*ขอแก้ไขคำผิดในเนื้อหานะครับ อ่านแล้วขัดตายังไงไม่รู้
ออกตัวก่อนเลยครับว่านี่เป็นกระทู้ที่สอง และมันจะเป็นกระทู้ที่ยาวมากๆๆ คนไม่ชอบความเวิ่นควรผ่านครับ
(กระทู้แรกเป็นกระทู้เล็กๆถามเรื่องโรลม้วนผมแต่เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของกระทู้นี้)
*หมายเหตุ การเรียงคำอาจจะทำให้อ่านยากไปหน่อยขออภัยด้วยนะครับมือใหม่หัดเขียนครับ
*หมายเหตุ แท็กห้องกล้องเพราะผมเป็นช่างภาพครับ แท็กความรักวัยรุ่นเพราะผมยังวัยรุ่น(ตอนปลาย)ครับ
*หมายเหตุ เนื้อหาในกระทู้นี้เป็นการเล่าจากทางผมซึ่งเป็นฝ่ายชายฝ่ายเดียวซึ่งผมจะเล่าให้เป็นกลางที่สุด
และผมจะเล่าเฉพาะเหตุการณ์ส่วนที่เป็นจริง กระทบกับตัวผมเองและกระทบกับคนรอบข้างผมเท่านั้น
ผู้ที่คิดว่าเป็นการฟังความข้างเดียวไม่ควรอ่าน ผู้ที่โลกสวยไม่ควรเสพย์ครับ ทั้งหมดเล่ามาจากใจชายคนหนึ่งที่เฟลจริงๆ
เปิดเรื่องก่อนเลยว่าเพิ่งโสดครับโสดได้ประมาณ 9 วันเท่านั้น
เจตนาในการตั้งกระทู้นี้เพื่อจะระบายเรื่องราวที่ผ่านมาและเอากระทู้นี้ให้คนรู้จักผมได้เอาไว้อ่านว่า
มันเกิดอะไรขึ้นกับความรักครั้งนี้ของผม และเหตุที่ทำให้ผมโสดนั้นย้อนกลับไปเป็นดังนี้ครับ
เมื่อประมาณครึ่งปีกว่าที่ผ่านมาผมและทีมงานได้รับการว่าจ้างจากร้านเวดดิ้งให้ไปถ่ายภาพงานวิวาห์งานหนึ่งมา
พวกเราออกเดินทางกันแต่เช้ามืดเพื่อไปบ้านงานซึ่งอยู่ในจังหวัดอ่างทอง ระหว่างเดินทางโดนหมาตัดหน้ารถ
หักหลบจนรถเกือบพลิกคว่ำตกคลองริมทาง จนเกือบไม่ได้ไปถึงบ้านงาน แต่โชคชะตาก็พาให้ผมไปถึงบ้านงานจนได้
พอถึงบ้านงานผมและทีมงานก็จัดแจงเข้าบ้านงานเพื่อจัดมุมจัดแสงใช้ในการถ่ายงาน ผมได้เจอเธอครั้งแรกก็ในตอนนั้น
เธอเดินออกมาจากห้องนอนแขกซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน ในสภาพหน้าสดปนแต่งบางๆพร้อมผ้าขนหนูกระโจมอก
บอกเลยครับเธอเป็นคนสวยในสายตาผมแม้จะยังไม่แต่งหน้า เวลานั้นผมมองเทอไปแล้วครับแต่ก็ต้องหลบตาตามมารยาท
เพราะเธอกึ่งโป๊อยู่ผมเลยไม่อยากมองนานกว่านั้นเดี๋ยวจะถูกข้อหาว่าหื่น นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน
และหลังจากนั้นตลอดทั้งวันที่ถ่ายงานเธอก็ต้องวนเวียนมาผ่านกระจกเลนส์และกล้องตัวโปรดของผมอยู่หลายครั้งหลายหน
เพราะว่าเธอนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าสาวนั่นเอง ตลอดวันนั้นเธอเลยค่อยๆซึมเข้ามาในม่านตาของผมอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปจนกระทั่งงานเลี้ยงฉลองตอนเย็น อีกซีนสำคัญที่สุดของงานแต่งงานก็คือ การโยนดอกไม้
และเหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่ดลให้เธอเป็นผู้ที่รับดอกไม้ได้ในงานวันนั้น และหน้าที่ของผมในทีมงานถ่ายภาพนั้น
คือต้องไปถ่ายรูปเดี่ยวของผู้ที่รับดอกไม้ มันเลยทำให้ผมกับเธอได้คุยกันและหลังจากนั้นผมก็ตัวติดเธอตลอดจนจบงาน
เพราะเธอไหว้วานให้ผมช่วยถือดอกไม้แทนเธอตลอดเวลาที่เธอต้องถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆระหว่างช่วงถ่ายรูปเล่นตอนเลิกงาน
งานเลี้ยงฉลองจบไปผมก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเราก็คงจบไปตามกาลเวลา เธอคงเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คงไม่ได้รู้จักกัน
ซึ่งตัวผมก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะ ณ เวลานั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าคนที่เราต้องพูดด้วยว่า ยินดีที่ไม่รู้จัก
แต่ว่าหลังจากผ่านไปสองวันสิ่งที่ผมถึงกับ งง สงสัยและถามตัวเองจนถึงทุกวันนี้ว่า "เพราะอะไร?" ก็ได้เกิดขึ้น
เธอทักแชทในเฟสบ็คมาหาผม ซึ่งในเวลานั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือเธอหญิงสาวโสดแสนสวยผู้โชคดีที่ได้รับดอกไม้
จนเธอต้องบอกกล่าวเท้าความรายงานตัวว่าเธอคือใคร จนความทรงจำในวันงานนั้นมันกลับมา และหลังจากนั้นเป็นต้นมา
เธอจะแวะเวียนมาทักทาย ไถ่ถาม พูดคุยด้วยอยู่ทุกวันๆ จนความรู้สึกดีๆของผมนั้นมันเริ่มเบ่งบานอยู่ลึกๆในใจ
เราคุยกันถึงช่วงเวลาในงานแต่งงาน คุยถึงช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน และผมก็เล่าให้เธอฟังถึงความประทับใจในวันนั้น
ผมบอกเธอทั้งหมดว่าผมเห็นเธอในตอนไหนบ้าง ผมเกือบไม่ได้เจอเธอเพราะรถเกือบคว่ำก่อนมาบ้านงาน
เกือบไม่ได้ถ่ายรูปเธอที่รับดอกไม้ได้เพราะเกือบสลับหน้าที่กับเพื่อน อะไรที่เป็นรายละเอียดยิบย่อยในวันที่ได้เจอเธอนั้น
ผมยังคงจำมันได้ติดตามาตลอดทุกๆวัน จนเธอนั้นก็บอกว่าเป็นเรื่องที่แปลกจนน่ามหัศจรรย์ใจเลยแหละ
เมื่อเวลาผ่านไปจากคนที่คุยก็ได้ไม่คุยก็ได้ ก็กลับกลายเป็นคนที่ไม่คุยด้วยแล้วคิดถึง จากคนที่ใช้คำพูดธรรมดาคอยระวัง
ก็เปลี่ยนเป็นการคุยเล่นกันและหยอดหวานในบางเวลา จากคุยกันเพียงบางเวลาก็กลายเป็นคุยกันได้ทั้งวัน
จนวันนึงหลังจากคุยกันมาพักใหญ่ เธอบ่นว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานวิจัย (เธอเป็นนักศึกษา ป.โท)
เธออยากมาเที่ยวที่บ้านของผมซึ่งเวลานั้นผมยืนดีมากๆที่จะให้เธอมาเยี่ยมเยือนที่บ้านของผม
ผมไม่รอช้ารีบขับรถไปรับเธอมาจากอีกจังหวัดเพื่อให้เธอมาเปลี่ยนบรรยากาศที่บ้านอย่างรวดเร็วที่สุด
และวันนั้นเราก็ได้คุยกันอย่างจริงจัง เราตกลงเป็นแฟนกัน และผมถามเธอในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทุกคำถาม เช่นว่า
"ผมไม่หล่อนะทำไมถึงเป็นผม" "ผมไม่ดูดีเหมือนใครแล้วทำไมคนสวยแบบเธอถึงยังมาเลือกผม"
และคำตอบจากริมฝีปากแสนบางของเธอนั้นยืนยันกับผมอย่างเต็มคำว่า มันคือ "ความรัก"
เดี๋ยวมาต่อครับไปอาบน้ำกับทำตัวดราม่าในเฟสบ็คแปปนึงเรื่องมันยาวมากๆ
เหตุผลของการเลิกลามาจากคำถามที่ว่า "น้ำหนักลดหรือยัง?"
ออกตัวก่อนเลยครับว่านี่เป็นกระทู้ที่สอง และมันจะเป็นกระทู้ที่ยาวมากๆๆ คนไม่ชอบความเวิ่นควรผ่านครับ
(กระทู้แรกเป็นกระทู้เล็กๆถามเรื่องโรลม้วนผมแต่เป็นส่วนหนึ่งในเรื่องราวของกระทู้นี้)
*หมายเหตุ การเรียงคำอาจจะทำให้อ่านยากไปหน่อยขออภัยด้วยนะครับมือใหม่หัดเขียนครับ
*หมายเหตุ แท็กห้องกล้องเพราะผมเป็นช่างภาพครับ แท็กความรักวัยรุ่นเพราะผมยังวัยรุ่น(ตอนปลาย)ครับ
*หมายเหตุ เนื้อหาในกระทู้นี้เป็นการเล่าจากทางผมซึ่งเป็นฝ่ายชายฝ่ายเดียวซึ่งผมจะเล่าให้เป็นกลางที่สุด
และผมจะเล่าเฉพาะเหตุการณ์ส่วนที่เป็นจริง กระทบกับตัวผมเองและกระทบกับคนรอบข้างผมเท่านั้น
ผู้ที่คิดว่าเป็นการฟังความข้างเดียวไม่ควรอ่าน ผู้ที่โลกสวยไม่ควรเสพย์ครับ ทั้งหมดเล่ามาจากใจชายคนหนึ่งที่เฟลจริงๆ
เปิดเรื่องก่อนเลยว่าเพิ่งโสดครับโสดได้ประมาณ 9 วันเท่านั้น
เจตนาในการตั้งกระทู้นี้เพื่อจะระบายเรื่องราวที่ผ่านมาและเอากระทู้นี้ให้คนรู้จักผมได้เอาไว้อ่านว่า
มันเกิดอะไรขึ้นกับความรักครั้งนี้ของผม และเหตุที่ทำให้ผมโสดนั้นย้อนกลับไปเป็นดังนี้ครับ
เมื่อประมาณครึ่งปีกว่าที่ผ่านมาผมและทีมงานได้รับการว่าจ้างจากร้านเวดดิ้งให้ไปถ่ายภาพงานวิวาห์งานหนึ่งมา
พวกเราออกเดินทางกันแต่เช้ามืดเพื่อไปบ้านงานซึ่งอยู่ในจังหวัดอ่างทอง ระหว่างเดินทางโดนหมาตัดหน้ารถ
หักหลบจนรถเกือบพลิกคว่ำตกคลองริมทาง จนเกือบไม่ได้ไปถึงบ้านงาน แต่โชคชะตาก็พาให้ผมไปถึงบ้านงานจนได้
พอถึงบ้านงานผมและทีมงานก็จัดแจงเข้าบ้านงานเพื่อจัดมุมจัดแสงใช้ในการถ่ายงาน ผมได้เจอเธอครั้งแรกก็ในตอนนั้น
เธอเดินออกมาจากห้องนอนแขกซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้าน ในสภาพหน้าสดปนแต่งบางๆพร้อมผ้าขนหนูกระโจมอก
บอกเลยครับเธอเป็นคนสวยในสายตาผมแม้จะยังไม่แต่งหน้า เวลานั้นผมมองเทอไปแล้วครับแต่ก็ต้องหลบตาตามมารยาท
เพราะเธอกึ่งโป๊อยู่ผมเลยไม่อยากมองนานกว่านั้นเดี๋ยวจะถูกข้อหาว่าหื่น นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน
และหลังจากนั้นตลอดทั้งวันที่ถ่ายงานเธอก็ต้องวนเวียนมาผ่านกระจกเลนส์และกล้องตัวโปรดของผมอยู่หลายครั้งหลายหน
เพราะว่าเธอนั้นเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าสาวนั่นเอง ตลอดวันนั้นเธอเลยค่อยๆซึมเข้ามาในม่านตาของผมอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปจนกระทั่งงานเลี้ยงฉลองตอนเย็น อีกซีนสำคัญที่สุดของงานแต่งงานก็คือ การโยนดอกไม้
และเหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่ดลให้เธอเป็นผู้ที่รับดอกไม้ได้ในงานวันนั้น และหน้าที่ของผมในทีมงานถ่ายภาพนั้น
คือต้องไปถ่ายรูปเดี่ยวของผู้ที่รับดอกไม้ มันเลยทำให้ผมกับเธอได้คุยกันและหลังจากนั้นผมก็ตัวติดเธอตลอดจนจบงาน
เพราะเธอไหว้วานให้ผมช่วยถือดอกไม้แทนเธอตลอดเวลาที่เธอต้องถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆระหว่างช่วงถ่ายรูปเล่นตอนเลิกงาน
งานเลี้ยงฉลองจบไปผมก็คิดว่าความสัมพันธ์ของเราก็คงจบไปตามกาลเวลา เธอคงเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คงไม่ได้รู้จักกัน
ซึ่งตัวผมก็ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะ ณ เวลานั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าคนที่เราต้องพูดด้วยว่า ยินดีที่ไม่รู้จัก
แต่ว่าหลังจากผ่านไปสองวันสิ่งที่ผมถึงกับ งง สงสัยและถามตัวเองจนถึงทุกวันนี้ว่า "เพราะอะไร?" ก็ได้เกิดขึ้น
เธอทักแชทในเฟสบ็คมาหาผม ซึ่งในเวลานั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นคือเธอหญิงสาวโสดแสนสวยผู้โชคดีที่ได้รับดอกไม้
จนเธอต้องบอกกล่าวเท้าความรายงานตัวว่าเธอคือใคร จนความทรงจำในวันงานนั้นมันกลับมา และหลังจากนั้นเป็นต้นมา
เธอจะแวะเวียนมาทักทาย ไถ่ถาม พูดคุยด้วยอยู่ทุกวันๆ จนความรู้สึกดีๆของผมนั้นมันเริ่มเบ่งบานอยู่ลึกๆในใจ
เราคุยกันถึงช่วงเวลาในงานแต่งงาน คุยถึงช่วงเวลาที่ได้ใกล้ชิดกัน และผมก็เล่าให้เธอฟังถึงความประทับใจในวันนั้น
ผมบอกเธอทั้งหมดว่าผมเห็นเธอในตอนไหนบ้าง ผมเกือบไม่ได้เจอเธอเพราะรถเกือบคว่ำก่อนมาบ้านงาน
เกือบไม่ได้ถ่ายรูปเธอที่รับดอกไม้ได้เพราะเกือบสลับหน้าที่กับเพื่อน อะไรที่เป็นรายละเอียดยิบย่อยในวันที่ได้เจอเธอนั้น
ผมยังคงจำมันได้ติดตามาตลอดทุกๆวัน จนเธอนั้นก็บอกว่าเป็นเรื่องที่แปลกจนน่ามหัศจรรย์ใจเลยแหละ
เมื่อเวลาผ่านไปจากคนที่คุยก็ได้ไม่คุยก็ได้ ก็กลับกลายเป็นคนที่ไม่คุยด้วยแล้วคิดถึง จากคนที่ใช้คำพูดธรรมดาคอยระวัง
ก็เปลี่ยนเป็นการคุยเล่นกันและหยอดหวานในบางเวลา จากคุยกันเพียงบางเวลาก็กลายเป็นคุยกันได้ทั้งวัน
จนวันนึงหลังจากคุยกันมาพักใหญ่ เธอบ่นว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานวิจัย (เธอเป็นนักศึกษา ป.โท)
เธออยากมาเที่ยวที่บ้านของผมซึ่งเวลานั้นผมยืนดีมากๆที่จะให้เธอมาเยี่ยมเยือนที่บ้านของผม
ผมไม่รอช้ารีบขับรถไปรับเธอมาจากอีกจังหวัดเพื่อให้เธอมาเปลี่ยนบรรยากาศที่บ้านอย่างรวดเร็วที่สุด
และวันนั้นเราก็ได้คุยกันอย่างจริงจัง เราตกลงเป็นแฟนกัน และผมถามเธอในสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทุกคำถาม เช่นว่า
"ผมไม่หล่อนะทำไมถึงเป็นผม" "ผมไม่ดูดีเหมือนใครแล้วทำไมคนสวยแบบเธอถึงยังมาเลือกผม"
และคำตอบจากริมฝีปากแสนบางของเธอนั้นยืนยันกับผมอย่างเต็มคำว่า มันคือ "ความรัก"
เดี๋ยวมาต่อครับไปอาบน้ำกับทำตัวดราม่าในเฟสบ็คแปปนึงเรื่องมันยาวมากๆ