
นี่เป็นบทความสัมภาษณ์ของปี 1998 ซึ่งแนะนำตัวโลแกน ทอมให้แฟนวอลเลย์บอลสมัยนั้นให้รู้จัก ในปัจจุบันแฟนวอลเลย์บอล ไม่มีใครไม่รู้จักนักกีฬาสาวสูง 6 ฟุต 1 เล่นโอลิมปิก 4 ครั้ง คนนี้อีกแล้ว แต่ว่าในช่วงที่บทความนี้ถูกเขียนในปี 1998 เธอเพิ่งจะได้เข้าร่วมแคมป์ทีมชาติในขณะที่พยายามรักษาความเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนนึงไปด้วย
ทุกครั้งที่เธอซ้อมกับรุ่นพี่ทีมชาติ รุ่นพี่จะเตือนเธออยู่เสมอว่าไม่ควรสวมเสื้อวอลเลย์บอลออกไปข้างนอกสนามกีฬา เพราะเสื้อวอลเลย์บอลค่อนข้างยาว เหมือนใส่ไปปาร์ตี้ ดูไม่เรียบร้อย ดังนั้นเธอจึงเอาชายเสื้อใส่ลงไปในกางเกง 3-4 นิ้ว เวลาเดินออกไปข้างนอก แน่นอนว่ารุ่นพี่ก็จะเรียกเธอมาเตือนอีก แต่เธอก็จะบอกว่า “อะไรล่ะ ฉันเอาชายเสื้อใส่ในกางเกงแล้วไง” เรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ “มันติดเป็นนิสัยน่ะ พวกรุ่นพี่ไม่ชอบเรื่องนี้เอาซะเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม” โลแกน อธิบายตอนไปแข่งรอบคัดเลือก World Cup ที่ San Antonio ในขณะที่สัมภาษณ์อยู่ เธอก็ชี้ไปที่ชายเสื้อพร้อมส่งยิ้ม “เห็นไหม ทีงี้ปล่อยออกนอกกางเกงได้”
บางทีเรื่องเล็กๆน้อยๆนี่ก็เป็นอะไรที่บ่งบอกตัวของเธอได้ มันทำให้เธอมีความแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่น เมื่อได้เห็นเธอกระโดดตบบอลอย่างรุนแรงจากแดนหลัง บางทีคุณอาจจะไม่เชื่อเลยว่าเธอเป็นแค่เด็กอายุ 16 อาศัยอยู่ในเมือง Salt Lake City กับแม่ และไม่รู้จักเพลงยุคก่อนปี 1990
ไม่ใช่เรื่องประหลาดที่ความสามารถแบบนี้จะมีให้เห็นทั่วไปในวงการวอลเลย์บอล แต่เป็นเรื่องประหลาดที่เธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนนึงเท่านั้น ที่ San Antonio เธอกลายเป็นตัวหลักของทีม สำหรับรายการแข่งคัดเลือกไป World Cup เธอไม่ใช่นักกีฬาหน้าใหม่ที่ได้แต่นั่งเชียร์ข้างสนาม แล้ววิ่งลงมารวมกับเพื่อนร่วมทีมเวลาแข่งจบ เธอได้โอกาสในสนามหลายครั้ง และแต่ละครั้งเธอแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมในขณะที่ทีมกำลังเจอกับปัญหา “เธออายุ 16 และพระเจ้าก็บอกว่า นี่แหละนักวอลเลย์บอล” Matt McShane ผู้ช่วยโค้ชกล่าว “เธอเป็นเด็กที่เยี่ยมที่สุดที่รู้จักมาเลย”
ตั้งแต่เธอเริ่มพูดได้ โลแกน ทอมถามไม่เคยหยุด ช่วงเวลาอาบน้ำเป็นช่วงเวลาที่เธอมีโอกาสถามแม่มากที่สุด แม่เธอจำได้ว่าครั้งนึง โลแกมถามว่า “หนูอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสมอง” จากนั้นแม่เธอก็ถามว่า “อยากรู้เกี่ยวกับอะไรจ๊ะ” เธอตอบว่า “ทั้งหมดเลย” หลังจากนั้นเมื่อเธอเริ่มฝึกวอลเลย์บอล โค้ช Keith Siddoway ก็ได้เจออะไรแบบเดียวกันบ้าง “เธอเป็นอะไรที่น่ารำคาญที่สุด ถ้าเธอไม่คิดว่าอะไรซักอย่างไม่สมบูรณ์แล้วล่ะก็ เธอจะอยากรู้ทุกรายละเอียดเลยว่า ทำไมถึงไม่สมบูรณ์แบบ”
แมตช์ชิงทัวร์การคัดเลือกของ Mideast ที่ Indianapolis ทีมของเธอ Klub Boom ตามอยู่ 14-13 Siddoway บอกให้โลแกน ตบลูกจากนอกคอร์ท เธอทำตาม กระโดดตบแต่ลูกออกไปประมาณนิ้วนึง พอเท้าลงถึงพื้น แทบจะในทันที เธอถาม Siddoway ว่า “ฉันทำอะไรผิด?” เป็นที่รู้กันดีว่าเธอไม่ใช่คนช่างพูด เธอไม่ใช่คนถามเรื่อยเปื่อย ดังนั้นถ้าเธอถามคำถามซักข้อ เธอมีเหตุผลเฉพาะเจาะจง และคุณควรจะมีคำตอบไว้ให้ดีล่ะ “ถ้าคุณตอบเธอแบบส่งๆไป ซักพักไม่นาน เธอก็จะมาถามอีก ผมสงสารคนที่จะเป็นโค้ชเธอในอนาคตจริงๆ บางครั้งโค้ชก็ไม่สามารถตอบได้ทุกอย่างหรอก” ทำไมเธอถึงอยากรู้ทุกอย่างนัก? “ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น” เธอตอบ
Laura Davis มือเซ็ตพูดถึงโลแกนว่า “สำหรับเด็กอายุเท่าเธอ เธอมีความเข้าใจในการอ่านเกมได้มากกว่าใครๆที่ฉันเคยเจอมา เธอเป็นเด็ก 16 ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยเจอ”
เมื่อพูดถึงครอบครัว พ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่สมัยเธอเป็นเด็ก Melvyn Tom พ่อของเธอเคยเป็นนักฟุตบอลเล่นให้กับทีม Chicago Bears และ Philadelphia Eagles อยู่ 9 ปี ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่ฮาวาย เขายังคงมาพบลูกๆ เธอกับพี่ชายแลงดอน ช่วงฤดูร้อนทุกปี แต่ว่าวันปกติเธอจะอาศัยอยู่กับ คริส แม่ของเธอ เมื่อถามว่าเป็นเรื่องยากไหมที่เธอต้องเติบโตมาโดยไม่มีพ่อ เธอตอบว่า “มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นะ ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ที่มีพ่อแม่อยู่ครบ เลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ทุกอย่างปกติดี”
ก่อนที่แม่ของเธอจะย้ายไปอยู่ที่รัฐยูท่าห์ พวกเขาเคยอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แม่เธอทำงานเป็นตัวประกอบละครช่วงบ่ายเรื่อง “Falcon Crest” แต่ด้วยชั่วโมงเวลาที่ไม่แน่นอน ทำให้เธอไม่มีเวลาดูแลลูกๆ เธอจึงกลับไปเป็นพนักงานเสิร์ฟค็อกเทลและกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยสาขาจิตวิทยา น้องสาวแม่ เดบบี้ ซึ่งเป็นครูประถมที่แคลิฟอร์เนีย จึงต้องรับหน้าที่ช่วยเหลือโลแกนในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับวอลเลย์บอล
เมื่อพี่น้องทั้งสองคนยังเด็ก แม่ตั้งใจที่จะให้ลูกๆของเธอเล่นกีฬาเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาวัยเด็กที่ดี ในช่วงฤดูร้อนเมื่อเธออยู่กับพ่อ เธอไม่ได้ลงเล่นซอฟต์บอลกับพวกผู้หญิง แต่เลือกเล่นเบสบอลกับกลุ่มเด็กผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา “ใช้เวลาไม่นานนัก เธอก็สามารถตีลูกบอลออกนอกสนามได้ หลังจากนั้นทุกคนก็ให้การยอมรับเธอ” ทำให้แม่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่จะต้องเลือกเส้นทางให้กับโลแกน ในขณะนั้นโลแกนเล่นบาสเกตบอล และเริ่มเข้าเล่นวอลเลย์บอลเป็นปีแรก โค้ชบาสเกตบอลไม่ต้องการให้เธอเล่นทั้งสองอย่าง แต่ให้ทุ่มเทกับอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะโลแกน ทอมชอบเล่นบาสเกตบอลและเธอก็เล่นได้ดีมากในสนาม
สุดท้ายโค้ชยอมรับที่จะให้โลแกน ทอมเล่นในทีมบาสต่อไปเพราะฝีมือ แต่ต้องแลกด้วยการถูกตัดเวลาเล่นในสนามทุกครั้งที่พลาดการซ้อมร่วมกับทีม “เธอเป็นนักกีฬาที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ถ้าเธอให้เวลากับบาสเกตบอลพอๆกับวอลเลย์บอล เธอจะครองวงการนี้ได้ไม่ยาก” โค้ชบอกกับแม่ของเธอ แต่สุดท้ายแล้วแม่ของเธอก็ต้องตัดสินใจ “ถ้าฉันไม่ทำอะไรซักอย่าง โลแกนอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเลยซักอย่าง” จากปัญหาเรื่องบาสเกตบอลนี่เอง แม่เธอเลยเริ่มแนะนำให้เธอย้ายโรงเรียน “ไม่เด็ดขาด ฉันจะไม่แข่งกับเพื่อนของฉัน” เธอตอบ
Van Vleet เพื่อนของเธอให้สัมภาษณ์ว่า “สำหรับฉันแล้ว เธอมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาก ตอนที่เจอกันฉันนึกว่าเธออายุซัก 21” แน่นอนว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทำทุกอย่างตามวัยของพวกเค้า แต่โลแกนสนใจแต่เรื่องการเรียน เธออ่านหนังสือก่อนมาเรียน เมื่อมาถึง เธอถามอาจารย์ในสิ่งที่สงสัยแล้วก็ออกจากห้องไป แม้ Van จะสนใจเรื่องการเรียนแบบโลแกน เธอก็ยังอดถามเพื่อนสาวไม่ได้ว่าแคมป์ทีมชาติเป็นยังไง
“ฝึกเป็นยังไงบ้าง” เธอถาม
“เยี่ยม”
“เธอคงได้ความรู้มาเยอะเลยใช่ไหม”
“นั่นแหละสิ่งที่สำคัญ” โลแกนตอบ
แล้วเธอจะไปทางไหนต่อ สำหรับนักวอลเลย์บอลฝีมือดีพอจะเล่น Division 1 แล้วทางเดินค่อนข้างชัดเจน พวกเค้าจะเลือกมหาวิทยาลัยที่เสนอทุนให้ดีที่สุดแล้วเล่นให้กับทีมของมหาวิทยาลัยนั้น โลแกนได้เกรดเฉลี่ย 4.0 แม่ไม่เคยซักครั้งที่ต้องบอกลูกสาวให้ไปทำการบ้าน อ่านหนังสือ ในทางกลับกัน โลแกนซะอีกเป็นฝ่ายบอกเพื่อนๆของเธอให้เลิกปาร์ตี้แล้วอ่านหนังสือซะบ้าง ครั้งสุดท้ายที่โลแกนได้ A- คือตอนเกรด 7 ด้วยผลการเรียนที่ดี ตัวสูงเกินหกฟุต แถมยังมีทักษะกีฬาที่ดีหลายชนิด โค้ชคิรายก็จับตาดูเธออยู่ หนทางในอนาคตของเธอสดใสยิ่งกว่าใครๆ
เหมือนโอกาสจะยังไม่มากพอ ไมค์ ฮาเลย์โค้ชทีมชาติสหรัฐในตอนนั้น ล่อใจเธอด้วยตั๋วไปแข่งโอลิมปิก เขาชวนเธอไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ และชวนเธอไปอยู่โคโรลาโดเพื่อให้สามารถฝึกซ้อมร่วมกับทีมชาติได้มากขึ้น นี่ถือเป็นความก้าวหน้าใหม่ของวงการวอลเลย์บอลสหรัฐ สำหรับคิวบาแล้วนักกีฬาที่มีความสามารถอาจจะได้ลงแข่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆตั้งแต่อายุ 14 แต่ในสหรัฐ นักวอลเลย์บอลจะมีทัวร์นาเมนต์ย่อย เล่นไปเรื่อยๆสุดท้ายไปจบเอาอายุ 22 ถึงเริ่มเข้าทีมชาติกระนั้นฝีมือก็ยังไม่ได้ดีเลิศมากมาย หลังจากโอลิมปิกปี 1996 ที่แอตแลนต้าซึ่งทีมสหรัฐทำได้แค่ที่ 6 ทำให้สมาคมวอลเลย์บอลทำการคิดโครงการฝึกใหม่ๆ โดยฝึกกับเด็กอายุน้อยลง และโลแกน ทอมก็เป็นหนึ่งในนักกีฬาเริ่มแรกของโครงการ
“พวกเค้าบอกว่าเธอเป็นหนูทดลองของโครงการ ฉันไม่ได้มองในเชิงลบหรอกนะคะ ทั้งเธอและพี่ชายเข้าร่วมโครงการนี้” แม่ของเธอกล่าวด้วยความมั่นใจ เพราะรู้สึกดีที่ลูกสาวของเธอจะได้เป็นผู้บุกเบิกโครงการที่ต่อไปจะช่วยเหลือผลักดันนักกีฬาเด็กอีกมากมาย มันไม่ใช่เรื่องยากนักและครูก็ช่วยเหลือโลแกน ในการจัดตารางเรียนให้เหมาะสมกับการฝึกซ้อม เธอจึงเริ่มเดินทางไปกลับโคโรลาโด แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อเสีย โลแกนบ่นว่าคิดถึงเพื่อนและโรงเรียน แต่เมื่อถามว่าใครคือฮีโร่ของเธอ เธอก็ตอบว่า “แม่ของฉัน”
เสร็จสิ้นจากแคมป์ทีมชาติ โลแกนกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เธอยังต้องกลับมาเรียนให้ทันเพื่อน แถมพ่วงด้วยโรคระบบทางเดินหายใจที่เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ โค้ช Siddoway บอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอควรมีโอกาสเป็นเด็กธรรมดากับเค้าบ้าง แต่มันยากมากเพราะตารางชีวิตของเธอเต็มแน่นไปหมด สุดท้ายแล้วฤดูร้อนถัดมา เธอก็เลือกที่จะซ้อมกับทีมชาติให้น้อยลงเพื่อมีเวลาเรียนได้เต็มที่ “การเรียนตามเพื่อนไม่ทัน มันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย”
บริกรสาวเดินมารับออเดอร์ เพื่อนร่วมทีมสองคนสั่งเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว ยกเว้นโลแกน ที่ยังเลือกไม่ได้ หลังจากผ่านไปหลายวินาที เพื่อนของเธอยิ้มแล้วบอกว่า “เธอเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้ช้ามากๆ” ระวังให้ดี การไปซื้อของกับเธออาจใช้เวลาทั้งวัน ครั้งนึงโลแกนตบลูกแรงมากจนคนรับล้มกลิ้ง ลูกบอลกระเด็นไปถึงผนังฝั่งตรงข้าม โลแกนเดินเข้าไปขอโทษทันที “เธอทำแบบนี้เสมอเลย” เพื่อนพูด โลแกนอธิบายว่า “ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเกลียดฉัน”
นักข่าวถามว่าเธอคิดบ้างไหมว่าจะพลาดอะไรไปบ้าง ถ้าตอนนั้นเลือกที่จะเข้าแคมป์ทีมชาติที่โคโรลาโดต่อไป “ชีวิตของฉัน รถ ครอบครัว ฉันไม่มีสังคมที่นั่น ฉันอายุไม่ถึงที่จะเข้าคลับ” นักข่าวถามเธอว่า ถ้าเธอได้ไปโอลิมปิกปี 2000 แต่ต้องเรียนมหาวิทยาลัยช้าไป 1 ปี เธอจะยอมไหม เธอตอบว่า “ไม่รู้สิ” (สุดท้ายสรุปว่าไปและทีมได้ที่ 4) นักข่าวถามว่าอีก 10 ปี เธอจะทำอะไรต่อ เธอตอบว่าไม่แน่ใจ อาจจะเป็นนักวอลเลย์บอลชายหาด แม่มีความสำคัญต่อเธอมาก เนื่องจากเป็นคนรวบรวมข้อมูลให้เสมอ แต่การตัดสินใจสุดท้ายแล้ว เธอจะให้ลูกสาวเลือก “ที่จริงเธอเป็นคนฉลาด เธอมีสัญชาติญาณที่ดีค่ะ”
ก่อนจากกัน นักข่าวถามโลแกนว่า บทความนี้ถ้าเธอเป็นคนเขียน เธอจะจบมันอย่างไร โลแกนตอบแทบจะทันที “The End”
Credit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.volleyballmag.com/articles/43135-tom-terrific
[แปล] โลแกน ทอม ตัวตนของเธอ
นี่เป็นบทความสัมภาษณ์ของปี 1998 ซึ่งแนะนำตัวโลแกน ทอมให้แฟนวอลเลย์บอลสมัยนั้นให้รู้จัก ในปัจจุบันแฟนวอลเลย์บอล ไม่มีใครไม่รู้จักนักกีฬาสาวสูง 6 ฟุต 1 เล่นโอลิมปิก 4 ครั้ง คนนี้อีกแล้ว แต่ว่าในช่วงที่บทความนี้ถูกเขียนในปี 1998 เธอเพิ่งจะได้เข้าร่วมแคมป์ทีมชาติในขณะที่พยายามรักษาความเป็นวัยรุ่นธรรมดาคนนึงไปด้วย
ทุกครั้งที่เธอซ้อมกับรุ่นพี่ทีมชาติ รุ่นพี่จะเตือนเธออยู่เสมอว่าไม่ควรสวมเสื้อวอลเลย์บอลออกไปข้างนอกสนามกีฬา เพราะเสื้อวอลเลย์บอลค่อนข้างยาว เหมือนใส่ไปปาร์ตี้ ดูไม่เรียบร้อย ดังนั้นเธอจึงเอาชายเสื้อใส่ลงไปในกางเกง 3-4 นิ้ว เวลาเดินออกไปข้างนอก แน่นอนว่ารุ่นพี่ก็จะเรียกเธอมาเตือนอีก แต่เธอก็จะบอกว่า “อะไรล่ะ ฉันเอาชายเสื้อใส่ในกางเกงแล้วไง” เรื่องนี้เกิดขึ้นอยู่เสมอ “มันติดเป็นนิสัยน่ะ พวกรุ่นพี่ไม่ชอบเรื่องนี้เอาซะเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม” โลแกน อธิบายตอนไปแข่งรอบคัดเลือก World Cup ที่ San Antonio ในขณะที่สัมภาษณ์อยู่ เธอก็ชี้ไปที่ชายเสื้อพร้อมส่งยิ้ม “เห็นไหม ทีงี้ปล่อยออกนอกกางเกงได้”
บางทีเรื่องเล็กๆน้อยๆนี่ก็เป็นอะไรที่บ่งบอกตัวของเธอได้ มันทำให้เธอมีความแตกต่างจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่น เมื่อได้เห็นเธอกระโดดตบบอลอย่างรุนแรงจากแดนหลัง บางทีคุณอาจจะไม่เชื่อเลยว่าเธอเป็นแค่เด็กอายุ 16 อาศัยอยู่ในเมือง Salt Lake City กับแม่ และไม่รู้จักเพลงยุคก่อนปี 1990
ไม่ใช่เรื่องประหลาดที่ความสามารถแบบนี้จะมีให้เห็นทั่วไปในวงการวอลเลย์บอล แต่เป็นเรื่องประหลาดที่เธอเป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนนึงเท่านั้น ที่ San Antonio เธอกลายเป็นตัวหลักของทีม สำหรับรายการแข่งคัดเลือกไป World Cup เธอไม่ใช่นักกีฬาหน้าใหม่ที่ได้แต่นั่งเชียร์ข้างสนาม แล้ววิ่งลงมารวมกับเพื่อนร่วมทีมเวลาแข่งจบ เธอได้โอกาสในสนามหลายครั้ง และแต่ละครั้งเธอแสดงผลงานได้ยอดเยี่ยมในขณะที่ทีมกำลังเจอกับปัญหา “เธออายุ 16 และพระเจ้าก็บอกว่า นี่แหละนักวอลเลย์บอล” Matt McShane ผู้ช่วยโค้ชกล่าว “เธอเป็นเด็กที่เยี่ยมที่สุดที่รู้จักมาเลย”
ตั้งแต่เธอเริ่มพูดได้ โลแกน ทอมถามไม่เคยหยุด ช่วงเวลาอาบน้ำเป็นช่วงเวลาที่เธอมีโอกาสถามแม่มากที่สุด แม่เธอจำได้ว่าครั้งนึง โลแกมถามว่า “หนูอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสมอง” จากนั้นแม่เธอก็ถามว่า “อยากรู้เกี่ยวกับอะไรจ๊ะ” เธอตอบว่า “ทั้งหมดเลย” หลังจากนั้นเมื่อเธอเริ่มฝึกวอลเลย์บอล โค้ช Keith Siddoway ก็ได้เจออะไรแบบเดียวกันบ้าง “เธอเป็นอะไรที่น่ารำคาญที่สุด ถ้าเธอไม่คิดว่าอะไรซักอย่างไม่สมบูรณ์แล้วล่ะก็ เธอจะอยากรู้ทุกรายละเอียดเลยว่า ทำไมถึงไม่สมบูรณ์แบบ”
แมตช์ชิงทัวร์การคัดเลือกของ Mideast ที่ Indianapolis ทีมของเธอ Klub Boom ตามอยู่ 14-13 Siddoway บอกให้โลแกน ตบลูกจากนอกคอร์ท เธอทำตาม กระโดดตบแต่ลูกออกไปประมาณนิ้วนึง พอเท้าลงถึงพื้น แทบจะในทันที เธอถาม Siddoway ว่า “ฉันทำอะไรผิด?” เป็นที่รู้กันดีว่าเธอไม่ใช่คนช่างพูด เธอไม่ใช่คนถามเรื่อยเปื่อย ดังนั้นถ้าเธอถามคำถามซักข้อ เธอมีเหตุผลเฉพาะเจาะจง และคุณควรจะมีคำตอบไว้ให้ดีล่ะ “ถ้าคุณตอบเธอแบบส่งๆไป ซักพักไม่นาน เธอก็จะมาถามอีก ผมสงสารคนที่จะเป็นโค้ชเธอในอนาคตจริงๆ บางครั้งโค้ชก็ไม่สามารถตอบได้ทุกอย่างหรอก” ทำไมเธอถึงอยากรู้ทุกอย่างนัก? “ทุกอย่างมีเหตุผลของมัน ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น” เธอตอบ
Laura Davis มือเซ็ตพูดถึงโลแกนว่า “สำหรับเด็กอายุเท่าเธอ เธอมีความเข้าใจในการอ่านเกมได้มากกว่าใครๆที่ฉันเคยเจอมา เธอเป็นเด็ก 16 ที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดที่ฉันเคยเจอ”
เมื่อพูดถึงครอบครัว พ่อแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่สมัยเธอเป็นเด็ก Melvyn Tom พ่อของเธอเคยเป็นนักฟุตบอลเล่นให้กับทีม Chicago Bears และ Philadelphia Eagles อยู่ 9 ปี ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ที่ฮาวาย เขายังคงมาพบลูกๆ เธอกับพี่ชายแลงดอน ช่วงฤดูร้อนทุกปี แต่ว่าวันปกติเธอจะอาศัยอยู่กับ คริส แม่ของเธอ เมื่อถามว่าเป็นเรื่องยากไหมที่เธอต้องเติบโตมาโดยไม่มีพ่อ เธอตอบว่า “มันก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นะ ฉันไม่เคยมีประสบการณ์ที่มีพ่อแม่อยู่ครบ เลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ทุกอย่างปกติดี”
ก่อนที่แม่ของเธอจะย้ายไปอยู่ที่รัฐยูท่าห์ พวกเขาเคยอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แม่เธอทำงานเป็นตัวประกอบละครช่วงบ่ายเรื่อง “Falcon Crest” แต่ด้วยชั่วโมงเวลาที่ไม่แน่นอน ทำให้เธอไม่มีเวลาดูแลลูกๆ เธอจึงกลับไปเป็นพนักงานเสิร์ฟค็อกเทลและกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยสาขาจิตวิทยา น้องสาวแม่ เดบบี้ ซึ่งเป็นครูประถมที่แคลิฟอร์เนีย จึงต้องรับหน้าที่ช่วยเหลือโลแกนในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับวอลเลย์บอล
เมื่อพี่น้องทั้งสองคนยังเด็ก แม่ตั้งใจที่จะให้ลูกๆของเธอเล่นกีฬาเพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาวัยเด็กที่ดี ในช่วงฤดูร้อนเมื่อเธออยู่กับพ่อ เธอไม่ได้ลงเล่นซอฟต์บอลกับพวกผู้หญิง แต่เลือกเล่นเบสบอลกับกลุ่มเด็กผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา “ใช้เวลาไม่นานนัก เธอก็สามารถตีลูกบอลออกนอกสนามได้ หลังจากนั้นทุกคนก็ให้การยอมรับเธอ” ทำให้แม่ต้องเจอกับสถานการณ์ที่จะต้องเลือกเส้นทางให้กับโลแกน ในขณะนั้นโลแกนเล่นบาสเกตบอล และเริ่มเข้าเล่นวอลเลย์บอลเป็นปีแรก โค้ชบาสเกตบอลไม่ต้องการให้เธอเล่นทั้งสองอย่าง แต่ให้ทุ่มเทกับอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะโลแกน ทอมชอบเล่นบาสเกตบอลและเธอก็เล่นได้ดีมากในสนาม
สุดท้ายโค้ชยอมรับที่จะให้โลแกน ทอมเล่นในทีมบาสต่อไปเพราะฝีมือ แต่ต้องแลกด้วยการถูกตัดเวลาเล่นในสนามทุกครั้งที่พลาดการซ้อมร่วมกับทีม “เธอเป็นนักกีฬาที่ดีที่สุดคนหนึ่ง ถ้าเธอให้เวลากับบาสเกตบอลพอๆกับวอลเลย์บอล เธอจะครองวงการนี้ได้ไม่ยาก” โค้ชบอกกับแม่ของเธอ แต่สุดท้ายแล้วแม่ของเธอก็ต้องตัดสินใจ “ถ้าฉันไม่ทำอะไรซักอย่าง โลแกนอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเลยซักอย่าง” จากปัญหาเรื่องบาสเกตบอลนี่เอง แม่เธอเลยเริ่มแนะนำให้เธอย้ายโรงเรียน “ไม่เด็ดขาด ฉันจะไม่แข่งกับเพื่อนของฉัน” เธอตอบ
Van Vleet เพื่อนของเธอให้สัมภาษณ์ว่า “สำหรับฉันแล้ว เธอมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มาก ตอนที่เจอกันฉันนึกว่าเธออายุซัก 21” แน่นอนว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทำทุกอย่างตามวัยของพวกเค้า แต่โลแกนสนใจแต่เรื่องการเรียน เธออ่านหนังสือก่อนมาเรียน เมื่อมาถึง เธอถามอาจารย์ในสิ่งที่สงสัยแล้วก็ออกจากห้องไป แม้ Van จะสนใจเรื่องการเรียนแบบโลแกน เธอก็ยังอดถามเพื่อนสาวไม่ได้ว่าแคมป์ทีมชาติเป็นยังไง
“ฝึกเป็นยังไงบ้าง” เธอถาม
“เยี่ยม”
“เธอคงได้ความรู้มาเยอะเลยใช่ไหม”
“นั่นแหละสิ่งที่สำคัญ” โลแกนตอบ
แล้วเธอจะไปทางไหนต่อ สำหรับนักวอลเลย์บอลฝีมือดีพอจะเล่น Division 1 แล้วทางเดินค่อนข้างชัดเจน พวกเค้าจะเลือกมหาวิทยาลัยที่เสนอทุนให้ดีที่สุดแล้วเล่นให้กับทีมของมหาวิทยาลัยนั้น โลแกนได้เกรดเฉลี่ย 4.0 แม่ไม่เคยซักครั้งที่ต้องบอกลูกสาวให้ไปทำการบ้าน อ่านหนังสือ ในทางกลับกัน โลแกนซะอีกเป็นฝ่ายบอกเพื่อนๆของเธอให้เลิกปาร์ตี้แล้วอ่านหนังสือซะบ้าง ครั้งสุดท้ายที่โลแกนได้ A- คือตอนเกรด 7 ด้วยผลการเรียนที่ดี ตัวสูงเกินหกฟุต แถมยังมีทักษะกีฬาที่ดีหลายชนิด โค้ชคิรายก็จับตาดูเธออยู่ หนทางในอนาคตของเธอสดใสยิ่งกว่าใครๆ
เหมือนโอกาสจะยังไม่มากพอ ไมค์ ฮาเลย์โค้ชทีมชาติสหรัฐในตอนนั้น ล่อใจเธอด้วยตั๋วไปแข่งโอลิมปิก เขาชวนเธอไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ และชวนเธอไปอยู่โคโรลาโดเพื่อให้สามารถฝึกซ้อมร่วมกับทีมชาติได้มากขึ้น นี่ถือเป็นความก้าวหน้าใหม่ของวงการวอลเลย์บอลสหรัฐ สำหรับคิวบาแล้วนักกีฬาที่มีความสามารถอาจจะได้ลงแข่งทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆตั้งแต่อายุ 14 แต่ในสหรัฐ นักวอลเลย์บอลจะมีทัวร์นาเมนต์ย่อย เล่นไปเรื่อยๆสุดท้ายไปจบเอาอายุ 22 ถึงเริ่มเข้าทีมชาติกระนั้นฝีมือก็ยังไม่ได้ดีเลิศมากมาย หลังจากโอลิมปิกปี 1996 ที่แอตแลนต้าซึ่งทีมสหรัฐทำได้แค่ที่ 6 ทำให้สมาคมวอลเลย์บอลทำการคิดโครงการฝึกใหม่ๆ โดยฝึกกับเด็กอายุน้อยลง และโลแกน ทอมก็เป็นหนึ่งในนักกีฬาเริ่มแรกของโครงการ
“พวกเค้าบอกว่าเธอเป็นหนูทดลองของโครงการ ฉันไม่ได้มองในเชิงลบหรอกนะคะ ทั้งเธอและพี่ชายเข้าร่วมโครงการนี้” แม่ของเธอกล่าวด้วยความมั่นใจ เพราะรู้สึกดีที่ลูกสาวของเธอจะได้เป็นผู้บุกเบิกโครงการที่ต่อไปจะช่วยเหลือผลักดันนักกีฬาเด็กอีกมากมาย มันไม่ใช่เรื่องยากนักและครูก็ช่วยเหลือโลแกน ในการจัดตารางเรียนให้เหมาะสมกับการฝึกซ้อม เธอจึงเริ่มเดินทางไปกลับโคโรลาโด แต่ทุกอย่างย่อมมีข้อเสีย โลแกนบ่นว่าคิดถึงเพื่อนและโรงเรียน แต่เมื่อถามว่าใครคือฮีโร่ของเธอ เธอก็ตอบว่า “แม่ของฉัน”
เสร็จสิ้นจากแคมป์ทีมชาติ โลแกนกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เธอยังต้องกลับมาเรียนให้ทันเพื่อน แถมพ่วงด้วยโรคระบบทางเดินหายใจที่เริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ โค้ช Siddoway บอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอควรมีโอกาสเป็นเด็กธรรมดากับเค้าบ้าง แต่มันยากมากเพราะตารางชีวิตของเธอเต็มแน่นไปหมด สุดท้ายแล้วฤดูร้อนถัดมา เธอก็เลือกที่จะซ้อมกับทีมชาติให้น้อยลงเพื่อมีเวลาเรียนได้เต็มที่ “การเรียนตามเพื่อนไม่ทัน มันไม่คุ้มค่าเอาซะเลย”
บริกรสาวเดินมารับออเดอร์ เพื่อนร่วมทีมสองคนสั่งเครื่องดื่มอย่างรวดเร็ว ยกเว้นโลแกน ที่ยังเลือกไม่ได้ หลังจากผ่านไปหลายวินาที เพื่อนของเธอยิ้มแล้วบอกว่า “เธอเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรได้ช้ามากๆ” ระวังให้ดี การไปซื้อของกับเธออาจใช้เวลาทั้งวัน ครั้งนึงโลแกนตบลูกแรงมากจนคนรับล้มกลิ้ง ลูกบอลกระเด็นไปถึงผนังฝั่งตรงข้าม โลแกนเดินเข้าไปขอโทษทันที “เธอทำแบบนี้เสมอเลย” เพื่อนพูด โลแกนอธิบายว่า “ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเกลียดฉัน”
นักข่าวถามว่าเธอคิดบ้างไหมว่าจะพลาดอะไรไปบ้าง ถ้าตอนนั้นเลือกที่จะเข้าแคมป์ทีมชาติที่โคโรลาโดต่อไป “ชีวิตของฉัน รถ ครอบครัว ฉันไม่มีสังคมที่นั่น ฉันอายุไม่ถึงที่จะเข้าคลับ” นักข่าวถามเธอว่า ถ้าเธอได้ไปโอลิมปิกปี 2000 แต่ต้องเรียนมหาวิทยาลัยช้าไป 1 ปี เธอจะยอมไหม เธอตอบว่า “ไม่รู้สิ” (สุดท้ายสรุปว่าไปและทีมได้ที่ 4) นักข่าวถามว่าอีก 10 ปี เธอจะทำอะไรต่อ เธอตอบว่าไม่แน่ใจ อาจจะเป็นนักวอลเลย์บอลชายหาด แม่มีความสำคัญต่อเธอมาก เนื่องจากเป็นคนรวบรวมข้อมูลให้เสมอ แต่การตัดสินใจสุดท้ายแล้ว เธอจะให้ลูกสาวเลือก “ที่จริงเธอเป็นคนฉลาด เธอมีสัญชาติญาณที่ดีค่ะ”
ก่อนจากกัน นักข่าวถามโลแกนว่า บทความนี้ถ้าเธอเป็นคนเขียน เธอจะจบมันอย่างไร โลแกนตอบแทบจะทันที “The End”
Credit
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้