be a hongkongkian in 96 hours | เที่ยวตามใจใช้ชีวิตแบบฮองคองเคี่ยนใน 4 วัน

สวัสดีครับ

สำหรับเด็กมหาวิทยาลัย (ที่ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทุกมหาลัยมั้ย) อาทิตย์ที่ผ่านมาที่เป็นวันหยุดยาวในช่วงกีฬามหาวิทยาลัยอาจจะทำให้หลายๆ คนได้มีโอกาสไปเที่ยวยาว บ้างก็ขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศหนาวที่หาไม่ได้ในกรุงเทพฯ บ้างก็ออกไปต่างประเทศเพื่อไปเจออากาศที่หนาวกว่านั้น

จริงๆ สาเหตุที่เค้าหยุดเรียนนี่เพื่อให้ไปเชียร์กีฬานะครับ / เราก็เชียร์ แต่ไปเชียร์ที่ฮ่องกง (แถอีกไอ้นี่)

ระหว่างที่ไปก็เขียนบันทึกไว้นิดหน่อยเพื่อแปะบนเฟซบุ๊กตัวเอง แต่เห็นว่าอาจจะเป็นข้อมูลได้บ้างสำหรับใครก็ตามที่อยากจะไปเที่ยวที่ฮ่องกง (เหรอ?) เลยเอามาแปะไว้ที่นี่ด้วยครับ ข้อมูลเรื่องการเที่ยวอาจจะไม่เยอะมากนะครับ เน้นเล่าประสบการณ์ที่ไปเจอมา ส่วนเรื่องภาษา คิดซะว่าเพื่อนมาเล่าให้ฟังก็ได้ครับ หยาบคายนิดหน่อยนะ แฮ่

(รูปอาจจะไม่ได้เรียงตามเหตุการณ์ในเรื่องเป๊ะๆ นะครับ)




000: introduction

1.
เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นระหว่างกำลังนั่งเปิดเพลงอยู่ใต้ถุนในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งเปเปอร์มาเช่ฉากละครเมื่อประมาณเดือนตุลาค วันหยุดกีฬามหาลัยฯออกแล้วนะ" เพื่อนคนนึงพูดขึ้นมา
"วันไหนวะ" เราถามกลับ
"ก็ช่วงเดือนมกรานั่นแหละมั้ง"
"-ึงว่ากูไปฮ่องกงดีมั้ย"

บทสนทนาคืนนั้นจบลงเพียงเท่านั้น

2.
มีเหตุผลอยู่ประมาณสองถึงสามข้อที่ทำให้เราเลือกฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ หนึ่ง, เราอยากไปกินเกี๊ยวกุ้งอุกกาบาตที่เคยอ่านในหนังสือ 'ฮ่องกงกึ่งสำเร็จรูป' ของคุณนวพล สอง, เราชอบความล้งเล้งของภาษาจีนกวางตุ้งและความวุ่นวายของเมืองที่เห็นผ่านๆ จากหนังเรื่อง 'Chungking Express' ของหว่องกาไว และสาม, ฮ่องกงคงไม่มีส้วมแบบเปิดโล่งและขี้เต็มพื้นแบบจีนแผ่นดินใหญ่

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ด้วยเหตุนี้ หลังจบบทสนทนาในคืนนั้นไม่กี่วัน ตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชียปลายทางฮ่องกงและใบจองโฮสเทลห้องรวมแปดเตียงย่านฟอร์เทรสฮิลล์จึงกลายมาเป็นเครื่องผูกมัดว่า 'ยังไงก็หนีไม่ได้แล้วล่ะ'

ความเห่อในระยะแรกหลังการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักทำให้ในโทรศัพท์มือถือของเราเต็มไปด้วยแอพพลิเคชั่นวางแผนท่องเที่ยวที่ทางการฮ่องกงเตรียมไว้ให้นักเดินทางมือใหม่และมือเก๋าใช้อย่างสะดวกสบาย ไปจนถึงแอพตรวจสอบสภาพอาการของกรมอุตุนิยมวิทยาของฮ่องกงที่เปิดเข้าไปดูทีไรก็จะเห็นภาพของเมืองฮ่องกงแบบเรียลไทม์ให้จินตนาการเล่นๆ

แต่อาการเห่อนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก หลังรีบบึ่งไปทำพาสปอร์ตก่อนออกเดินทางถึงสามเดือน นั่งอ่านพันทิปและเว็บไซต์ท่องเที่ยวฮ่องกงที่มีอยู่เต็มไปหมด เวลาที่เหลืออีกกว่าเก้าสิบวันทำให้อาการตื่นเต้นเริ่มลดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง ณ ตอนที่กำลังพิมพ์อยู่นี้ เหลือเวลาอีกหนึ่งวันก่อนเครื่องบินไฟลต์หกโมงเช้าจะออก

นี่กูยังไม่ได้วางแผนเที่ยวอะไรเลยว่ะ...

3.
อีกอย่างหนึ่งที่ลืมบอกไป ถึงแม้ว่าสองปีที่แล้วเราจะเคยเที่ยวคนเดียวที่ปายมาแล้ว แต่ครั้งนี้ที่ต่างออกไปคือนี่เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิต

โอ้โห อะไร-ึงจะฮิปสเตอร์ขนาดนี้ (เล่นตัวเองก่อนจะโดนคนอื่นแซะ แหนะๆๆ)

แม้ว่าสกิลภาษาอังกฤษจะไม่ได้เข้าขั้นแย่มาก แต่ความสามารถในการสปีคอิงลิชรัวๆ ก็เกิดขึ้นได้เมื่อมีเหล้าเข้าปากในระดับที่มากพอเท่านั้น ดังนั้นภาษาจึงเป็นความกลัวอย่างแรกที่นึกถึง กูจะคุยกับ ตม. ได้มั้ย, ซื้อตั๋วรถไฟยังไง, เช็คอินนี่ต้องพูดกับรีเซปชั่นยังไงนะ บลา บลา บลา

อีกหนึ่งอย่างที่กลัวคือการขึ้นเครื่องบิน ไม่ได้กลัวตอนเทคออฟหรือแลนดิ้ง แต่กลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกตอนเช็คอินหรือก่อนจะผ่านเข้าไปนั่งรอหน้าเกต กลัวตกเครื่อง กลัวอ๊อง กลัวเดินผิดทาง กลัวไปหมดจนถึงกับต้องเสิร์ชหาวิธีการเดินทางด้วยเครื่องบินเพื่อไปต่างประเทศ (ที่น่าประทับใจคือมีคนที่มีปัญหาเหมือนกูด้วยนี่ล่ะ)

ไม่รู้คนอื่นจะขำรึเปล่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ แต่จะบอกว่ามันแพนิคมากเลยนะกับเรื่องกระบวนการที่สนามบิน ก็มันไม่ได้ง่ายเหมือนขึ้นรถเจ๊เกียวไปเชียงใหม่นี่หว่า

4.
ลองกลับไปอ่านสมุดบันทึกครั้งที่แล้วระหว่างไปปาย นอกจากจะพบว่ามีความเลี่ยนอยู่เยอะมากแล้ว มันยังเป็นการเดินทางที่มีการ 'ตั้งความหวัง' ไว้สูงว่าจะต้องเจออะไรไม่คาดฝันระหว่างทาง หรือเจอกับอะไรที่ทำให้ชีวิตได้เติบโต ฯลฯ

เป็นอาการเห่อหม-ย - ถ้าจะให้จำกัดความ

ทริปฮ่องกงครั้งนี้เลยจะพยายามปล่อยให้มันเป็นไปตามอัตภาพ อะไรเ-ี้ยๆ เกิดขึ้นก็จะไม่มานั่งเว้าวอนพรรณนาให้ดูสวย อยากให้เป็นการแรนดอมที่เออ ก็แรนดอมดี แบบว่าไม่ได้พาตัวเองไปเพื่อให้เจออะไรแรนดอม นึกออกไหม

หรือจริงๆ แล้วการคิดว่าจะไม่ตั้งความหวังก็คือการตั้งความหวังอย่างหนึ่งวะ?

...นั่นไง กลับมาเลี่ยนอีกแล้ว.

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่