ศรัทธาได้...แต่ต้องมี ′สติ-ปัญญา′
เปิดใจแอดมิน ′ฟักโกสต์′ เรียกข้าว่า ′สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย′
โดย วจนา วรรลยางกูร และพิมพ์ชนก พุกสุข มติชนออนไลน์

ภาพตุ๊กตาม้าลายหลายร้อยตัว ผ้าเจ็ดสี และชุดไทยที่เรียงรายอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ตรงเกาะกลางถนนรัชดาภิเษก ทางโค้งบริเวณหน้าศาลอาญานั้น เป็นภาพที่ชินตาผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นนี้สัญจรไป-มา
ร่ำลือ กล่าวขาน เรียกกันจนรู้ทั้งบางว่านี่คือ "โค้งร้อยศพ" อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ ที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง
ชื่อของ "โค้งร้อยศพ" กลับมากระฉ่อนอีกระลอก เมื่อสำนักงานเขตจตุจักรมีแนวคิดจะปรับภูมิทัศน์ เนื่องจากบริเวณใต้ต้นโพธิ์ดังกล่าวไม่มีการทำความสะอาด
มานาน จนกลายเป็นจุดสะสมขยะ
และเพื่อความสบายใจ ก่อนจะเก็บโน่นกวาดนี่ ทางสำนักงานเขตต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์เสียก่อน ดังที่ได้เห็นและเป็นข่าวใหญ่คือ หมอดูชื่อดัง เดินทางมาพูดคุยเจรจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โค้งนี้
อีกด้านหนึ่ง ก็มีคนเดินทางมาเพื่อ "ลองของ"* เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีจริง
ดังที่จะเห็นในเฟซบุ๊กจากแฟนเพจ
Ghost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย โพสต์ภาพใช้เท้าเหยียบม้าลาย เพื่อพิสูจน์ความเชื่อตามจุดยืนเพจ ที่ต้องการต่อต้านสิ่งงมงาย แม้ภาพที่ออกมาดูรุนแรงและโดนต่อว่าหนักเรื่องการลบหลู่ความเชื่อ แต่เมื่อรู้จุดมุ่งหมายแล้ว อาจทำให้บางคนต้องกลับมาทบทวน ความเชื่อ ความศรัทธาตัวเองอีกครั้ง
ลองฟังสิ่งที่ บี ฟักโกสต์ ผู้สร้างแฟนเพจฟักโกสต์ฯได้เปิดใจ แต่ไม่เปิดหน้า
ยืนยันด้วยท่าทีสุขุมนุ่มลึกว่า ตนเองพยายามสร้างกระแสให้คนหันมาครุ่นคิด พิสูจน์ และตรวจสอบข้อเท็จจริงมากกว่า
"งมงาย"
ทำเพจมากว่า 3 ปี คนมากดติดตาม 2 แสนกว่าคน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เริ่มตั้งแต่ประเด็นเล็กๆ จนประเด็นที่กลายเป็นกระแสสังคมอย่างกรณีหลวงปู่เณรคำ หรือภาพนักร้องญี่ปุ่นสวมจีวรขึ้นคอนเสิร์ต
ล่าสุดคือการลองของ
"โค้งร้อยศพ" นี่เอง
สร้างแฟนเพจขึ้นมาทำไม?
ผมเปิดเพจเพราะสื่อมีเรื่องงมงายเยอะเกินไป แล้วคนที่ไม่เห็นด้วยไม่มีพื้นที่ เราต้องการเป็นพื้นที่ตีแผ่ในมุมมองของคนไม่เชื่อเพื่อเอามาค้าน ส่วนการลบหลู่ ที่จริงไม่ใช่ลบหลู่ แต่เป็นการพิสูจน์ จึงใช้คำว่า
"ไม่เชื่อต้องพิสูจน์"
ผมสวมหัวโขนเพื่อง่ายต่อการนำเสนอ เป้าหมายของผมคือวัยรุ่น จึงใช้ศัพท์รุนแรง ผมไม่ได้ต้องการเปลี่ยนคนแก่ วัยรุ่นเขาโตไปแล้ว สอนลูกได้ แล้วศัพท์วัยรุ่นง่ายต่อการนำเสนอ พระไม่สามารถทำแบบฟักโกสต์ได้ ผมเอาคำพระมาพูดในแบบของฟักโกสต์ ดูหลักธรรมแล้วเอามาแปลงเป็นคำพูดเกรียน พระก็มีขอบเขต บางทีพระก็ส่งเรื่องให้เราตีแผ่ เป็นเบื้องหลังที่คนไม่รู้
มีพระเข้ามาให้กำลังใจบอกว่า ดีแล้วโยม อาตมาชอบ แต่อาตมาทำแบบโยมไม่ได้ เพราะมีขอบเขต
คิดว่าเป็นการรุกล้ำความเชื่อของคนอื่นไหม?
ทำไมเราค้านถึงผิด นั่นก็หมายถึงเขาก็รุกล้ำเราเหมือนกัน ส่วนหนึ่งคือการหาที่ยืนให้กับคนที่ไม่เชื่อ เราเอาข้อมูลมาแย้ง ผมมองว่าเราเปลี่ยนความเชื่อไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนค่านิยมได้ อยากให้คุณกล้าและมีเหตุผล จุดยืนของเพจคือ ต่อต้านเรื่องงมงาย เรื่องผี และความเชื่อที่ขัดต่อสิทธิของคน เช่น ผู้หญิงห้ามเข้าพื้นที่ส่วนนี้ แบบนี้ขัดต่อเสรีภาพของคน คำสอนบางอย่างไปกันไม่ได้กับโลกปัจจุบัน เราทำให้สังคมอยู่ในกรอบของเหตุผล คุณเป็นคนอยู่ในกรอบของกฎหมาย รู้จักถูกผิดก็พอ
ผมพยายามที่จะไม่แตะศาสนา บางอันแรงไปเราก็ไม่ยุ่ง แต่บางเรื่อง เช่น การไหว้ต้นไม้ ผมจำเป็นต้องโจมตี ให้คนเห็นว่าเป็นเรื่องตลก ต้นไม้จะไปรู้จักกับกองสลากฯได้ยังไง จะมีคนบางส่วนที่เห็นด้วย ส่วนเรื่องบาป-บุญ ผมไม่ได้ห้ามให้ไม่เชื่อ แต่ผมทำให้เขาเชื่อเรื่องการทำถูกและผิดด้วย บางคนคลั่งการทำบุญ ทำหมดหน้าตัก
ลิมิตของความเชื่อก็ควรจะอยู่ในเหตุและผล
นับถือศาสนาไหม?
ตัวผมเองนับถือศาสนาพุทธ คนจะเข้าใจผิดว่าพุทธงมงาย พุทธศาสนาสอนให้เชื่อในเหตุและผล สอนให้พิสูจน์ แต่พราหมณ์เข้ามาปน สอนให้เชื่อสิ่งดลบันดาล พระก็มาสอนไสยศาสตร์ คุณก็เชื่อว่าพระพูดถูก เราก็แค่ยกมาว่า ไม่มีสอนในพุทธศาสนา ผมเชื่อแค่บางส่วนในศาสนาที่พิสูจน์ได้ อย่างสวรรค์พิสูจน์ได้หรือเปล่า ผมยึดหลักเหตุผลมากกว่า ผมศรัทธาหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ และท่านพุทธทาสภิกขุ แต่ผมไม่เชื่อเรื่องภพภูมิ
ส่วนเรื่องผี เกิดจากความกลัว ผีเลยเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าผีเป็นพลังงานต้องตรวจจับได้ ผมเคยสอบถาม อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ท่านให้ความเห็นว่า ตราบใดที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ให้คิดไว้ก่อนว่ามันไม่มี ถ้าพิสูจน์ได้เมื่อไหร่ค่อยเชื่อก็ไม่ผิด
ผีเกิดจากการจินตนาการ ต้องดูด้วยว่าความเชื่อพื้นฐานคนเล่ามาจากอะไร อย่างเด็ก 4 ขวบ อาจจะไม่ได้โกหกแต่ไม่เข้าใจ โดนผู้ใหญ่ปลูกฝังมา หรือป้าอายุ 40 ที่บ้านเป็นร่างทรง มาเล่าแล้วข้อมูลไม่เป็นกลาง เขามีผลประโยชน์ด้านนี้อยู่
บางคนบอกขับรถไปต่างจังหวัด นอนโรงแรมแล้วกระดิกตัวไม่ได้ คือเหตุผลก็บอกอยู่ว่าคุณขับรถมาเพลีย พักผ่อนน้อย แต่คุณเชื่อเรื่องผี คุณก็เล่าไปในทิศทางเรื่องผี
แยกความศรัทธากับความงมงายออกจากกันยังไง?
ถ้าตามหลักพุทธศาสนา ต้องศรัทธาอย่างมีเหตุผล ความงมงายหมายความว่าเชื่ออย่างไม่มีเหตุผล ศรัทธาต้องประกอบไปด้วยสติกับปัญญา
ถ้าคุณจะศรัทธาพระรูปหนึ่งเพราะเขาสอนดี สอนให้มีเหตุผลก็ไม่แปลก แต่ถ้าเขาขี้โม้สอนอะไรไม่รู้แล้วไปเชื่อ อันนั้นคืองมงาย บางคนโดนหมอดูหลอก ไม่มีที่จะไปสู้ เพราะคุณวิ่งไปหาหมอดูเอง เสียเงินไป 2-3 แสน สมมุติคุณไปทำพิธีแล้วโดนข่มขืน จะพูดให้ใครฟัง บอกลูกศิษย์เขาก็หาว่าคุณโกหก คุณไม่มีสิทธิพูด ไม่มีหลักฐาน
เคยอัดคลิปที่ไปทำลายศาลพระภูมิ เป็นวิธีการพิสูจน์?
ใช่ การพิสูจน์ก็คือ เขาบอกว่าทำแล้วจะมีอันเป็นไปหรือผีมาหลอก แล้วเราก็มาทำให้ดูว่าผีไม่มาหลอกหรอก ผมทำแล้วไม่เจอ ผมเข้าใจว่าความกลัวเกิดจากกลไกทางสมองหรือวิวัฒนาการที่ทำให้เราเกิดความกลัว เป็นการปกป้องตัวเอง ถ้าคุณไม่กลัวเสือ คุณก็ตาย ธรรมชาติเลยสร้างคนให้มีความกลัว ทำไมมนุษย์ถึงกลัวความมืด เพราะมนุษย์เป็นสัตว์หากินตอนกลางวัน ความมืดในยุคโบราณมีสัตว์นักล่า แต่ปัจจุบันเราไม่กลัวเพราะมันปลอดภัย บางคนอยู่ในบ้านยังกลัวผีเลย เพราะเขาโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาเด็กไม่รู้จักผีหรอก แต่ผู้ใหญ่ปลูกฝัง
ตั้งแต่เปิดเพจมาโดนต่อว่าขนาดไหน?
โดนด่าทุกวัน เขาด่าจนชินเดี๋ยวเขาก็เบื่อ แล้วเขาจะติดตามทุกคอมเมนต์เลย จะมีเรื่องที่คุณอ่านแล้วไปสะดุดคิด อย่างพวกกุมารทองเข้ามาด่า ผมก็เฉยๆ เล่นเรื่องอื่นต่อ ไปเล่นเรื่องพระ เขาก็เห็นด้วยนะ แค่ยังเชื่อเรื่องกุมารทองอยู่ บางคนตามเพจฟักโกสต์เพราะเกลียด ตอนหลังเข้ามาขอบคุณ บอกเมื่อก่อนซื้อกุมารทองมาเต็มเลย ตอนหลังขายทิ้งหมดแล้ว
เราต้องทำสิ่งที่สังคมยอมรับได้ อย่างเอาเท้าเหยียบม้าลาย เขาเล่นข้อหาผมไม่ได้ ผมไม่ได้ทำลายทรัพย์สิน ไม่ได้ขโมย แต่ถ้าผมเอาสีไปพ่นสะพาน สังคมบอกว่าต้องการตามตัว เปิดกล้องวงจรปิด ผิดกฎหมาย เสร็จเลย เราเน้นเล่นเรื่องผี เรื่องศาสนาผมวิจารณ์อย่างมีขอบเขต บางทีเราไม่กล้าวิจารณ์ก็หยิบข่าวมาคนอ่านก็คิดได้ เรื่องศาสนากระทบกระเทือนคนกลุ่มใหญ่ แต่เรื่องผีไม่ผิดกฎหมาย
เราปกป้องศาสนา เน้นแต่พุทธที่ถูกต้อง บางคนถามว่า ทำไมชอบด่าพระ ก็ผมด่าพระเลวแล้วผิดตรงไหน ส่วนอันไหนที่เขาทำถูกผมก็เอามาชู แต่คนมองว่าทำไมฟักโกสต์ชูแต่พุทธ คุณก็หามาสิอันไหนเขาพูดดี ทำดีก็เอามา ถือเป็นข่าวศาสนา แต่ไม่ค่อยมี เพราะเราอยู่เมืองพุทธ ข่าวพุทธก็เยอะ
การปกป้องศาสนา ก็มีองค์กรที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว?
ผมว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องหลวงปู่เณรคำ คนหาข้อมูลมาให้ ก็บอกว่าต้องรอก่อน ขอสอบสวนแล้วปล่อยไป เหมือนเป็นการปกป้องคนผิด บางทีวงการนี้คนไม่ดีได้เป็นใหญ่ ก่อนที่จะได้ขึ้นมาก็ต้องมีเงิน
ถ้าผมสอนให้คนเข้าใจในธรรมะ ผมก็ไม่ได้กิจนิมนต์ สอนเรื่องไสยศาสตร์แล้วมีตังค์ มีตังค์มากก็ได้ฐานเสียงมาก หัวผิดหางก็ผิดหมด พระดีๆ ผมเคยไปคุยด้วย ท่านบอกว่าอยู่ไม่ได้ ที่วัดหนึ่งมีพระปฏิบัติดีแล้วโดนแกล้ง ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีอะไรเลย ส่วนพระไม่ดีมีโฮมเธียเตอร์ มีเครื่องเสียง เงิน อำนาจ มีทุกอย่าง ชี้เป็นชี้ตายใครได้ เวลาไม่มีกิจนิมนต์ก็ไล่พระดีๆ ไป พอมีงานเงินเยอะๆ ก็เอาพวกตัวเองไป ศาสนาจะอยู่ยังไงไม่มีใครปราม แล้วถ้าขัดแย้งกับเจ้าอาวาสก็โดนไล่ออก คนแตะไม่ได้ คนไม่มีอำนาจอยู่ไม่ได้
ทำเรื่องพวกนี้ไปทำไม?
เป็นอุดมการณ์ ถ้าไม่ทำไม่มีความสุข สมมุติผมเดินอยู่ เห็นผู้หญิงโดนรังแกแล้วผมเดินเฉยๆ ผมทำไม่ได้ ผมเห็นคนถูกหลอกอยู่ ก็ไม่อยากให้ถูกหลอก แล้วก็ต้องเจ็บตัวแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา
เหนื่อยนะ ทำมา 3 ปี โดนคนด่า กว่าคนจะมาเห็นความดี ยากมาก แต่คนที่เข้าใจเราตั้งแต่แรกก็มี
เปิดใจแอดมิน ′ฟักโกสต์′ เรียกข้าว่า ′สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย′
เปิดใจแอดมิน ′ฟักโกสต์′ เรียกข้าว่า ′สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย′
โดย วจนา วรรลยางกูร และพิมพ์ชนก พุกสุข มติชนออนไลน์
ภาพตุ๊กตาม้าลายหลายร้อยตัว ผ้าเจ็ดสี และชุดไทยที่เรียงรายอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ตรงเกาะกลางถนนรัชดาภิเษก ทางโค้งบริเวณหน้าศาลอาญานั้น เป็นภาพที่ชินตาผู้ใช้รถใช้ถนนเส้นนี้สัญจรไป-มา
ร่ำลือ กล่าวขาน เรียกกันจนรู้ทั้งบางว่านี่คือ "โค้งร้อยศพ" อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ ที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง
ชื่อของ "โค้งร้อยศพ" กลับมากระฉ่อนอีกระลอก เมื่อสำนักงานเขตจตุจักรมีแนวคิดจะปรับภูมิทัศน์ เนื่องจากบริเวณใต้ต้นโพธิ์ดังกล่าวไม่มีการทำความสะอาด
มานาน จนกลายเป็นจุดสะสมขยะ
และเพื่อความสบายใจ ก่อนจะเก็บโน่นกวาดนี่ ทางสำนักงานเขตต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์เสียก่อน ดังที่ได้เห็นและเป็นข่าวใหญ่คือ หมอดูชื่อดัง เดินทางมาพูดคุยเจรจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โค้งนี้
อีกด้านหนึ่ง ก็มีคนเดินทางมาเพื่อ "ลองของ"* เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีจริง
ดังที่จะเห็นในเฟซบุ๊กจากแฟนเพจ Ghost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย โพสต์ภาพใช้เท้าเหยียบม้าลาย เพื่อพิสูจน์ความเชื่อตามจุดยืนเพจ ที่ต้องการต่อต้านสิ่งงมงาย แม้ภาพที่ออกมาดูรุนแรงและโดนต่อว่าหนักเรื่องการลบหลู่ความเชื่อ แต่เมื่อรู้จุดมุ่งหมายแล้ว อาจทำให้บางคนต้องกลับมาทบทวน ความเชื่อ ความศรัทธาตัวเองอีกครั้ง
ลองฟังสิ่งที่ บี ฟักโกสต์ ผู้สร้างแฟนเพจฟักโกสต์ฯได้เปิดใจ แต่ไม่เปิดหน้า
ยืนยันด้วยท่าทีสุขุมนุ่มลึกว่า ตนเองพยายามสร้างกระแสให้คนหันมาครุ่นคิด พิสูจน์ และตรวจสอบข้อเท็จจริงมากกว่า "งมงาย"
ทำเพจมากว่า 3 ปี คนมากดติดตาม 2 แสนกว่าคน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เริ่มตั้งแต่ประเด็นเล็กๆ จนประเด็นที่กลายเป็นกระแสสังคมอย่างกรณีหลวงปู่เณรคำ หรือภาพนักร้องญี่ปุ่นสวมจีวรขึ้นคอนเสิร์ต
ล่าสุดคือการลองของ "โค้งร้อยศพ" นี่เอง
ผมเปิดเพจเพราะสื่อมีเรื่องงมงายเยอะเกินไป แล้วคนที่ไม่เห็นด้วยไม่มีพื้นที่ เราต้องการเป็นพื้นที่ตีแผ่ในมุมมองของคนไม่เชื่อเพื่อเอามาค้าน ส่วนการลบหลู่ ที่จริงไม่ใช่ลบหลู่ แต่เป็นการพิสูจน์ จึงใช้คำว่า "ไม่เชื่อต้องพิสูจน์"
ผมสวมหัวโขนเพื่อง่ายต่อการนำเสนอ เป้าหมายของผมคือวัยรุ่น จึงใช้ศัพท์รุนแรง ผมไม่ได้ต้องการเปลี่ยนคนแก่ วัยรุ่นเขาโตไปแล้ว สอนลูกได้ แล้วศัพท์วัยรุ่นง่ายต่อการนำเสนอ พระไม่สามารถทำแบบฟักโกสต์ได้ ผมเอาคำพระมาพูดในแบบของฟักโกสต์ ดูหลักธรรมแล้วเอามาแปลงเป็นคำพูดเกรียน พระก็มีขอบเขต บางทีพระก็ส่งเรื่องให้เราตีแผ่ เป็นเบื้องหลังที่คนไม่รู้
มีพระเข้ามาให้กำลังใจบอกว่า ดีแล้วโยม อาตมาชอบ แต่อาตมาทำแบบโยมไม่ได้ เพราะมีขอบเขต
ทำไมเราค้านถึงผิด นั่นก็หมายถึงเขาก็รุกล้ำเราเหมือนกัน ส่วนหนึ่งคือการหาที่ยืนให้กับคนที่ไม่เชื่อ เราเอาข้อมูลมาแย้ง ผมมองว่าเราเปลี่ยนความเชื่อไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนค่านิยมได้ อยากให้คุณกล้าและมีเหตุผล จุดยืนของเพจคือ ต่อต้านเรื่องงมงาย เรื่องผี และความเชื่อที่ขัดต่อสิทธิของคน เช่น ผู้หญิงห้ามเข้าพื้นที่ส่วนนี้ แบบนี้ขัดต่อเสรีภาพของคน คำสอนบางอย่างไปกันไม่ได้กับโลกปัจจุบัน เราทำให้สังคมอยู่ในกรอบของเหตุผล คุณเป็นคนอยู่ในกรอบของกฎหมาย รู้จักถูกผิดก็พอ
ผมพยายามที่จะไม่แตะศาสนา บางอันแรงไปเราก็ไม่ยุ่ง แต่บางเรื่อง เช่น การไหว้ต้นไม้ ผมจำเป็นต้องโจมตี ให้คนเห็นว่าเป็นเรื่องตลก ต้นไม้จะไปรู้จักกับกองสลากฯได้ยังไง จะมีคนบางส่วนที่เห็นด้วย ส่วนเรื่องบาป-บุญ ผมไม่ได้ห้ามให้ไม่เชื่อ แต่ผมทำให้เขาเชื่อเรื่องการทำถูกและผิดด้วย บางคนคลั่งการทำบุญ ทำหมดหน้าตัก
ลิมิตของความเชื่อก็ควรจะอยู่ในเหตุและผล
ตัวผมเองนับถือศาสนาพุทธ คนจะเข้าใจผิดว่าพุทธงมงาย พุทธศาสนาสอนให้เชื่อในเหตุและผล สอนให้พิสูจน์ แต่พราหมณ์เข้ามาปน สอนให้เชื่อสิ่งดลบันดาล พระก็มาสอนไสยศาสตร์ คุณก็เชื่อว่าพระพูดถูก เราก็แค่ยกมาว่า ไม่มีสอนในพุทธศาสนา ผมเชื่อแค่บางส่วนในศาสนาที่พิสูจน์ได้ อย่างสวรรค์พิสูจน์ได้หรือเปล่า ผมยึดหลักเหตุผลมากกว่า ผมศรัทธาหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ และท่านพุทธทาสภิกขุ แต่ผมไม่เชื่อเรื่องภพภูมิ
ส่วนเรื่องผี เกิดจากความกลัว ผีเลยเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ ถ้าผีเป็นพลังงานต้องตรวจจับได้ ผมเคยสอบถาม อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ท่านให้ความเห็นว่า ตราบใดที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ให้คิดไว้ก่อนว่ามันไม่มี ถ้าพิสูจน์ได้เมื่อไหร่ค่อยเชื่อก็ไม่ผิด
ผีเกิดจากการจินตนาการ ต้องดูด้วยว่าความเชื่อพื้นฐานคนเล่ามาจากอะไร อย่างเด็ก 4 ขวบ อาจจะไม่ได้โกหกแต่ไม่เข้าใจ โดนผู้ใหญ่ปลูกฝังมา หรือป้าอายุ 40 ที่บ้านเป็นร่างทรง มาเล่าแล้วข้อมูลไม่เป็นกลาง เขามีผลประโยชน์ด้านนี้อยู่
บางคนบอกขับรถไปต่างจังหวัด นอนโรงแรมแล้วกระดิกตัวไม่ได้ คือเหตุผลก็บอกอยู่ว่าคุณขับรถมาเพลีย พักผ่อนน้อย แต่คุณเชื่อเรื่องผี คุณก็เล่าไปในทิศทางเรื่องผี
ถ้าตามหลักพุทธศาสนา ต้องศรัทธาอย่างมีเหตุผล ความงมงายหมายความว่าเชื่ออย่างไม่มีเหตุผล ศรัทธาต้องประกอบไปด้วยสติกับปัญญา
ถ้าคุณจะศรัทธาพระรูปหนึ่งเพราะเขาสอนดี สอนให้มีเหตุผลก็ไม่แปลก แต่ถ้าเขาขี้โม้สอนอะไรไม่รู้แล้วไปเชื่อ อันนั้นคืองมงาย บางคนโดนหมอดูหลอก ไม่มีที่จะไปสู้ เพราะคุณวิ่งไปหาหมอดูเอง เสียเงินไป 2-3 แสน สมมุติคุณไปทำพิธีแล้วโดนข่มขืน จะพูดให้ใครฟัง บอกลูกศิษย์เขาก็หาว่าคุณโกหก คุณไม่มีสิทธิพูด ไม่มีหลักฐาน
ใช่ การพิสูจน์ก็คือ เขาบอกว่าทำแล้วจะมีอันเป็นไปหรือผีมาหลอก แล้วเราก็มาทำให้ดูว่าผีไม่มาหลอกหรอก ผมทำแล้วไม่เจอ ผมเข้าใจว่าความกลัวเกิดจากกลไกทางสมองหรือวิวัฒนาการที่ทำให้เราเกิดความกลัว เป็นการปกป้องตัวเอง ถ้าคุณไม่กลัวเสือ คุณก็ตาย ธรรมชาติเลยสร้างคนให้มีความกลัว ทำไมมนุษย์ถึงกลัวความมืด เพราะมนุษย์เป็นสัตว์หากินตอนกลางวัน ความมืดในยุคโบราณมีสัตว์นักล่า แต่ปัจจุบันเราไม่กลัวเพราะมันปลอดภัย บางคนอยู่ในบ้านยังกลัวผีเลย เพราะเขาโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก เกิดมาเด็กไม่รู้จักผีหรอก แต่ผู้ใหญ่ปลูกฝัง
โดนด่าทุกวัน เขาด่าจนชินเดี๋ยวเขาก็เบื่อ แล้วเขาจะติดตามทุกคอมเมนต์เลย จะมีเรื่องที่คุณอ่านแล้วไปสะดุดคิด อย่างพวกกุมารทองเข้ามาด่า ผมก็เฉยๆ เล่นเรื่องอื่นต่อ ไปเล่นเรื่องพระ เขาก็เห็นด้วยนะ แค่ยังเชื่อเรื่องกุมารทองอยู่ บางคนตามเพจฟักโกสต์เพราะเกลียด ตอนหลังเข้ามาขอบคุณ บอกเมื่อก่อนซื้อกุมารทองมาเต็มเลย ตอนหลังขายทิ้งหมดแล้ว
เราต้องทำสิ่งที่สังคมยอมรับได้ อย่างเอาเท้าเหยียบม้าลาย เขาเล่นข้อหาผมไม่ได้ ผมไม่ได้ทำลายทรัพย์สิน ไม่ได้ขโมย แต่ถ้าผมเอาสีไปพ่นสะพาน สังคมบอกว่าต้องการตามตัว เปิดกล้องวงจรปิด ผิดกฎหมาย เสร็จเลย เราเน้นเล่นเรื่องผี เรื่องศาสนาผมวิจารณ์อย่างมีขอบเขต บางทีเราไม่กล้าวิจารณ์ก็หยิบข่าวมาคนอ่านก็คิดได้ เรื่องศาสนากระทบกระเทือนคนกลุ่มใหญ่ แต่เรื่องผีไม่ผิดกฎหมาย
เราปกป้องศาสนา เน้นแต่พุทธที่ถูกต้อง บางคนถามว่า ทำไมชอบด่าพระ ก็ผมด่าพระเลวแล้วผิดตรงไหน ส่วนอันไหนที่เขาทำถูกผมก็เอามาชู แต่คนมองว่าทำไมฟักโกสต์ชูแต่พุทธ คุณก็หามาสิอันไหนเขาพูดดี ทำดีก็เอามา ถือเป็นข่าวศาสนา แต่ไม่ค่อยมี เพราะเราอยู่เมืองพุทธ ข่าวพุทธก็เยอะ
ผมว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เรื่องหลวงปู่เณรคำ คนหาข้อมูลมาให้ ก็บอกว่าต้องรอก่อน ขอสอบสวนแล้วปล่อยไป เหมือนเป็นการปกป้องคนผิด บางทีวงการนี้คนไม่ดีได้เป็นใหญ่ ก่อนที่จะได้ขึ้นมาก็ต้องมีเงิน
ถ้าผมสอนให้คนเข้าใจในธรรมะ ผมก็ไม่ได้กิจนิมนต์ สอนเรื่องไสยศาสตร์แล้วมีตังค์ มีตังค์มากก็ได้ฐานเสียงมาก หัวผิดหางก็ผิดหมด พระดีๆ ผมเคยไปคุยด้วย ท่านบอกว่าอยู่ไม่ได้ ที่วัดหนึ่งมีพระปฏิบัติดีแล้วโดนแกล้ง ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีอะไรเลย ส่วนพระไม่ดีมีโฮมเธียเตอร์ มีเครื่องเสียง เงิน อำนาจ มีทุกอย่าง ชี้เป็นชี้ตายใครได้ เวลาไม่มีกิจนิมนต์ก็ไล่พระดีๆ ไป พอมีงานเงินเยอะๆ ก็เอาพวกตัวเองไป ศาสนาจะอยู่ยังไงไม่มีใครปราม แล้วถ้าขัดแย้งกับเจ้าอาวาสก็โดนไล่ออก คนแตะไม่ได้ คนไม่มีอำนาจอยู่ไม่ได้
เป็นอุดมการณ์ ถ้าไม่ทำไม่มีความสุข สมมุติผมเดินอยู่ เห็นผู้หญิงโดนรังแกแล้วผมเดินเฉยๆ ผมทำไม่ได้ ผมเห็นคนถูกหลอกอยู่ ก็ไม่อยากให้ถูกหลอก แล้วก็ต้องเจ็บตัวแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา
เหนื่อยนะ ทำมา 3 ปี โดนคนด่า กว่าคนจะมาเห็นความดี ยากมาก แต่คนที่เข้าใจเราตั้งแต่แรกก็มี