จริง ๆ ประเด็นนี้ผมอยากจะพูดถึงมานานพอสมควร แต่ที่ผ่านมาเบื่อ ๆ เลยไม่ค่อยอยากตั้งกระทู้เท่าไหร่
พอวันนี้ได้ฟังรายการเดินหน้าประเทศไทย ก็เลยคิดว่า น่าจะแสดงความเห็นในประเด็นนี้ไว้ก่อนสักหน่อย เผื่อคนร่างรัฐธรรมนูญ จะได้ฉุกคิดว่า จริง ๆ แล้วเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ควรมีอะไร ไม่จำเป็นต้องมีอะไร และไม่น่าจะเสียเวลาไปกับอะไร
ขอเริ่มเกริ่นนำจากแม่น้ำห้าสายของการปฏิวัติรอบนี้ ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ทั้งห้าสาย เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจหน้าที่หลักของแต่ละส่วนของตัวเอง(ตามความเข้าใจของผม)
เริ่มจาก คสช. จริง ๆ แล้ว การปฏิวัติรอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความปรองดอง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือทำอย่างไรที่จะลดความขัดแย้ง ให้สองฝ่ายปรับเข้าหากันได้ แต่ที่ผ่านมาเหมือนกับจะไม่ได้ทำเรื่องนี้เท่าไหร่ สถานการณ์ถึงไม่สามารถเดินไปถึงจุดที่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้สักที ทั้ง ๆ ที่ยึดอำนาจมาเกิน 200 วันแล้ว
ไปถึง ครม. หน้าที่ชัดเจนคือ การบริหารประเทศชั่วคราว ในภาวะไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นหน้าที่ควรทำ น่าจะมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหา ให้โครงการเก่า ๆ ที่ยังไม่จบสิ้น สามารถดำเนินการไปได้เรียบร้อย และเพิ่มเติมโครงการใหม่เท่าที่จำเป็น แต่ที่ผ่านมา เหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดโครงการใหม่ มากกว่าสนใจจะสานต่องานเดิมให้ลุล่วง
สำหรับ สนช.นั้น การที่เสียเวลาไปหลายวัน เพื่อทำเรื่องการถอดถอนนั้น น่าจะเรียกว่า ทำงานที่ไม่เร่งด่วน เพิ่มความขัดแย้งแบบไม่จำเป็น เพราะจริง ๆ รออีกสองปี ค่อยถอดถอนก็ยังไม่เดือดร้อนอะไร ในภาวะประเทศที่ต้องการความปรองดอง และยังมีปัญหา แทนที่จะเอาเวลาการประชุม ไปเดินเรื่องถอดถอน สู้ไปออกกฎหมายที่จำเป็น น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ขอพูดถึงแม่น้ำสามสายแรกคร่าว ๆ แค่นี้นะครับ ขอไปอีกสองสายที่เหลือ ที่อยากพูดถึงมากกว่า
_______________________________________________________________
แม่น้ำสายที่สี่ คือ สภาปฎิรูปแห่งชาติ ในส่วนนี้ ตามหลักการคิดว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่ตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ แต่เนื่องจากบทบาทหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 57 เหมือนจะบีบรัดให้สภาปฏิรูปทำงาน แต่ไม่สามารถนำผลงานไปใช้ได้ เพราะการกำหนดการทำงาน ก็เหมือนจะให้จบ ถ้าหากรัฐธรรมนูญใหม่ไม่มีการต่ออายุการทำงานให้ และสิ่งที่ทำมา จะไปปรากฎที่ไหน เพราะตอนนี้รัฐธรรมนูญก็ร่างกันไป ได้ข้อสรุปมา จะใส่เข้าไปในรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เมื่อร่างเสร็จแล้ว
ข้อเสนอแนะด้านอื่น เสนอให้ ครม. สนช. ก็ไม่มีอะไรบังคับให้ทำตาม สุดท้ายถ้าหากไม่มีการนำข้อเสนอไปทำให้รูปธรรม ก็เหมือนกับสิ่งที่ สปช.ทำมาจะสูญเปล่าไปหมด
สำหรับ แม่น้ำสายที่ห้า คือคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อันนี้ผมสงสัยมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังเขียนกันอยู่นี้ มีคนเชื่อเหรอครับว่า จะมีอายุอยู่ได้ยาวนาน ดีไม่ดีไม่ถึงปี 2560 ก็จะโดนแก้ไข เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว
ดังนั้น การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ในการเพิ่มเติม สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ไปเพื่ออะไร จะเลือกตั้งแบบเยอรมัน การนับคะแนนแบบ MMP หรือการจัดทำงบประมาณแบบใหม่ หรืออื่น ๆ ที่ต้องการการศึกษาให้รอบคอบ มากกว่าการคิดประดิษฐ์คำเพื่อใส่ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่าง ๆ มันเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่มันควรจะต้องรอบคอบ ควรใช้เวลาพิจารณารอบด้าน ก่อนนำมาใช้ ไม่ใช่ว่าอยากใช้อยากทำ ก็แค่จับใส่ลงไปในรัฐธรรมนูญเลย
_________________________________________________________
ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากให้แม่น้ำสองสายหลัง ของ คสช.ทำ ก็คือการที่กมธ.ยกร่างฯ เขียนรัฐธรรมนูญที่กระชับ ไม่สร้างประเด็นใหม่ แล้วควรมุ่งประเด็นการเตรียมความพร้อม ให้กับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีการนำผลงานของ สปช.มาร่วมในการเขียนด้วย ดังนั้น ในรัฐธรรมนูญควรจะมีการกำหนดให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อทำการร่างรัฐธรรมนูญ มีการกำหนดหน้าที่ของสภาปฏิรูป ว่าต้องทำงานต่อเนื่องไปอย่างไร ต้องมีผลงานเป็นรูปธรรมออกมาแบบไหน เพื่อให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเอาไปใช้งานได้ มีการบังคับให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ ต้องนำข้อสรุปที่ได้จากสภาปฏิรูป ไปใส่ในรัฐธรรมนูญ
เพราะถ้าหากทั้งหมดนี้ ทำให้ชัดเจนได้ ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังเขียน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพื่อเข้าสู่การปฏิรูปที่เดินหน้าอย่างเป็นระบบได้ ในอนาคตเมื่อสภาปฏิรูปได้ผลสำเร็จ เราจะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่นำไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างชัดเจน
ไม่ใช่นั่งเสนอประเด็นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ตรงกับจุดที่จำเป็นกับการปฏิรูปหรือป่าวก็ไม่รู้ และเหมือนกับร่างมาแล้ว ไม่ว่าจะดียังไง ก็มีโอกาสใช้งานได้ไม่นานมาก แล้วแบบนี้จะเขียนให้เรื่องมากไปทำไม
รัฐธรรมนูญฉบับ คสช.
พอวันนี้ได้ฟังรายการเดินหน้าประเทศไทย ก็เลยคิดว่า น่าจะแสดงความเห็นในประเด็นนี้ไว้ก่อนสักหน่อย เผื่อคนร่างรัฐธรรมนูญ จะได้ฉุกคิดว่า จริง ๆ แล้วเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ควรมีอะไร ไม่จำเป็นต้องมีอะไร และไม่น่าจะเสียเวลาไปกับอะไร
ขอเริ่มเกริ่นนำจากแม่น้ำห้าสายของการปฏิวัติรอบนี้ ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ทั้งห้าสาย เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจหน้าที่หลักของแต่ละส่วนของตัวเอง(ตามความเข้าใจของผม)
เริ่มจาก คสช. จริง ๆ แล้ว การปฏิวัติรอบนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความปรองดอง ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำ คือทำอย่างไรที่จะลดความขัดแย้ง ให้สองฝ่ายปรับเข้าหากันได้ แต่ที่ผ่านมาเหมือนกับจะไม่ได้ทำเรื่องนี้เท่าไหร่ สถานการณ์ถึงไม่สามารถเดินไปถึงจุดที่สามารถยกเลิกกฎอัยการศึกได้สักที ทั้ง ๆ ที่ยึดอำนาจมาเกิน 200 วันแล้ว
ไปถึง ครม. หน้าที่ชัดเจนคือ การบริหารประเทศชั่วคราว ในภาวะไม่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นหน้าที่ควรทำ น่าจะมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหา ให้โครงการเก่า ๆ ที่ยังไม่จบสิ้น สามารถดำเนินการไปได้เรียบร้อย และเพิ่มเติมโครงการใหม่เท่าที่จำเป็น แต่ที่ผ่านมา เหมือนจะมุ่งเน้นไปที่การเปิดโครงการใหม่ มากกว่าสนใจจะสานต่องานเดิมให้ลุล่วง
สำหรับ สนช.นั้น การที่เสียเวลาไปหลายวัน เพื่อทำเรื่องการถอดถอนนั้น น่าจะเรียกว่า ทำงานที่ไม่เร่งด่วน เพิ่มความขัดแย้งแบบไม่จำเป็น เพราะจริง ๆ รออีกสองปี ค่อยถอดถอนก็ยังไม่เดือดร้อนอะไร ในภาวะประเทศที่ต้องการความปรองดอง และยังมีปัญหา แทนที่จะเอาเวลาการประชุม ไปเดินเรื่องถอดถอน สู้ไปออกกฎหมายที่จำเป็น น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ขอพูดถึงแม่น้ำสามสายแรกคร่าว ๆ แค่นี้นะครับ ขอไปอีกสองสายที่เหลือ ที่อยากพูดถึงมากกว่า
_______________________________________________________________
แม่น้ำสายที่สี่ คือ สภาปฎิรูปแห่งชาติ ในส่วนนี้ ตามหลักการคิดว่า เป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่ตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ แต่เนื่องจากบทบาทหน้าที่ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 57 เหมือนจะบีบรัดให้สภาปฏิรูปทำงาน แต่ไม่สามารถนำผลงานไปใช้ได้ เพราะการกำหนดการทำงาน ก็เหมือนจะให้จบ ถ้าหากรัฐธรรมนูญใหม่ไม่มีการต่ออายุการทำงานให้ และสิ่งที่ทำมา จะไปปรากฎที่ไหน เพราะตอนนี้รัฐธรรมนูญก็ร่างกันไป ได้ข้อสรุปมา จะใส่เข้าไปในรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เมื่อร่างเสร็จแล้ว
ข้อเสนอแนะด้านอื่น เสนอให้ ครม. สนช. ก็ไม่มีอะไรบังคับให้ทำตาม สุดท้ายถ้าหากไม่มีการนำข้อเสนอไปทำให้รูปธรรม ก็เหมือนกับสิ่งที่ สปช.ทำมาจะสูญเปล่าไปหมด
สำหรับ แม่น้ำสายที่ห้า คือคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ อันนี้ผมสงสัยมาตั้งแต่ต้นว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังเขียนกันอยู่นี้ มีคนเชื่อเหรอครับว่า จะมีอายุอยู่ได้ยาวนาน ดีไม่ดีไม่ถึงปี 2560 ก็จะโดนแก้ไข เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว
ดังนั้น การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมยังมองไม่เห็นประโยชน์ในการเพิ่มเติม สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ไปเพื่ออะไร จะเลือกตั้งแบบเยอรมัน การนับคะแนนแบบ MMP หรือการจัดทำงบประมาณแบบใหม่ หรืออื่น ๆ ที่ต้องการการศึกษาให้รอบคอบ มากกว่าการคิดประดิษฐ์คำเพื่อใส่ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่าง ๆ มันเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่มันควรจะต้องรอบคอบ ควรใช้เวลาพิจารณารอบด้าน ก่อนนำมาใช้ ไม่ใช่ว่าอยากใช้อยากทำ ก็แค่จับใส่ลงไปในรัฐธรรมนูญเลย
_________________________________________________________
ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากให้แม่น้ำสองสายหลัง ของ คสช.ทำ ก็คือการที่กมธ.ยกร่างฯ เขียนรัฐธรรมนูญที่กระชับ ไม่สร้างประเด็นใหม่ แล้วควรมุ่งประเด็นการเตรียมความพร้อม ให้กับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีการนำผลงานของ สปช.มาร่วมในการเขียนด้วย ดังนั้น ในรัฐธรรมนูญควรจะมีการกำหนดให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อทำการร่างรัฐธรรมนูญ มีการกำหนดหน้าที่ของสภาปฏิรูป ว่าต้องทำงานต่อเนื่องไปอย่างไร ต้องมีผลงานเป็นรูปธรรมออกมาแบบไหน เพื่อให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเอาไปใช้งานได้ มีการบังคับให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ ต้องนำข้อสรุปที่ได้จากสภาปฏิรูป ไปใส่ในรัฐธรรมนูญ
เพราะถ้าหากทั้งหมดนี้ ทำให้ชัดเจนได้ ทุกคนจะได้เข้าใจตรงกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังเขียน เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพื่อเข้าสู่การปฏิรูปที่เดินหน้าอย่างเป็นระบบได้ ในอนาคตเมื่อสภาปฏิรูปได้ผลสำเร็จ เราจะมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่นำไปสู่การปฏิรูปประเทศอย่างชัดเจน
ไม่ใช่นั่งเสนอประเด็นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ ตรงกับจุดที่จำเป็นกับการปฏิรูปหรือป่าวก็ไม่รู้ และเหมือนกับร่างมาแล้ว ไม่ว่าจะดียังไง ก็มีโอกาสใช้งานได้ไม่นานมาก แล้วแบบนี้จะเขียนให้เรื่องมากไปทำไม