0. โดยสรุป ครึ่งแรกแมนฯยูสามารถครองบอล และเข้าทำได้ดีกว่าเคมบริดจ์มาก นอกจากที่บลิ้นท์จ่ายคืนหลังพลาดในนาทีแรก ทำให้เคมบริดจ์มีลุ้นยิงโดนเสาแล้ว แทบไม่สามารถทำอะไรโต้ตอบได้เลย ครึ่งหลัง แมนฯยูยังคงไม่เพลาเกมบุก แต่เคมบริดจ์เล่นได้ดีขึ้น มีโอกาสลุ้น 2-3 ครั้ง แต่ด้วยประสิทธิภาพในเกมรุกของทีมระดับลีกทู ทำให้ทำได้แต่หวาดเสียว แต่แมนฯยูก็ยังทำเกมรุกและยิงประตูได้ไม่ดีเท่าที่ควร
มองในแง่ร้าย ถ้า LVG ใช้แผนนี้และใช้นักเตะแบบจัดเต็มแบบนี้แต่นัดก่อน ก็ชนะได้ ไม่ต้องมาเหนื่อยอีกรอบ แต่ถ้ามองในแง่ดี แมทช์นั้นก็เป็นการกระตุ้นให้ LVG หันมาใช้ 4-4-2 แบบเต็มตัว (คราวนี้ครึ่งแรก เล่นแบบมีปีกด้วย) และจัดตัวได้ตรงความถนัด ยกเว้นรูนีย์ที่เป็นปีกขวาในครึ่งแรก
Man of the Match ยกให้เฟไลนี่ ครึ่งแรก เขาเป็นเป้าให้ cross บอลโหม่งเพื่อทำทางให้เพื่อนยิงได้ดีมาก ซึ่งเขา assist ในลูกแรก และมีส่วนร่วมในประตูที่สองอีกด้วย อีกคนให้บลิ้นท์ ที่แม้จะพลาดในจังหวะแรก แต่โดยรวม เขาสามารถคุมเกมในแดนกลางได้เป็นอย่างดี ส่วน Worst of the Match ไม่มี
1. เริ่มต้น LVG จัดทีมแบบเกือบเต็มสูบ มีเพียงแม็คแนร์ที่เป็นดาวรุ่ง (และอีแวนส์ที่ได้ลงแก้ตัว) เล่นในระบบ 4-4-2 แบบมีปีก เดเกอาเป็นประตู แบ็คขวาแม็คแนร์ แบ็คซ้ายโรโฮ โดยมีสมอลลิ่งกับอีแวนส์เป็นเซ็นเตอร์ บลิ้นท์กับมาต้ายืนคู่ในแดนกลาง โดยมีดิมาเรียเป็นปีกซ้าย รูนีย์เป็นปีกขวา (ยังสงสัยว่าเมื่อยังที่ได้เปลี่ยนตัวลงมาครึ่งหลัง LVG จะจัดตัวในแดนกลางอย่างไร ในเมื่อเออร์ไรร่าก็เล่นได้ไม่เลว) เฟไลนี่เป็นหน้าต่ำ และ RVP เป็นศูนย์หน้า
2. นอกจากจังหวะแรกที่บลิ้นท์พลาดแล้ว เคมบริดจ์ลงไปตั้งรับหนาแน่น นอกจากมีบุกเป็นระยะๆ หลังจากเสียแต่ละประตู แต่เป้าที่เป็นเฟไลนี่ สร้างความปั่นป่วนให้กองหลังเคมบริดจ์ได้ดีมาก นาทีที่ 25 ดิมาเรีย cross ให้เฟไลนี่โหม่งชงกลับมาให้มาต้าที่สอดเข้ามาดีดบอลเข้าประตูไป นาทีที่ 32 ดิมาเรียก็เตะมุมให้เฟไลนี่ยิงติดบล็อค RVP เก็บบอลจากริมเส้นได้ ดีดไซด์ก้อยให้โรโฮโหม่งเข้าสบายๆ เป็นประตูแรกที่เขาทำให้ยูไนเต็ด
3. ครึ่งหลัง รูนีย์กับดิมาเรียหุบเข้ากลางมากขึ้น เป็น 4-4-2 แบบไดอามอนด์ ซึ่งก็ยังบุกได้ดี ส่วนเคมบริดจ์อย่างที่แจ้งไปแต่ต้น มีโอกาสทำเกม ยิงประตูมากกว่าครึ่งแรก แต่จังหวะยิงออกไปหวุดหวิด 2-3 ครั้ง
4. นาทีที่ 70 วิลสันลงแทน RVP เป็นศูนย์หน้า นาทีที่ 70 เออร์ไรร่าลงมาแทนดิมาเรีย และนาทีที่ 80 ยังลงมายืดเส้นยืดสายแทนโรโฮ และเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย cross บอลสวยๆ ได้ 2-3 ครั้ง ทำให้น่าสนใจว่า แมทช์หน้า LVG จะจัดกองกลางอย่างไร
5. นาทีที่ 75 เออร์ไรร่าสกัดบอลได้จากกลางสนาม assist ให้วิลสันยิงจากกรอบเขตโทษเข้าไป เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น
6. ช่วงต่อเวลา เคมบริดจ์มีโอกาสยิงได้น่าหวาดเสียว แต่ไซด์ออกข้างเสาไป แต่ถ้าเข้ากรอบ เดเกอาก็น่าจะป้องกันได้ไม่ยาก
7. สุดท้าย นัดนี้ แมนฯยูควรทำประตูได้มากกว่านี้เมื่อแผงรับเคมบริดจ์แทบไม่ได้มีอะไรมาต้านรับ ส่วน LVG ถ้าเขาจะใช้ระบบ 4-4-2 ไปให้ตลอด และจัดตัวได้ตรงความสามารถแบบนี้ทุกนัด ก็น่าจะไม่ต้องเหนื่อยในการแย่งตำแหน่งไปเล่น UCL ซีซั่นหน้า
[กระทู้สนทนาผีแดง 2015-02-04] มาสนทนาหลังแมทช์แมนฯยู 3-0 เคมบริดจ์
มองในแง่ร้าย ถ้า LVG ใช้แผนนี้และใช้นักเตะแบบจัดเต็มแบบนี้แต่นัดก่อน ก็ชนะได้ ไม่ต้องมาเหนื่อยอีกรอบ แต่ถ้ามองในแง่ดี แมทช์นั้นก็เป็นการกระตุ้นให้ LVG หันมาใช้ 4-4-2 แบบเต็มตัว (คราวนี้ครึ่งแรก เล่นแบบมีปีกด้วย) และจัดตัวได้ตรงความถนัด ยกเว้นรูนีย์ที่เป็นปีกขวาในครึ่งแรก
Man of the Match ยกให้เฟไลนี่ ครึ่งแรก เขาเป็นเป้าให้ cross บอลโหม่งเพื่อทำทางให้เพื่อนยิงได้ดีมาก ซึ่งเขา assist ในลูกแรก และมีส่วนร่วมในประตูที่สองอีกด้วย อีกคนให้บลิ้นท์ ที่แม้จะพลาดในจังหวะแรก แต่โดยรวม เขาสามารถคุมเกมในแดนกลางได้เป็นอย่างดี ส่วน Worst of the Match ไม่มี
1. เริ่มต้น LVG จัดทีมแบบเกือบเต็มสูบ มีเพียงแม็คแนร์ที่เป็นดาวรุ่ง (และอีแวนส์ที่ได้ลงแก้ตัว) เล่นในระบบ 4-4-2 แบบมีปีก เดเกอาเป็นประตู แบ็คขวาแม็คแนร์ แบ็คซ้ายโรโฮ โดยมีสมอลลิ่งกับอีแวนส์เป็นเซ็นเตอร์ บลิ้นท์กับมาต้ายืนคู่ในแดนกลาง โดยมีดิมาเรียเป็นปีกซ้าย รูนีย์เป็นปีกขวา (ยังสงสัยว่าเมื่อยังที่ได้เปลี่ยนตัวลงมาครึ่งหลัง LVG จะจัดตัวในแดนกลางอย่างไร ในเมื่อเออร์ไรร่าก็เล่นได้ไม่เลว) เฟไลนี่เป็นหน้าต่ำ และ RVP เป็นศูนย์หน้า
2. นอกจากจังหวะแรกที่บลิ้นท์พลาดแล้ว เคมบริดจ์ลงไปตั้งรับหนาแน่น นอกจากมีบุกเป็นระยะๆ หลังจากเสียแต่ละประตู แต่เป้าที่เป็นเฟไลนี่ สร้างความปั่นป่วนให้กองหลังเคมบริดจ์ได้ดีมาก นาทีที่ 25 ดิมาเรีย cross ให้เฟไลนี่โหม่งชงกลับมาให้มาต้าที่สอดเข้ามาดีดบอลเข้าประตูไป นาทีที่ 32 ดิมาเรียก็เตะมุมให้เฟไลนี่ยิงติดบล็อค RVP เก็บบอลจากริมเส้นได้ ดีดไซด์ก้อยให้โรโฮโหม่งเข้าสบายๆ เป็นประตูแรกที่เขาทำให้ยูไนเต็ด
3. ครึ่งหลัง รูนีย์กับดิมาเรียหุบเข้ากลางมากขึ้น เป็น 4-4-2 แบบไดอามอนด์ ซึ่งก็ยังบุกได้ดี ส่วนเคมบริดจ์อย่างที่แจ้งไปแต่ต้น มีโอกาสทำเกม ยิงประตูมากกว่าครึ่งแรก แต่จังหวะยิงออกไปหวุดหวิด 2-3 ครั้ง
4. นาทีที่ 70 วิลสันลงแทน RVP เป็นศูนย์หน้า นาทีที่ 70 เออร์ไรร่าลงมาแทนดิมาเรีย และนาทีที่ 80 ยังลงมายืดเส้นยืดสายแทนโรโฮ และเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย cross บอลสวยๆ ได้ 2-3 ครั้ง ทำให้น่าสนใจว่า แมทช์หน้า LVG จะจัดกองกลางอย่างไร
5. นาทีที่ 75 เออร์ไรร่าสกัดบอลได้จากกลางสนาม assist ให้วิลสันยิงจากกรอบเขตโทษเข้าไป เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น
6. ช่วงต่อเวลา เคมบริดจ์มีโอกาสยิงได้น่าหวาดเสียว แต่ไซด์ออกข้างเสาไป แต่ถ้าเข้ากรอบ เดเกอาก็น่าจะป้องกันได้ไม่ยาก
7. สุดท้าย นัดนี้ แมนฯยูควรทำประตูได้มากกว่านี้เมื่อแผงรับเคมบริดจ์แทบไม่ได้มีอะไรมาต้านรับ ส่วน LVG ถ้าเขาจะใช้ระบบ 4-4-2 ไปให้ตลอด และจัดตัวได้ตรงความสามารถแบบนี้ทุกนัด ก็น่าจะไม่ต้องเหนื่อยในการแย่งตำแหน่งไปเล่น UCL ซีซั่นหน้า