ประมาณปี 2555 ผมคบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ก้อรู้จักกันทางเฟส จากนั้นก้อนัดเจอ แล้วคุยกันมาเรื่อยๆ จนได้เป็นแฟนกัน คบได้ซักช่วงเลยย้ายมาอยู่ด้วยกัน และก็อยู่ด้วยกันมาปีหนึ่ง ตลอดที่คบกันก็รักกันดีนะ ไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกัน มีแพลนจะแต่งงานกันด้วย แต่เวลาทะเลาะกัน ธรรมดาของผู้หญิง คำที่ชอบหลุดมาคือ เลิกกันเถอะ แรกๆก็รับได้นะ แต่หลังๆชักบ่อย และบ่อย ความหมายของผู้หญิงก็คืออยากได้ให้เราง้อ เอาใจ แต่ไอ้เราก็ผู้ชาย เค้าบอกเลิกบ่อยๆ มันเริ่มเหมือนกับว่ารักของเราไม่มีค่า อะไรก็บอกเลิก ใครจะไปทนไหวล่ะ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ต่างคนก็ต่างกลับบ้าน มันก็ยังเป็นอย่างเดิม ทะเลาะก็บอกเลิก ผมก็เกิดอาการเซ็งอย่างแรงงง เค้าบอกด้วยความงอนเสร็จได้วันสองวัน ผมโทรกลับไปบอกเลิกจริงๆซะเลย แต่แกไม่กลับไม่ยอม ทีนี้เราเป็นฝ่ายกำชัยชนะบ้าง เค้าง้อเราทุกทาง ตอนแรกแค่สะใจ แต่หลายวันผ่านไปผมเริ่มรู้สึกว่า ถ้ายังคบกันอย่างงี้ต่อไป ผมจะโดนบอกเลิกไปอีกเท่าไหร่ ถึงอีกฝ่ายจะบอกว่าไม่มีอีกแล้ว แต่นะผุ้หญิงก็คือผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ผมเลยออกมาจากเค้าจริงๆ บอกเลิกอย่างจริงๆ อีกฝ่ายจะง้ออย่างไร ผมก็ไม่ยอมจะเลิกอย่างเดียว สุดท้ายเค้าคงจะรู้แล้วแหละว่ายังไงเราก็ไม่ยอมกลับไปคบกันอีกแน่ เค้าก็ทำใจไป ผมก็นึกว่าเรื่องจะจบแค่นี้ แต่ไม่ครับ ผ่านไปวันสองวัน เค้าโทรกลับมาว่า ผุ้ใหญ่ฝ่ายเค้าจะเรียกค่าเสียหาย สองหมื่นกว่า และไม่จ่ายไม่ได้ด้วย ไม่งั้นเรื่องใหญ่ ซื่งความ

มาเยือน เห้ยเรายังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ แล้วทำไมต้องเรียกค่าเสียหายมากขนาดนี้ด้วย ซึ่งมันไม่น่าจะใช่ประเด็นนะ เรื่องเงินอ่ะ ตอนที่เค้าไม่มีเงินใช้ ผมก็ช่วยเต็มที่เท่าที่จะช่วยได้ ช่วยกันพยุงๆกัน มีเงินเก็บด้วยกัน อยากได้โทรศัพผมก็ช่วยซื้อ แต่นี่พอเลิกกัน ทุกอย่างมันกลับกันโดยสิ้นเชิง จะว่าผมเป็นคนผิดมั้ย ผมก็ผิด แต่คนบอกเลิกคนแรก คือเค้านะ ไม่ใช่ผม ผมแค่ทำตามที่เค้าต้องการ แล้วสุดท้ายผลที่ผมต้องรับ คือต้องจ่ายเงินค่าเสียหาย สองหมื่น ไม่ใข่น้อยๆนะครับผม น้ำตาแทบกระเด็นจะหาที่ไหนให้ คนหาเช้ากินค่ำอย่างผม เงินก็พอแค่ใช้เป็นเดือนๆไป ตอนนี้ทำได้แค่คิดว่าจะหาเงินที่ไหนใช้ให้เค้า และได้แต่ตั้งคำถามว่า ผมผิดมากขนาดที่ว่าต้องชดใช้ให้กับค่าเลิกกันตั้งสองหมื่นเลยหรอครับ ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะครับ อยากร้องไห้
เคยมั้ย แค่เป็นแฟนกัน ยังไม่ได้แต่งงานเลย พอเลิกกันอีกฝ่ายเรียกค่าเสียหายตั้งสองหมื่นกว่า