่างมานานหลายปี จนมาเรียนต่อป.โท เรียนจบเก็บวิชาครบแล้ว สอบ comprehensive ผ่านแล้ว ส่งรูปเล่มโปรเจ็คแล้ว เหลือเพียงการสอบภาษาอังกฤษอย่างเดียว ผมเริ่มการสอบครั้งแรกด้วยการที่เตรียมตัวน้อยมาก ได้มา 560 คะแนน เริ่มย่ามใจละว่า ถ้าได้กลับไปตั้งใจอ่านซะหน่อย แค่ 40 คะแนนนี่สบายมากแน่นอน ผมเปิดหนังสือโทอิคอ่านและทำแบบฝึกหัดประมาณ 1 สัปดาห์แล้วไปสอบใหม่ ผลคะแนนที่ออกมาคือ 535 คะแนนเท่านั้นครับ! ใช่ครับ! ขนาดผมตั้งใจกว่าครั้งที่แล้ว แต่มันก็ยังได้น้อยกว่าเดิมเสียอีก อาจเพราะว่าผมเครียดและตั้งใจมากไป ผมเลยเริ่มเกิดอาการท้อแท้ ขี้เกียจสอบไปซะอย่างนั้น โดยที่แต่ละครั้งที่สอบร่างกายเครียดมาก และต้องจบด้วยการกินอาหารอร่อยๆสักมื้อทุกครั้งแก้เครียดถึงจะดีขึ้น
วันนึงผมได้รับเว็บที่ใช้ฝึก Listening จากน้องที่เรียน ป.โทด้วยกัน และก็พอดีที่ผมกลับมาตั้งใจอีกครั้งหลังจากพักมา 2-3 เดือนจนหานเครียดแล้ว ในเว็บนี้มีให้การฝึกฟังทั้ง 4 part เหมือนกับในข้อสอบโทอิคเปี๊ยบเลย แต่ละ Part มี 20 Exercise ให้สามารถฟัง ลองทำแบบฝึกหัด และตรวจตคำตอบ ผมจึงเริ่มจำลองสถานการณ์ในการสอบ ด้วยการฟังเร็วๆ กาคำตอบเร็วๆ หลังๆเริ่มไล่ทำไปทีละ Part ตามการสอบจริง และจดคะแนนที่ตัวเองได้ไว้ด้วย ผมทำแบบนี้เพียงวันละครึ่ง ชม. ทำอยู่ 7 วันเท่านั้น จริงๆครับแค่ 7 วันเท่านั้น ผมทำจนเสร็จ Exercise 6 หรือ 7 เนี่ยแหละ ของทุก Part รู้สึกได้ว่า Listening skill ของตัวเอง improve ขึ้นมาก เลยไปลองลงสนามจริงครับ
ก่อนขึ้นตึก มีน้องคนนึงแนะนำว่าให้ไหว้ศาลที่อยู่หน้าตึก ตรงนั้นเป้นรูปปั้นเสือดำครับ ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าท่านชื่ออะไร ผมก็อฐิษฐานไปว่า ตอนนี้ผมยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อท่านเลย แต่ขอให้ท่านได้โปรดช่วยให้การสอบในครั้งนี้ผ่าน 600 คะแนน จนผมสามารถทำเรื่องเรียนจบได้ ไม่ว่าท่านจะชอบอะไรผมจะไปเสาะแสวงหามาให้ท่านภายใน 3 วัน 7 วัน เสร็จแล้วแล้วผมก็ขึ้นตึกไปสอบครับ (ผมทำเพื่อความสบายใจนะ ใครไม่ชอบก็ข้ามๆไปครับ)
การสอบครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดีครับ ผมฟังไป กาไป โดยที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมกาทันก่อนที่ข้อใหม่จะเริ่มเกือบทั้งหมดเลย เป้นอันว่าการ Practice ของผมไม่เสียเปล่าเลยครับ หลังจากจบ Listening Part 4 ผมก็ไม่ต้องมาเสียเวลาราว 5-10 นาทีในการกลับมาฝนข้อที่ทำไปแล้วให้ครบ แต่สามารถทำต่อ Part reading ได้ทันที อีกสิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ครั้งก่อนๆเวลาผมทำข้อไหนไม่ทัน ทั้งๆที่เทปมันไปข้อใหม่แล้ว ผมก็ยังกลับมาคิดข้อเก่าๆ มาอ่าน choice ข้อเก่า บางทีผ่านไปแล้ว 3-4 ข้อก็ยังพะวงอยู่เลยครับ แต่ครั้งนี้ผมสามารถ Focus ได้ ข้อไหนที่หลุด ผมจะกาไปเลยไวๆโดยที่ไม่กลับมาพะวงอีก ถือเป้นข้อดีอีกอย่างของการฝึกฝนครับ ผมทำ Part Listening เสร็จโดยที่แทบไม่มีความเครียดเลย อาจเกิดการที่ผมนั่ง Practice ทุกคืนจนเคยตัว ทำให้ทำข้อสอบได้อึดขึ้น
ใน Part reading ผมก็ยังทำไม่ทันเหมือนเดิมครับ เพราะผมไม่ได้เตรียมตัว Part นี้เลย มาสอบแบบประมาทสุดๆ สุดท้ายก็ต้องกามั่วไป 20 ข้อ โดยมีทริคในการกามั่วคือ ผมจะกาดิ่งทีละ 4 ข้อ เช่น A 4 ข้อ B 4 ข้อ C 4 ข้อ D 4 ข้อ ยังไงเสียใน 4 ข้อมันต้องโดนบ้างสักข้อล่ะวะ (คิดในใจ) หลังจากสอบเสร็จก็โล่งครับ ไม่มีอาการเครียดเหมือนตนั้งที่แล้วๆ รู้สึกแต่ว่า Part listening ทำได้ดีมากๆ แต่ reading ก็แย่เหมือนเดิม ช่างมัน
วันต่อมา ผมเข้ามารับผลคะแนน ผมยังไม่เชื่อ... ไม่เชื่อ... ไม่เชื่อ... ไม่เชื่อรูหูตัวเอง... คะแนนเพิ่มขึ้นมาจากรอบที่แล้วตั้ง 200 กว่าคะแนน ทั้งๆที่แค่ฝึกฟังแค่เนี๊ยะ! ผมขอเทียบคะแนนในรอบล่าสุดนี้ กับคะแนนรอบก่อนหน้านะครับ ซึ่งก็ได้ผลออกมา ดังนี้
Listening : 325 --> 420 (+95)
Reading : 210 --> 340 (+130)
Total : 535 --> 760 (+225)
ใช่แล้วครับ Listening ผมเพิ่ม 95 คะแนน อันนี้พอยอมรับได้เพราะฝึกมา แต่ Reading นี่เพิ่มขึ้นมาตั้ง 130 คะแนน ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ! มันดูยังไงๆชอบกล ในใจเริ่มคิดว่าเอ๊ะ หรือว่าเค้าตรวจผิด หรือตรวจสลับกับชาวบ้าน หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง คิดไปต่างๆนาๆ คือยังไม่รอบรับนะว่าได้ด้วยความสามารถตัวเองจริงๆ ผมรับคะแนนลงมาด้วยความดีใจ ปนงงๆ แต่ก็แวะไหว้ศาลเจ้าพ่อรูปเสือก่อนกลับ ย้ำว่าจะหาของที่ท่านชอบมาให้ภายใน 3 วัน 7 วันครับ ตามที่ได้เคยสัญญาไว้
สรุป ผมมีเทคนิคที่อยากจะแชร์ดังนี้ครับ
1. นอนให้เต็มอิ่ม อย่าง่วงในตอนสอบเป้นอันขาด ต้องมีสมาธิในการ Focus เรื่องข้อสอบเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
2. กินก่อนสอบพอประมาณ ป้องกันอาการง่วงนอนในช่วงที่สอบ
3. ถ้าจะมีอะไรที่กินแล้วตื่นตัวในช่วงสอบแล้วได้ผลกับคุณจริงๆ จงใช้มันเถอะ ผมเองถูกโฉลกกับแบรนด์เม็ด ผมก็กินมันก่อนเข้าห้องสอบ หรือถ้าบางคนชอบกินกาแฟ ก็กินเถอะครับ แต่ต้องมั่นใจว่ากินแล้วมันจะทำให้คุณโฟกัสข้อสอบได้ดีด้วยนะ
4. เข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อย เพราะแม้แต่ปวดนิดๆหน่อยๆมันก็สามารถทำลายสมาธิได้ครับ
ุ5. ฝนให้เต็มวง ไม่ต้องบรรจงให้ดำปี๊ดปี๋ครับ แค่เต็มวงก็พอ จะได้ไม่เสียเวลาด้วย ผมฝนวงรอบๆก่อน แล้วฝนแบบซิกแซกไวๆให้เต็มวง คนอื่นผมไม่รู้นะ
6. ถ้าข้อไหนหลุดไปแล้วไม่ต้องไปพะวงกับมัน กามั่วไปเลย ตั้งจิตตั้งใจให้อยู่กับข้อปัจจุบันเท่านั้น
7. ไหว้ศาลเข้าพ่อรูปเสือหน้าตึกก่อนขึ้นสอบด้วย ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงอาจช่วยท่านได้ คิดเสียว่าถ้าเรามีสัมมาคารวะกับเจ้าบ้าน เจ้าบ้านก็จะเมตตาเรา หรือถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีจริง อย่างน้อยก็ได้เรื่องความสบายใจสำหรับบางคนนะครับ
เท่าที่ผมพอจะนึกออกก็มีแค่นี้ครับ หวังว่าจะเป้นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ได้คัแนนสูงๆกว่านี้ และหวังจะได้คะแนนหลัก 800 900 บทความนี้อาจจะไม่ช่วยอะไรท่านนัก ก็ถือวว่าอ่านฆ่าเวลาหรือแก้เครียดไปละกันนะครับ
แชร์ประสบการณ์สอบโทอิค ได้คะแนนเพิ่มขึ้นรวดเดียว 200+ คะแนน
ปัจจุบันผมอายุ 28 ปี ทำงานด้านไอที มีความจำเป็นที่จะต้องสอบโทอิคให้ผ่าน เพราะมหาลัยที่ผมเรียน Require การสอบภาษาให้ผ่านเกณฑ์ จะเป็นโทอิค โทเฟล ซียูเท็พ ก็ได้ โดยแต่ละอย่างก็จะมีเกณฑ์ของมันว่าเท่าไรผ่าน ถ้าไม่ผ่านก็จะไม่จบ ป.โท เกณฑ์ผ่านสำหรับโทอิคคือ 600 คะแนนครับ
จนถึงวันนี้ผมได้เคยสอบโทอิคมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้งถ้วน ครั้งแรกตอนที่เรียนจบ ป.ตรีใหม่ๆ สอบได้ 530 คะแนน แล้วก็เว้นว่างมานานหลายปี จนมาเรียนต่อป.โท เรียนจบเก็บวิชาครบแล้ว สอบ comprehensive ผ่านแล้ว ส่งรูปเล่มโปรเจ็คแล้ว เหลือเพียงการสอบภาษาอังกฤษอย่างเดียว ผมเริ่มการสอบครั้งแรกด้วยการที่เตรียมตัวน้อยมาก ได้มา 560 คะแนน เริ่มย่ามใจละว่า ถ้าได้กลับไปตั้งใจอ่านซะหน่อย แค่ 40 คะแนนนี่สบายมากแน่นอน ผมเปิดหนังสือโทอิคอ่านและทำแบบฝึกหัดประมาณ 1 สัปดาห์แล้วไปสอบใหม่ ผลคะแนนที่ออกมาคือ 535 คะแนนเท่านั้นครับ! ใช่ครับ! ขนาดผมตั้งใจกว่าครั้งที่แล้ว แต่มันก็ยังได้น้อยกว่าเดิมเสียอีก อาจเพราะว่าผมเครียดและตั้งใจมากไป ผมเลยเริ่มเกิดอาการท้อแท้ ขี้เกียจสอบไปซะอย่างนั้น โดยที่แต่ละครั้งที่สอบร่างกายเครียดมาก และต้องจบด้วยการกินอาหารอร่อยๆสักมื้อทุกครั้งแก้เครียดถึงจะดีขึ้น
วันนึงผมได้รับเว็บที่ใช้ฝึก Listening จากน้องที่เรียน ป.โทด้วยกัน และก็พอดีที่ผมกลับมาตั้งใจอีกครั้งหลังจากพักมา 2-3 เดือนจนหานเครียดแล้ว ในเว็บนี้มีให้การฝึกฟังทั้ง 4 part เหมือนกับในข้อสอบโทอิคเปี๊ยบเลย แต่ละ Part มี 20 Exercise ให้สามารถฟัง ลองทำแบบฝึกหัด และตรวจตคำตอบ ผมจึงเริ่มจำลองสถานการณ์ในการสอบ ด้วยการฟังเร็วๆ กาคำตอบเร็วๆ หลังๆเริ่มไล่ทำไปทีละ Part ตามการสอบจริง และจดคะแนนที่ตัวเองได้ไว้ด้วย ผมทำแบบนี้เพียงวันละครึ่ง ชม. ทำอยู่ 7 วันเท่านั้น จริงๆครับแค่ 7 วันเท่านั้น ผมทำจนเสร็จ Exercise 6 หรือ 7 เนี่ยแหละ ของทุก Part รู้สึกได้ว่า Listening skill ของตัวเอง improve ขึ้นมาก เลยไปลองลงสนามจริงครับ
ก่อนขึ้นตึก มีน้องคนนึงแนะนำว่าให้ไหว้ศาลที่อยู่หน้าตึก ตรงนั้นเป้นรูปปั้นเสือดำครับ ตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าท่านชื่ออะไร ผมก็อฐิษฐานไปว่า ตอนนี้ผมยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อท่านเลย แต่ขอให้ท่านได้โปรดช่วยให้การสอบในครั้งนี้ผ่าน 600 คะแนน จนผมสามารถทำเรื่องเรียนจบได้ ไม่ว่าท่านจะชอบอะไรผมจะไปเสาะแสวงหามาให้ท่านภายใน 3 วัน 7 วัน เสร็จแล้วแล้วผมก็ขึ้นตึกไปสอบครับ (ผมทำเพื่อความสบายใจนะ ใครไม่ชอบก็ข้ามๆไปครับ)
การสอบครั้งนี้เป็นไปได้ด้วยดีครับ ผมฟังไป กาไป โดยที่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมกาทันก่อนที่ข้อใหม่จะเริ่มเกือบทั้งหมดเลย เป้นอันว่าการ Practice ของผมไม่เสียเปล่าเลยครับ หลังจากจบ Listening Part 4 ผมก็ไม่ต้องมาเสียเวลาราว 5-10 นาทีในการกลับมาฝนข้อที่ทำไปแล้วให้ครบ แต่สามารถทำต่อ Part reading ได้ทันที อีกสิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ครั้งก่อนๆเวลาผมทำข้อไหนไม่ทัน ทั้งๆที่เทปมันไปข้อใหม่แล้ว ผมก็ยังกลับมาคิดข้อเก่าๆ มาอ่าน choice ข้อเก่า บางทีผ่านไปแล้ว 3-4 ข้อก็ยังพะวงอยู่เลยครับ แต่ครั้งนี้ผมสามารถ Focus ได้ ข้อไหนที่หลุด ผมจะกาไปเลยไวๆโดยที่ไม่กลับมาพะวงอีก ถือเป้นข้อดีอีกอย่างของการฝึกฝนครับ ผมทำ Part Listening เสร็จโดยที่แทบไม่มีความเครียดเลย อาจเกิดการที่ผมนั่ง Practice ทุกคืนจนเคยตัว ทำให้ทำข้อสอบได้อึดขึ้น
ใน Part reading ผมก็ยังทำไม่ทันเหมือนเดิมครับ เพราะผมไม่ได้เตรียมตัว Part นี้เลย มาสอบแบบประมาทสุดๆ สุดท้ายก็ต้องกามั่วไป 20 ข้อ โดยมีทริคในการกามั่วคือ ผมจะกาดิ่งทีละ 4 ข้อ เช่น A 4 ข้อ B 4 ข้อ C 4 ข้อ D 4 ข้อ ยังไงเสียใน 4 ข้อมันต้องโดนบ้างสักข้อล่ะวะ (คิดในใจ) หลังจากสอบเสร็จก็โล่งครับ ไม่มีอาการเครียดเหมือนตนั้งที่แล้วๆ รู้สึกแต่ว่า Part listening ทำได้ดีมากๆ แต่ reading ก็แย่เหมือนเดิม ช่างมัน
วันต่อมา ผมเข้ามารับผลคะแนน ผมยังไม่เชื่อ... ไม่เชื่อ... ไม่เชื่อ... ไม่เชื่อรูหูตัวเอง... คะแนนเพิ่มขึ้นมาจากรอบที่แล้วตั้ง 200 กว่าคะแนน ทั้งๆที่แค่ฝึกฟังแค่เนี๊ยะ! ผมขอเทียบคะแนนในรอบล่าสุดนี้ กับคะแนนรอบก่อนหน้านะครับ ซึ่งก็ได้ผลออกมา ดังนี้
Listening : 325 --> 420 (+95)
Reading : 210 --> 340 (+130)
Total : 535 --> 760 (+225)
ใช่แล้วครับ Listening ผมเพิ่ม 95 คะแนน อันนี้พอยอมรับได้เพราะฝึกมา แต่ Reading นี่เพิ่มขึ้นมาตั้ง 130 คะแนน ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ! มันดูยังไงๆชอบกล ในใจเริ่มคิดว่าเอ๊ะ หรือว่าเค้าตรวจผิด หรือตรวจสลับกับชาวบ้าน หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง คิดไปต่างๆนาๆ คือยังไม่รอบรับนะว่าได้ด้วยความสามารถตัวเองจริงๆ ผมรับคะแนนลงมาด้วยความดีใจ ปนงงๆ แต่ก็แวะไหว้ศาลเจ้าพ่อรูปเสือก่อนกลับ ย้ำว่าจะหาของที่ท่านชอบมาให้ภายใน 3 วัน 7 วันครับ ตามที่ได้เคยสัญญาไว้
สรุป ผมมีเทคนิคที่อยากจะแชร์ดังนี้ครับ
1. นอนให้เต็มอิ่ม อย่าง่วงในตอนสอบเป้นอันขาด ต้องมีสมาธิในการ Focus เรื่องข้อสอบเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ
2. กินก่อนสอบพอประมาณ ป้องกันอาการง่วงนอนในช่วงที่สอบ
3. ถ้าจะมีอะไรที่กินแล้วตื่นตัวในช่วงสอบแล้วได้ผลกับคุณจริงๆ จงใช้มันเถอะ ผมเองถูกโฉลกกับแบรนด์เม็ด ผมก็กินมันก่อนเข้าห้องสอบ หรือถ้าบางคนชอบกินกาแฟ ก็กินเถอะครับ แต่ต้องมั่นใจว่ากินแล้วมันจะทำให้คุณโฟกัสข้อสอบได้ดีด้วยนะ
4. เข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อย เพราะแม้แต่ปวดนิดๆหน่อยๆมันก็สามารถทำลายสมาธิได้ครับ
ุ5. ฝนให้เต็มวง ไม่ต้องบรรจงให้ดำปี๊ดปี๋ครับ แค่เต็มวงก็พอ จะได้ไม่เสียเวลาด้วย ผมฝนวงรอบๆก่อน แล้วฝนแบบซิกแซกไวๆให้เต็มวง คนอื่นผมไม่รู้นะ
6. ถ้าข้อไหนหลุดไปแล้วไม่ต้องไปพะวงกับมัน กามั่วไปเลย ตั้งจิตตั้งใจให้อยู่กับข้อปัจจุบันเท่านั้น
7. ไหว้ศาลเข้าพ่อรูปเสือหน้าตึกก่อนขึ้นสอบด้วย ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงอาจช่วยท่านได้ คิดเสียว่าถ้าเรามีสัมมาคารวะกับเจ้าบ้าน เจ้าบ้านก็จะเมตตาเรา หรือถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีจริง อย่างน้อยก็ได้เรื่องความสบายใจสำหรับบางคนนะครับ
เท่าที่ผมพอจะนึกออกก็มีแค่นี้ครับ หวังว่าจะเป้นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆไม่มากก็น้อย สำหรับคนที่ได้คัแนนสูงๆกว่านี้ และหวังจะได้คะแนนหลัก 800 900 บทความนี้อาจจะไม่ช่วยอะไรท่านนัก ก็ถือวว่าอ่านฆ่าเวลาหรือแก้เครียดไปละกันนะครับ