ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ขาดความอบอุ่น เป็นเกย์ ติดยา ขายตัว จนกลายมาเป็นเจ้าของกิจการเล็กๆ ในปัจจุบัน

เรื่องนี้ไม่ใด้แต่งขึ้น เขียนจากประสบการ์ณจริง ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทุกถ้อยคำบางทีก็ทำให้น้ำตาร่วง บางทีก็ขำตัวเอง
แต่ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่สู้ชีวิตอยู่ บางทีปัญญหาของคุณ ที่ว่ายิ่งใหญ่แล้ว ลองมองไปรอบๆตัวอาจมีคนที่
มีปัญหาหนักหนาสาหัสกว่าก็ใด้ กำลังใจเท่านั้นที่จะเปลี่ยนชีวิต และ กำลังใจที่ว่านั้นเกิดขึ้นมาจากตัวเราเอง


     เริ่มเรื่องเลยแล้วกัน เราก็เป็นคนชนบทบ้านนอกคอกนา แต่ดีหน่อยที่บ้านไม่มีนาเลยไม่ต้องทำนา ไอ้ที่ไม่มีเพราะจน
ไม่มีอะไรเลยตะหาก จำความใด้เกิดมา ก็เห็นหน้าย่า เป็นคนแรก ท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่ออกโรงพยาบาลใด้ 7 วัน
เพราะ แม่เราและพ่อมีอาชีพขายของที่สนามหลวง ขายทุกอย่าง

ย้อนกลับไป 30 ปีก่อน สนามหลวงเป็นแหล่ง
ขายสินค้าหลากหลาย พ่อเราเรียกใด้ว่าเป็นขาใหญ่แห่งท้องสนามหลวง (เค้าว่างั้นนะ) หลังจากย่ารับเรามาเลี้ยงก็ตามมีตามเกิด
ย่าเล่าให้ฟังว่า เราไม่ร้องงอแง เงียบมาก มีอะไรก็กิน ที่บ้านเลยให้กินนมกระป๋อง ใส่แป้ง ย่าว่างั้นนะเราก็ไม่แน่ใจว่าแป้งอะไร
เมื่อเราโตขึ้นพอเดินใด้ตอนนี้ไม่แน่ใจว่ากี่ขวบ แม่กับพ่อก็มารับไปอยู่สนามหลวง จำใด้ว่า 3 ขวบนี่วิ่งส่งน้ำอัดลมใส่ถุง
ให้แม่ค้าร้านใกล้ๆแล้วอะทุกวันแม่จะเอาเรานั่งบนรถเข็นพร้อมลังน้ำขวด เข็นจากบ้านในซอยแถวๆคลองหลอด ไปที่สนามหลวง
พ่อจะมีหน้าที่..เดินอย่างสบายใจชิลๆ

ไม่ต้องทำไรแม่เข็นคนเดียว วันใหนแม่เข็นรถแล้วเผลอทำขวดแตกหละก็ต้องใด้แผลหรือรอยเขียวช้ำ
ไม่ต่ำกว่า 2 รอยแน่นอน พ่อเราเป็นคนอารมร้อน ดุ ขี้โมโห ชอบใช้งานถ้าทำไม่ถูกใจมีเฮ แต่ตอนนั้นเราเป็นเด็กก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร
พ่อจะชอบพาเราไปอวดเพื่อนๆ ว่าเค้าใด้ลูกชายนะ ลูกฉลาด น่ารัก ใช้ให้ลูกหยิบอะไรก็ใด้หมดทุกอย่าง จนคนหมั้นใส้ไปตามๆกัน
หน้าหนาวหน้าร้อนไม่เท่าไหร่ หน้าฝนมาทีไรลำบากสุดๆ เพราะแม่จะต้องเอาเรานอนซึ่งไม่มีที่นอน แม่ก็จะเอาพลาสติกคลุมเราไว้
ให้นอนบนม้านั่งใต้ต้นมะขามนั้นหละ คิดภาพตามละกัน

วันใหนหาถุงใสใด้ก็ดูดี วันไหนหาถุงมาคลุมลูกไม่ทันเจอถุง ดำ หรือ
กระสอบน้ำแข็งหละก็ ใครเห็นคงคิดว่าเด็กถูกทิ้งแน่ๆเลยหละ ไอ้เราก็เป็นโรคหัวอ่อน กระหม่อมบาง อะไรนิดหน่อยก็ไม่สบาย
โดนพ่อด่าประจำ เราไม่สบายทีโดนกันทั่วหน้า หลังจากนั้นมาไม่นาน พ่อก็มีเมียน้อย ซึ่งแม่ก็ไม่ว่าอะไร ถ้าพูดไปคงใด้เจอของแข็ง
พ่อก็พาเมียน้อยมาเดินให้แม่เห็น แม่ก็มองตามแต่ไม่ใด้เข้าไปว่าอะไร หลังจากเมียน้อยกลับไปเหตุไม่คาดฝันก็เกิด จู่ๆพ่อก็เอาแก้วเหล้า
ตบหน้าแม่ทั้งๆที่แม่ไม่ใด้ทำอะไร ด้วยความตกใจแม่จึงวิ่งไปร้องขอให้คนช่วย ก็มีคนใจดีพาส่งโรงพยาบาล หลังจากหายดีพ่อก็ไปบังคับ
ให้มาขายของอย่างเก่า จนไม่นานก็มีปากเสียงถึงขั้นตบตี

แม่ก็เลยตัดสินใจ เดินออกไปจากชีวิตพ่อ โดยการหนีไปและหายตัวไปตั้งแต่นั้นมา
ส่วนพ่อก็ไม่เป็นคนเดิมที่รักเรา เจอหน้าเราทุกครั้งพ่อจะบอกว่ากูเกลียด เพราะหน้าเหมือนแม่ แล้วพ่อก็เอาเรากลับมาให้ย่าเลี้ยงต่อไป
ย่าอยู่บ้านก็มีอาชีพรับจ้างตัดหอม ตัดกระเทียม ใด้เงินพอใช้ ส่วนเราพอกลับมาอยู่บ้านก็กลายเป็นที่รักของบ้านใกล้เรือนเคียง เพราะเราใช้ง่าย
ให้ไปซื้ออะไรก็ไปใด้ โดยมีค่าจ้างเป็นค่าขนมเล็กๆน้อยๆ เราก็จะเอามาหยอดกระปุกไว้ แต่จะหยอดไปซักเท่าไหร่ พ่อกลับมาก็จะมาแงะกระปุก
พร้อมคำพูด พ่อยืมไปทำทุนก่อนนะ เป็นแบบนี้จนเราเข้าเรียน อนุบาล ก็มีย่าคอยไปรับไปส่ง อาหารเช้าคือ ใข่ดาวทอดเกรียมๆราดน้ำซีอิ๊ว
อาหารกลางวันห่อไปกินเอง เพราะไม่มีเงินค่าอาหารที่โรงเรียน

ตอนนั้นมือละ 5 บาทค่าอาหาร อาหารกลางวันก็แบบเดียวกะอาหารเช้านั้นหละ
ขนมนมเนย ไม่ต้องพูดถึงไม่มีทางใด้รับประทานหรอก นอกจากนมฟรีโรงเรียนแจกเป็นถุงๆ จนขึ้นชั้น ป.1 ก็ใด้เงินค่าขนมวันละ 1 บาท
ส่วนข้าวเช้า/กลางวันเหมือนเดิม ตอนนั้นก็เกิดเหตุการ์ณไม่คาดคิดอีกแล้ว เรียกใด้ว่าเป็นจุดหักเหของชีวิตเลยหละ เพราะตอนก่อนเข้าเรียน
ช่วงบ่ายครูจะบังคับให้ไปแปรงฟัน เราก็ไปแปรงฟันปรกตินะ แต่ย่าจะเอาผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋ามาให้เช็ดปากอยู่เสมอ เราก็เลยเอาผ้าออกมาเช็ด
พลันก็มีสายตา ขอหยาบคายนิดนึงนะ สายตาอีป้า แม่หวยครัว ที่โรงอาหารมองมาพร้อมตะโกนมาว่า ว้ายยยยยยย อีตุ๊ดมีผ้าเช็ดหน้าด้วย
จากจุดนี้ตั้งแต่ ป.1 - ป.6 เพื่อนก็เลยล้อ อีตุ๊ด อีกระเทย ลูกไม่มีแม่ ตุ๊ดเด็ก กระเทยบก อีแต๋ว และอีกสารพัดที่จะสรรค์หามาเรียก

ช่วงนั้น
ที่บ้านจนมากขนาดไม่มีตังซื้อกางเกงในให้เราใส่ จำใด้ว่าตอน ป.2 ก็มีแม่ของเพื่อนเค้าใด้กางเกงในเด็ก เลยให้ย่าเรามาให้เรา จะโชคดีหรือโชคร้าย
ไอ้กางเกงในที่ว่านี้ สี ม่วง ชมพู แดง แต่สีนั้นไม่สำคัญเท่า มันเป็นลายลูกไม้ ย่าบอกใส่ไปเหอะ ของมันอยู่ข้างในใครจะมาเห็น
ก็เลยต้องจำใจใส่ และ ก็ตามคาด เพื่อเห็นล้อกันไปทั้งโรงเรียน จนชิน พอมา ป.3 ก็ใด้เงินมากินขนม 2 บาท วันหยุดก็ไปวัด ไม่ใด้ทำบุญนะ
ไปเอากับข้าววัดมากิน ก็เลยคลุกคลีอยู่กับพระ-เณร หลวงพี่ หลวงพ่อ และอีกหลายหลวง หลังจากเลิกเรียนตอนนี้ก็มีอาชีพเสริมละนะ
อาชีพที่ว่า คือเก็บขวดขาย ถ้าอยากออกไปเล่นนอกบ้าน ต้องใด้ขวดกลับมาบ้าน 1 กระสอบ

วันใหนไม่ใด้โดนตี 55555เดาออกแล้วจิ
ว่าค่าขนมมันมาจากไหน ตอนนั้นพ่อก็ไปๆมาๆอยู่เรื่อยๆ จนขึ้น ป.4 แต่ค่าขนมยังไม่ขึ้นนะ ใด้เท่าเดิม เนื่องจากตอนนี้ใด้ทุนอาหารกลางวัน
ค้าก็จะมีขนมมาด้วย 1 อย่าง ด้วยความที่เริ่มโต เพื่อนก็เริ่มล้อเยอะขึ้น จึงมีความคิดว่าต้องทำอะไรเพื่อให้เพื่อนไม่ล้อ และก็ ปิ้งไอเดีย
ไม่ว่าครูจะให้ลงแข่งอะไรทำหมด เช่น ร้องเพลง อ่านหนังสือ วิ่ง และอื่นๆ แต่ก็ไม่เป็นผล อีเพื่อนบ้ามันล้อหนักกว่าเดิมอีก แอบไปนั่งร้องให้ทุกวัน
ป.5 ใด้ค่าขนมเพิ่มว้าวๆๆๆๆๆดีใจ ใด้ 3 บาท แต่โดนบังคับอีกละ ต้องเหลือตังมาหยอดกระปุก แล้วจะให้มาทามมาย 3 บาท เนอะ 55555


และแล้วปิดเทอมนั้นเอง ก็ใด้บวชเณร จริงๆคือความคิดว่าเพื่อนผู้ชายเค้าทำกันเราก็ต้องทำใด้เผื่อมันจะเลิกล้อ ก็เอาแบบฟอร์มมาขอพ่อ
พ่อให้ แต่ ย่าไม่ให้ เกิดปากเสียงอีก เป็นเรื่องเป็นราว ย่าก็โดนด่าเลี้ยงหลานยังไง เลี้ยงจนเป็นเด็กผู้หญิง ท่าโตขึ้นมามันเป็นตุ๊ดนะกูเตะตกบ้าน
คือ ตอนนั้นวิ่งหนีแทบไม่ทันกลัวโดนเตะ ตั้งแต่พ่อกะแม่เลิกกันพ่อก็พาแม่ใหม่เข้ามาบ้านอย่างไม่ขาดสาย ปีละ 1-2 คน แล้วก็หายไป
เพราะไม่มีใครทนมือพ่อท่านใหวซักคน แรกๆก็ตบจูป หลังๆกระทืปจูปใครจะทานทนไหว 555555 แล้วก็ถึงวันที่ไปบวช 1 เดือนเต็ม
รู้สึกว่าไม่เคยสบายเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ

พ่อกับย่าก็แวะมาหาเรื่อยๆ จนลูกเณรศึก ไอ้ที่คิดไว้ว่ามันจะเลิกล้อ ป่าวเลย ทีนี้มันมาล้อ
อีเณรแต๋วแทน เออ ดีเว้ยไม่ว่าจะทำอะไรเรามีจุดยืนละ เป็นแต๋วนี่เอง ฮึฮึฮึ หลังจากศึกมาก็ใกล้เปิดเทอม ตอนนั้นพ่อกินเหล้าหนักมาก
ทุกวัน ไม่กลับไปขายของ เราทำอะไรก็ผิด ดดนตีตลอด จนครั้งหนึ่งหนีออกจากบ้านไปอยู่บ้านเพื่อน ย่าไปตามกลับ พอมาถึงบ้านโดนเลยจ้า
ไม้เรียวเฆี่ยนหลัง แตกเป็นอีสานแห้งแล้งเลยทั้งหลัง พร้อมโปรโมชั่น ราดน้ำช่วยให้ชุ่มชื่น ไอ้น้ำที่ว่านี่ น้ำเกลือจ้า สุดๆไปเลยพี่จ๋า555+
โดนตีจนกระทั่งครูที่โรงเรียนทนไม่ใด้ ต้องมาพบผู้ปรกครองที่บ้านเองเลย แต่ก็ไม่เป็นผลก้โดนดีต่อไป แบบนั้นหละ

ออลืมบอก
ตอนนี้ขึ้น ป.6 แล้วจ้า หลังจากโดนกดดัน คือจริงๆ ตั้งแต่ ป1-ป6 ถ้าสอบใด้เลขตัวเดียวพ่อจะพาไปเที่ยว เขาดิน ถ้าสอบใด้ 2 ตัวโดนตีจ้า
ตอน ป5 นึกกลัวดันสอบใด้ที่ 32 ทั้งห้องมีราวๆ 48 คน วิชามาร แก้เลข เอาน้ำลายถูๆๆๆๆ ดำดำ เลขหายแวบ กลับบ้านมาพ่อเห็น
แต่ปดเทอมพอดีเลยไม่ใด้ไปถามใคร พาไปเที่ยวก่อน พอเปิดเทอมเท่านั้นหละความจริงกระจ่างเจอจัดชุดใหญ่เลยจ้า ตอน ป 6 ก็โดนตี
หนักเริ่มมีการต่อต้าน เช่น หนีโรงเรียน หนีออกจากบ้าน จนย่าทนไม่ไหว หนีตามออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างโรงเรียนซะเลย รักหลานสุดๆ
หลังจากนั้นไม่นานก่อนจบ ป 6 พ่อก็มาหาที่บ้านเช่าขอให้กลับไปบ้าน เพราะพ่อไม่รู้เป็นอะไร อยู่ๆก็ท้องโตขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ ก็เลย
ต้องย้ายกลับไปอยู่บ้าน ไม่นานพ่อก็เสีย

วันสุดท้ายก่อนพ่อเสีย จำใด้ติดตาว่าพ่ออยากอาบน้ำ ด้วยความที่เราเด็ก ย่าก็เป็นผู้หญิงจึงไม่มีใคร
กล้าอาบน้ำให้พ่อ แต่พ่อก็พยายามเข้าห้องน้ำไปตักน้ำในโอ่งอาบเองจนพ่อล้มในห้องน้ำ เรากับย่าช่วยพยุงออกมา จริงๆกลัวพ่อจะอาย
เป็สครั้งแรกที่เราพูดกับพ่อแบบดีดี เราก็บอกพ่อนั่งตรงนี้นะเดี๋ยวไปเอากางเกงกับเสื้อมาใส่ให้นะ พ่อพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร ย่าก็ไปจัดแจง
หากางเกง/เสื้อมาให้เราใส่ให้พ่อ แล้วก็พาพ่อมานอน ค่ำๆท่านก็เสีย หลังจากพ่อเสียเราก็เรียนจบ ป6 พอดี เลยขอที่บ้านไปบวช และ เรียนต่อ
ขออนุญาติพักก่อนนะวันนี้อาการไม่ค่อยดี เหมือนจะไม่สบาย เดี๋ยวว่างๆมาเขียนต่อนะจะรอแปปนะ เขียนตกหล่นผิดบ้างต้องขออภัยด้วยจ้า
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่