สวัสดีทุกคนค่ะ รีวิวที่สอง ประเทศที่สองแล้ว เดินทางไปด้วยกันเลยนะ...
พึ่งกลับมาจาก สิงคโปร์ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าค่าครองชีพติดอันดับสูงที่สุดในโลก
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปสิงคโปร์ครั้งแรกในชีวิต
อาจเพราะโปรตั๋วถูกของสายการบิน Tiger Air
เราจึงตกเป็นเหยื่อการตลาดแบบยินยอมพร้อมใจ ในราคาไปกลับ 1,900 บาท
จึงทำให้เกิดแพลนไปดูเทศกาลดนตรีนี้ดีกว่ากับ St. Jerome's Laneway Festival 2015
เอาล่ะคือเราพอจะรู้จักกับเทศกาลดนตรีนี้อยู่พอสมควรจากรุ่นน้องที่ไปมาทุกปี
เออ..มันมีวงดนตรีดีๆเพียบเลยที่นี่ กับความฝันที่อยากไปเทศกาลดนตรีต่างประเทศ เริ่มที่นี่เลยล่ะกัน
การซื้อบัตรไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ได้มาใน ราคา 5 คน ต่อ 500 SGD
#ยิ้มเลย #ไปกันสามคน #จึงเอาบัตรอีก2ใบไปประกาศหาเพื่อนร่วมแชร์เพิ่ม #งานเทศกาลที่สร้างมิตรภาพเพิ่มไปในตัว
มาต่อเรื่องการจองที่พัก
จากการถามเพื่อนที่เคยไปมาหลายคน ก็จะแนะนำที่นี่ 5footway.inn เราจึงลองไปดูราคาที่พักแล้วตัดสินใจพักที่สาขา Boat Quay
ตกคืนละประมาณคนละ 1000 กว่าบาทไทย
เป็นเตียงสองชั้น แชร์กันสามคน ห้องน้ำรวม แต่โดยรวมที่นี่สะอาดดีนะ
ที่นอนก็หลับสบาย แม้จะอยู่ใกล้ย่านผับ บาร์กลางคืน
แถวที่พักเราชิวมาก เพราะอยู่ใกล้ริมคลองสะอาด ตอนกลางคืนเหมาะแก่การนั่งชิวดูวิวที่สุด
สรุปทริปนี้
ค่าตั๋ว 1900 บาท
ค่าที่พัก 2300 บาท
ค่าเน็ต 250 บาท
ค่ากิน + ค่ารถ 4000-5000 บาท
ค่าเข้างาน ประมาณ 3000 บาท
เรามีเวลาในการเที่ยวสิงคโปร์ไม่นาน เป็นทริป 3 วัน 2 คืน แต่ก็พยายามเก็บทุกเม็ด ลุยเลยนะจ๊ะ
23 jan.
เรามาเริ่มทริปกันเลยละกันนะ..
ถึงสนามบิน Singapore Changi Airport
ด้วยความที่เป็นครั้งแรก และลองไปหาข้อมูลในเน็ตก็น่าจะเข้าประเทศเขาสบายๆ
เราอาเซียนด้วยกันเนอะๆ..กลับเป็นว่า เฮ้ย โหดแท้ ตม.พาเข้าห้องเย็น
เพราะมาครั้งแรกและไม่ได้เอาพาสสปอร์ตเล่มเก่ามา
พอถึงห้องเย็น
เจ้าหน้าที่ : ขอดูตั๋วเครื่องบินหน่อย ขอดูที่จองที่พักหน่อย มาทำอะไร
เรา : มาเทศกาลดนตรีนี้ เอาตั๋วให้เขาดู..
เจ้าหน้าที่ : เอาเงินมาเท่าไหร่
เรา : 200 กว่าดอลลาร์ คือเงินน้อยนิดมาก แต่มัน 3 วัน 7000 บาทไทยเลยนะ
เจ้าหน้าที่ : จับนิ้วเราไปแสกน
หลังจากนั้น ให้เรารอนั่งประมาณ 5-10 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนคืนพาสสปอร์ตให้เรา
และอนุญาตให้เราเข้าประเทศสิงคโปร์ได้ #เป็นความประทับใจที่แอบนอยด์เลยทีเดียว
พอได้เข้าประเทศเขาอย่างสมบูรณ์แบบก็ปรับอารมณ์จากนอยด์ให้สนุกอีกครั้ง
เราเดินไปหาที่ซื้อตั๋วรถไฟฟ้า+รถเมล์ ของประเทศเขา
พร้อมหาที่เช่า Wifi Pocket ในราคาวันละ 10 SGD เน็ตพร้อมตั๋วพร้อม ออกเดินทางไปที่พักกันเถอะ
นั่งรถไฟฟ้าจาก Changi Airport มาลงสถานี Clarke Quay
และเดินเรียบคลองจนมาถึงที่พัก ใช้ Google Map ในการเดินทางช่วยได้เยอะมากๆ

บรรยากาศแถวที่พัก สวยงามจริง จริง
เราเช็คอินประมาณ 4 โมงเย็น พอวางสัมภาระเสร็จ..ก็ออกเดินทางไปที่แรกทันที

Wheeler's Yard
Mon: 11:00 - 20:00
Wed - Sun: 11:00 - 20:00
Closed on Tuesdays.
https://www.facebook.com/wheelersyard
http://www.wheelersyard.com/
การเดินทาง : จากที่พัก นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Toa Payoh และต่อรถเมล์สาย 145 ไปลงที่ Shaw Plaza. และเดินไปประมาณ 5-10 นาที
ร้านจะตั้งอยู่ที่ถนน Lor Ampas
ที่นี่เป็นร้านอาหาร + คาเฟ่ + วัฒนธรรมการขี่จักรยาน ผสมผสานออกมาจนเป็นร้านแห่งนี้
เหมือนเป็นชุมชน แหล่งรวมตัวของนักปั่นจักรยานก็ว่าได้ บรรยากาศดีมากๆ พนักงานน่ารัก บริการดี มี Wifi ให้ใช้ฟรีด้วยนะ
เราอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ต้องรีบไปเอา Wristband เข้างานที่ H&M Orchard Building
ลงรถไฟฟ้าสถานี Orchard
ที่ Orchard เหมือนย่านเซนทรัลเวิลด์ พารากอน ชิดลม รวมกัน เป็นห้างหรู ที่มีแต่แบรนด์เนมดังๆ
เราจึงเดินผ่านอย่างรวดเร็ว ไม่ค่อยได้สนใจ
แต่ที่เราชอบที่สุดของแถวนี้คือ มันเป็นตึก เป็นห้างเต็มไปหมดก็จริง แต่ทางเท้ากว้างมาก ถนนก็สวยงาม เดินชิวๆได้เลยนะ
เรากลับมาแถวที่พัก ตัดสินใจนั่งชิลที่ริมน้ำดีกว่า
ไปซื้อเครื่องดื่มคนละขวด สองขวด มาหาที่ริมน้ำ ดูแสงสีของที่นี่แห่งนี้ ฟินเลยล่ะ
จบวันแรก..
24 Jan.
ตื่นเกือบเจ็ดโมงเช้าของที่นู่น มาอาบน้ำ และกินอาหารเช้าจองที่พัก
ออกจากที่พักประมาณ 8 โมงเก้าโมง เพื่อเดินทางไปเก็บย่านที่คิดว่าน่าจะมีอะไรน่าสนใจ
ก่อนช่วงบ่ายจะไปที่ Gardens by The bay เพื่อไป St. Jerome's Laneway Festival
Little India

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Little India

ที่นี่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าจะเกี่ยวอินเดีย คนแขกอะไรทำนองนั้น
ยิ่งอ่านรีวิวเขาบอกว่าเป็นถนนแห่งสีสัน เราก็เดินเลาะถนนไปเรื่อยๆ เก็บภาพบรรยากาศ
แวะไหว้องค์เทพที่วัดดังของที่นี่ และเดินทางต่อไปยัง Tiong Bahru
Tiong Bahru
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Tiong Bahru
เตียง บาหรู เป็นย่านฮิปๆ ชิคๆ อ่านในรีวิว เหมือนเป็นย่านฮิปสเตอร์อะไรประมาณนั้น
เราใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ด้วย google map ใช้เวลา 10-15 นาทีเดินไปถึงที่นี่
เตียง บาหรู เป็นถนนเงียบสงบ เหมือนเป็นอพาร์ทเมนต์ หมู่บ้านของคนที่นี่
และก็มีถนนซอยนึงที่เขาเอามาทำร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้าสวยๆ
บรรยากาศเก๋ๆ ขาวๆ เขียว สะอาดตา อธิบายเป็นตัวหนังสืออาจไม่เห็นภาพ ลองดูจากภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ

Books Actually
เป็นร้านหนังสือชื่อดังของที่นี่ มีหนังสือดีๆมากมาย แต่เราไม่ได้เป็นคนอ่านหนังสือ จึงแวะเข้ามาเก็บบรรยากาศก่อนไปที่อื่นต่อ

Forty Hands
ร้านคาเฟ่ชื่อดัง ที่เห็นจากรีวิวในอินเทอร์เน็ต และดูจากผู้คนที่ต่อแถวเข้ามา จึงตัดสินนั่งร้านนี้
สั่งน้ำส้ม กาแฟ โกโก้ และทาร์ตช็อกโกแลตในราคาสู๊งสูง แต่เราไม่ได้มาบ่อยๆ จัดไปค่ะ
บรรยากาศที่นี่ ดูตามภาพเลยนะคะ พนักงานที่นี่น่ารักเป็นกันเอง บริการดีค่ะ ถ้ามีโอกาสมาก็ควรจัดซักหน่อยนะคะ
จากร้านนี้เสร็จก็เกือบจะเที่ยงแล้ว จึงรีบต้องไปหาข้าวกินและเดินเล่นแถว China Town
China Town
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี China Town
ออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินประมาณ 500 เมตรเพื่อไปถ่ายรูปกับอาคารสีแดง Red Dot Design Museum

พอถ่ายรูปเสร็จ อัพไอจีจนพอใจ จึงเดินไปที่ Maxwell Food Centre
ที่นี่เขาบอกว่ามีร้านข้าวมันไก่ชื่อดังที่คนต่อคิวกันเยอะมากๆ เราจึงไปกินร้านอื่น ที่ก็อร่อยไม่แพ้กัน
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาของความสนุก.....กับจุดหมายหลักของการมาที่นี่
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
St. Jerome's Laneway Festival at Gardens by the Bay

การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Bay Front
จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็สามารถเดินทะลุตามทางเพื่อไปยัง Gardens by the Bay ได้เลย
ยิ่งเดินใกล้ถึงงาน ความตื่นเต้นก็ทวีคูณ เจอช่าวต่างชาติแต่งตัวเป็นธีมก็ยิ่ง โอ้ยย ฟิน
นี่เราได้มาถึงเทศกาลดนตรีจริงๆ กรี๊ดเบาๆในใจ
มางานนี้บอกตามตรง ศิลปินบางวงก็พึ่งรู้จักจาก line up แต่ศิลปินในใจที่อยากมาดูมากๆ นั่นก็คือ Pond / Angus & Julia Stone / Mac Demarco / Courtney Barnett / ฮืมมม ไม่ผิดหวังเลย สุดยอดที่สุดในโลก
ส่วนวงอื่นๆก็เล่นดีไม่แพ้กัน การได้ฟังสดๆ เจอผู้คนมากมาย พร้อมบรรยากาศเฟสติวัลของจริง
โอ้ยยย ฝนตก แดดออก ก็ไม่กลัว เราจะดูให้คุ้มทุกวง !!!
เวลาเล่นแต่ละวง

โชคดีมาก ได้เจอ Angus & Julia Stone ชัดระดับ Full HD
คนไทยไปงานนี้ไม่น้อยเลยนะ อาจเพราะใกล้กันด้วยแหละเนอะ ชอบๆๆ ดีที่สุด
การไปงานนี้ทำให้เราได้เจอกับอะไรที่ยากต่อคาดเดา อย่างเช่น ฝนตก แดดออก คนเป็นลม
และเราก็เอายาดมตาโป๊ยเซียนไปป้ายจมูก ไปถูหน้าผากเขา เอ่อ..คนประเทศเขาคงตกใจกันทีเดียว555
ถ่ายรูปโดนคนต่างชาติมา Photo Bomb มีคนเมามาขอแท็กมือ ฮืมม สุดสุด
พอเราดู St. Vincent ประมาณ 2-3 เพลง ตัดสินใจกลับที่พักดีกว่า
ถ้ารอจบ มวลมหาประชาชนรวมมิตรชาติจะเยอะ และก็ไม่น่าจะทันรถไฟฟ้าใต้ดินรอบสุดท้าย
จึงใช้เรี่ยวแรงที่ไม่เหลือ ขาระบม เดินกลับจาก Gardens by the Bay มาถึงที่พัก ในระยะทาง 3.3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีกว่า
**ด้วยความที่ทริปมันสั้นมาก เราไม่สามารถไปทุกที่ได้ครบ ก็ใช้การเดินสำรวจประเทศเขานั่นแหละ
พวกเราเดินเข้าไปใน Meadow ดอกไม้ยักษ์ที่มีแสงสวยงามสะกดสายตา
เดินทะลุ Marina Bay Sands ชมวิวโดยรอบ พอเข้าไปด้านในของที่นี่ โอ้โห หรูหรา ตระการตา เลอค่า
ไม่เหมาะกับเสื้อผ้าและกระเป๋าสตางค์มาก
เดินทะลุมาเรื่อยๆก็จะเจอกับทะเลที่สวยงาม มีที่นั่งสวยๆ ชิวๆให้คู่รักมาสวัทกัน
เราเดินเลาะถนน ผ่านสถานีรถไฟฟ้า Raffles Place จนถึง Boat Quay
พวกเราต่างเหนื่อยล้ากันมาก แต่ก็มีความสุข เหมือนได้ทำความรู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้น ถนนเขาก็เดินง่าย ไม่อันตรายเลย
มีต่อด้านล่าง...
[CR] เปิดsing SINGAPORE! ตอน St. Jerome's Laneway Festival 2015
พึ่งกลับมาจาก สิงคโปร์ ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าค่าครองชีพติดอันดับสูงที่สุดในโลก
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปสิงคโปร์ครั้งแรกในชีวิต
อาจเพราะโปรตั๋วถูกของสายการบิน Tiger Air
เราจึงตกเป็นเหยื่อการตลาดแบบยินยอมพร้อมใจ ในราคาไปกลับ 1,900 บาท
จึงทำให้เกิดแพลนไปดูเทศกาลดนตรีนี้ดีกว่ากับ St. Jerome's Laneway Festival 2015
เอาล่ะคือเราพอจะรู้จักกับเทศกาลดนตรีนี้อยู่พอสมควรจากรุ่นน้องที่ไปมาทุกปี
เออ..มันมีวงดนตรีดีๆเพียบเลยที่นี่ กับความฝันที่อยากไปเทศกาลดนตรีต่างประเทศ เริ่มที่นี่เลยล่ะกัน
การซื้อบัตรไปดูคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็ได้มาใน ราคา 5 คน ต่อ 500 SGD
#ยิ้มเลย #ไปกันสามคน #จึงเอาบัตรอีก2ใบไปประกาศหาเพื่อนร่วมแชร์เพิ่ม #งานเทศกาลที่สร้างมิตรภาพเพิ่มไปในตัว
มาต่อเรื่องการจองที่พัก
จากการถามเพื่อนที่เคยไปมาหลายคน ก็จะแนะนำที่นี่ 5footway.inn เราจึงลองไปดูราคาที่พักแล้วตัดสินใจพักที่สาขา Boat Quay
ตกคืนละประมาณคนละ 1000 กว่าบาทไทย
เป็นเตียงสองชั้น แชร์กันสามคน ห้องน้ำรวม แต่โดยรวมที่นี่สะอาดดีนะ
ที่นอนก็หลับสบาย แม้จะอยู่ใกล้ย่านผับ บาร์กลางคืน
แถวที่พักเราชิวมาก เพราะอยู่ใกล้ริมคลองสะอาด ตอนกลางคืนเหมาะแก่การนั่งชิวดูวิวที่สุด
สรุปทริปนี้
ค่าตั๋ว 1900 บาท
ค่าที่พัก 2300 บาท
ค่าเน็ต 250 บาท
ค่ากิน + ค่ารถ 4000-5000 บาท
ค่าเข้างาน ประมาณ 3000 บาท
เรามีเวลาในการเที่ยวสิงคโปร์ไม่นาน เป็นทริป 3 วัน 2 คืน แต่ก็พยายามเก็บทุกเม็ด ลุยเลยนะจ๊ะ
23 jan.
เรามาเริ่มทริปกันเลยละกันนะ..
ถึงสนามบิน Singapore Changi Airport
ด้วยความที่เป็นครั้งแรก และลองไปหาข้อมูลในเน็ตก็น่าจะเข้าประเทศเขาสบายๆ
เราอาเซียนด้วยกันเนอะๆ..กลับเป็นว่า เฮ้ย โหดแท้ ตม.พาเข้าห้องเย็น
เพราะมาครั้งแรกและไม่ได้เอาพาสสปอร์ตเล่มเก่ามา
พอถึงห้องเย็น
เจ้าหน้าที่ : ขอดูตั๋วเครื่องบินหน่อย ขอดูที่จองที่พักหน่อย มาทำอะไร
เรา : มาเทศกาลดนตรีนี้ เอาตั๋วให้เขาดู..
เจ้าหน้าที่ : เอาเงินมาเท่าไหร่
เรา : 200 กว่าดอลลาร์ คือเงินน้อยนิดมาก แต่มัน 3 วัน 7000 บาทไทยเลยนะ
เจ้าหน้าที่ : จับนิ้วเราไปแสกน
หลังจากนั้น ให้เรารอนั่งประมาณ 5-10 นาที ก็มีเจ้าหน้าที่อีกคนคืนพาสสปอร์ตให้เรา
และอนุญาตให้เราเข้าประเทศสิงคโปร์ได้ #เป็นความประทับใจที่แอบนอยด์เลยทีเดียว
พอได้เข้าประเทศเขาอย่างสมบูรณ์แบบก็ปรับอารมณ์จากนอยด์ให้สนุกอีกครั้ง
เราเดินไปหาที่ซื้อตั๋วรถไฟฟ้า+รถเมล์ ของประเทศเขา
พร้อมหาที่เช่า Wifi Pocket ในราคาวันละ 10 SGD เน็ตพร้อมตั๋วพร้อม ออกเดินทางไปที่พักกันเถอะ
นั่งรถไฟฟ้าจาก Changi Airport มาลงสถานี Clarke Quay
และเดินเรียบคลองจนมาถึงที่พัก ใช้ Google Map ในการเดินทางช่วยได้เยอะมากๆ
บรรยากาศแถวที่พัก สวยงามจริง จริง
เราเช็คอินประมาณ 4 โมงเย็น พอวางสัมภาระเสร็จ..ก็ออกเดินทางไปที่แรกทันที
Wheeler's Yard
Mon: 11:00 - 20:00
Wed - Sun: 11:00 - 20:00
Closed on Tuesdays.
https://www.facebook.com/wheelersyard
http://www.wheelersyard.com/
การเดินทาง : จากที่พัก นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงสถานี Toa Payoh และต่อรถเมล์สาย 145 ไปลงที่ Shaw Plaza. และเดินไปประมาณ 5-10 นาที
ร้านจะตั้งอยู่ที่ถนน Lor Ampas
ที่นี่เป็นร้านอาหาร + คาเฟ่ + วัฒนธรรมการขี่จักรยาน ผสมผสานออกมาจนเป็นร้านแห่งนี้
เหมือนเป็นชุมชน แหล่งรวมตัวของนักปั่นจักรยานก็ว่าได้ บรรยากาศดีมากๆ พนักงานน่ารัก บริการดี มี Wifi ให้ใช้ฟรีด้วยนะ
เราอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ต้องรีบไปเอา Wristband เข้างานที่ H&M Orchard Building
ลงรถไฟฟ้าสถานี Orchard
ที่ Orchard เหมือนย่านเซนทรัลเวิลด์ พารากอน ชิดลม รวมกัน เป็นห้างหรู ที่มีแต่แบรนด์เนมดังๆ
เราจึงเดินผ่านอย่างรวดเร็ว ไม่ค่อยได้สนใจ
แต่ที่เราชอบที่สุดของแถวนี้คือ มันเป็นตึก เป็นห้างเต็มไปหมดก็จริง แต่ทางเท้ากว้างมาก ถนนก็สวยงาม เดินชิวๆได้เลยนะ
เรากลับมาแถวที่พัก ตัดสินใจนั่งชิลที่ริมน้ำดีกว่า
ไปซื้อเครื่องดื่มคนละขวด สองขวด มาหาที่ริมน้ำ ดูแสงสีของที่นี่แห่งนี้ ฟินเลยล่ะ
จบวันแรก..
24 Jan.
ตื่นเกือบเจ็ดโมงเช้าของที่นู่น มาอาบน้ำ และกินอาหารเช้าจองที่พัก
ออกจากที่พักประมาณ 8 โมงเก้าโมง เพื่อเดินทางไปเก็บย่านที่คิดว่าน่าจะมีอะไรน่าสนใจ
ก่อนช่วงบ่ายจะไปที่ Gardens by The bay เพื่อไป St. Jerome's Laneway Festival
Little India
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Little India
ที่นี่ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าน่าจะเกี่ยวอินเดีย คนแขกอะไรทำนองนั้น
ยิ่งอ่านรีวิวเขาบอกว่าเป็นถนนแห่งสีสัน เราก็เดินเลาะถนนไปเรื่อยๆ เก็บภาพบรรยากาศ
แวะไหว้องค์เทพที่วัดดังของที่นี่ และเดินทางต่อไปยัง Tiong Bahru
Tiong Bahru
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Tiong Bahru
เตียง บาหรู เป็นย่านฮิปๆ ชิคๆ อ่านในรีวิว เหมือนเป็นย่านฮิปสเตอร์อะไรประมาณนั้น
เราใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ด้วย google map ใช้เวลา 10-15 นาทีเดินไปถึงที่นี่
เตียง บาหรู เป็นถนนเงียบสงบ เหมือนเป็นอพาร์ทเมนต์ หมู่บ้านของคนที่นี่
และก็มีถนนซอยนึงที่เขาเอามาทำร้านคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านหนังสือ ร้านเสื้อผ้าสวยๆ
บรรยากาศเก๋ๆ ขาวๆ เขียว สะอาดตา อธิบายเป็นตัวหนังสืออาจไม่เห็นภาพ ลองดูจากภาพด้านล่างนี้เลยค่ะ
Books Actually
เป็นร้านหนังสือชื่อดังของที่นี่ มีหนังสือดีๆมากมาย แต่เราไม่ได้เป็นคนอ่านหนังสือ จึงแวะเข้ามาเก็บบรรยากาศก่อนไปที่อื่นต่อ
Forty Hands
ร้านคาเฟ่ชื่อดัง ที่เห็นจากรีวิวในอินเทอร์เน็ต และดูจากผู้คนที่ต่อแถวเข้ามา จึงตัดสินนั่งร้านนี้
สั่งน้ำส้ม กาแฟ โกโก้ และทาร์ตช็อกโกแลตในราคาสู๊งสูง แต่เราไม่ได้มาบ่อยๆ จัดไปค่ะ
บรรยากาศที่นี่ ดูตามภาพเลยนะคะ พนักงานที่นี่น่ารักเป็นกันเอง บริการดีค่ะ ถ้ามีโอกาสมาก็ควรจัดซักหน่อยนะคะ
จากร้านนี้เสร็จก็เกือบจะเที่ยงแล้ว จึงรีบต้องไปหาข้าวกินและเดินเล่นแถว China Town
China Town
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี China Town
ออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เดินประมาณ 500 เมตรเพื่อไปถ่ายรูปกับอาคารสีแดง Red Dot Design Museum
พอถ่ายรูปเสร็จ อัพไอจีจนพอใจ จึงเดินไปที่ Maxwell Food Centre
ที่นี่เขาบอกว่ามีร้านข้าวมันไก่ชื่อดังที่คนต่อคิวกันเยอะมากๆ เราจึงไปกินร้านอื่น ที่ก็อร่อยไม่แพ้กัน
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาของความสนุก.....กับจุดหมายหลักของการมาที่นี่
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
St. Jerome's Laneway Festival at Gardens by the Bay
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานี Bay Front
จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็สามารถเดินทะลุตามทางเพื่อไปยัง Gardens by the Bay ได้เลย
ยิ่งเดินใกล้ถึงงาน ความตื่นเต้นก็ทวีคูณ เจอช่าวต่างชาติแต่งตัวเป็นธีมก็ยิ่ง โอ้ยย ฟิน
นี่เราได้มาถึงเทศกาลดนตรีจริงๆ กรี๊ดเบาๆในใจ
มางานนี้บอกตามตรง ศิลปินบางวงก็พึ่งรู้จักจาก line up แต่ศิลปินในใจที่อยากมาดูมากๆ นั่นก็คือ Pond / Angus & Julia Stone / Mac Demarco / Courtney Barnett / ฮืมมม ไม่ผิดหวังเลย สุดยอดที่สุดในโลก
ส่วนวงอื่นๆก็เล่นดีไม่แพ้กัน การได้ฟังสดๆ เจอผู้คนมากมาย พร้อมบรรยากาศเฟสติวัลของจริง
โอ้ยยย ฝนตก แดดออก ก็ไม่กลัว เราจะดูให้คุ้มทุกวง !!!
เวลาเล่นแต่ละวง
โชคดีมาก ได้เจอ Angus & Julia Stone ชัดระดับ Full HD
คนไทยไปงานนี้ไม่น้อยเลยนะ อาจเพราะใกล้กันด้วยแหละเนอะ ชอบๆๆ ดีที่สุด
การไปงานนี้ทำให้เราได้เจอกับอะไรที่ยากต่อคาดเดา อย่างเช่น ฝนตก แดดออก คนเป็นลม
และเราก็เอายาดมตาโป๊ยเซียนไปป้ายจมูก ไปถูหน้าผากเขา เอ่อ..คนประเทศเขาคงตกใจกันทีเดียว555
ถ่ายรูปโดนคนต่างชาติมา Photo Bomb มีคนเมามาขอแท็กมือ ฮืมม สุดสุด
พอเราดู St. Vincent ประมาณ 2-3 เพลง ตัดสินใจกลับที่พักดีกว่า
ถ้ารอจบ มวลมหาประชาชนรวมมิตรชาติจะเยอะ และก็ไม่น่าจะทันรถไฟฟ้าใต้ดินรอบสุดท้าย
จึงใช้เรี่ยวแรงที่ไม่เหลือ ขาระบม เดินกลับจาก Gardens by the Bay มาถึงที่พัก ในระยะทาง 3.3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีกว่า
**ด้วยความที่ทริปมันสั้นมาก เราไม่สามารถไปทุกที่ได้ครบ ก็ใช้การเดินสำรวจประเทศเขานั่นแหละ
พวกเราเดินเข้าไปใน Meadow ดอกไม้ยักษ์ที่มีแสงสวยงามสะกดสายตา
เดินทะลุ Marina Bay Sands ชมวิวโดยรอบ พอเข้าไปด้านในของที่นี่ โอ้โห หรูหรา ตระการตา เลอค่า
ไม่เหมาะกับเสื้อผ้าและกระเป๋าสตางค์มาก
เดินทะลุมาเรื่อยๆก็จะเจอกับทะเลที่สวยงาม มีที่นั่งสวยๆ ชิวๆให้คู่รักมาสวัทกัน
เราเดินเลาะถนน ผ่านสถานีรถไฟฟ้า Raffles Place จนถึง Boat Quay
พวกเราต่างเหนื่อยล้ากันมาก แต่ก็มีความสุข เหมือนได้ทำความรู้จักประเทศนี้ให้มากขึ้น ถนนเขาก็เดินง่าย ไม่อันตรายเลย
มีต่อด้านล่าง...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น