สวัสดีครับพี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน ช่วงนี้หลายพื้นที่คงจะมีแต่งานกับความเครียด
แต่!... ดีหน่อยที่มหาลัยผมในช่วงวันที่ 19-23 มกรา 2558 จะปิดเพราะมีกีฬามหาลัย เราก็เลย "ว่าง..."
และนั่นแหละครับคือที่มาของทริปเชียงใหม่ อินทนนท์และกิ่วแม่ปานในครั้งนี้
ปล.ผมเขียนกระทู้รีวิวกระทู้แรก ถ้าผิดพลาด รูปไม่สวยหรือเล่าไม่ละเอียดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ครับ
เดือนธันวาคม :
เป็นช่วงนี้ที่มหาลัยต่างๆทั่วประเทศปิดเทอมครับ ผมก็กลับมาเพื่อวางแผนที่บ้านเกิดทางใต้ ระหว่างนั้นผมก็หาข้อมูลที่พัก ( ส่วนใหญ่ผมจะจองผ่าน agoda กับ booking อยู่เสมอครับ ) ส่วนการเดินทางนี่ไม่ทราบจริงๆว่าส่วนใหญ่เวลาขึ้นเหนือเค้าจะนั่งรถทัวร์ของบริษัทไหนเลยต้องถามกูเกิ้ลซะหน่อย...
เอาล่ะครับ ! หลังจากที่หาไปมาราวสองวัน ผมก็ตัดสินใจที่จะพัก โรงแรมลานนาเฮ้าส์ ( ติดประตูท่าแพเลยครับ เดินแค่100เมตรเอง ) เป็นเวลา 2 คืน คิดว่าพอสำหรับในตัวเมืองเชียงใหม่ และพักที่บ้านสวนอินทนนท์ ก่อนทางขึ้นดอยอินทนนท์อำเภอจอมทอง ( ขออภัยครับ รีสอร์ทนี้ผมไม่ได้รีวิวมา ) ส่วนการเดินทางนั้นผมไว้ใจ สมบัติทัวร์ครับ ค่ารถก็สมเหตุสมผลดี
เดือนมกราคม :
ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง ผมวางแผนเดินทางในวันที่ 18 มกราคม ตรงกับวันอาทิตย์ ในเวลา 8.00 น. เพื่อจะได้ไปถึงตอนเย็นๆก็จะได้เดิน ถนนคนเดินท่าแพพอดี ( ถนนคนเดินท่าแพมีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้นนะครับ ) เราเดินทางไปถึงท่าอากาศยานนานาหมอชิต เอ้ยย สถานีขนส่งหมอชิตเช้าตรู่มาก
เพราะพนักงานนัดรับตั๋วก่อนออกเดินทางครึ่งชั่วโมง สภาพภายในรถทัวร์ก็ผ่าน เหมาะสมกับราคา ส่วนของกินก็...

แรกๆก็จะบริการแค่น้ำ แต่พอหลังๆนี่สิครับ ทั้งน้ำส้ม เค้กสองชิ้น ชาหรือกาแฟ ขนมตามมีอีกมากมาย
พอรถขับมาได้เรื่อยจนถึง จ.กำแพงเพชร หน้าจอโทรทัศน์ก็ประกาศว่าอีกสักครู่รถจะพาเรามาพักทานอาหารที่บริษัทของสมบัติทัวร์ ผู้โดยสารกรุณาเตรียมบัตรอาหารให้เรียบร้อย...
เอ้ยย ! มีบัตรอาหารด้วยเอ้ยย อธิบายนิดนึงครับ ที่ตั๋วจะมีแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือส่วนที่พนักงานจะฉีกตอนขึ้นรถ ส่วนที่สองคือส่วนที่เป็นบัตรอาหาร ส่วนที่สามจะเป็นข้อมูลรถ
หน้าตาของอาหารฟรีก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แต่ก็กระนั้นก็เถอะครับ ฟาดเรียบ! รูปทั้งหมดที่จะลงต่อไปนี้เป็นรูปที่มาจากกล้อง Iphone 5s ทั้งหมดนะครับ

อันนี้คือก๋วยเตี๋ยวเส้นแข็งต้มยำ เอ้ย เส้นเล็กต้มยำ... -o-'

ส่วนอันนี้คือขากลับครับ ราดหน้าที่ดูน่ากินและอร่อย แต่เสียดายที่น้ำไม่ร้อนเลยยยยยยย
เจอเรื่องอาหารไปแล้วต่อมาก็มาเจอกับเรื่องขี้ๆ บ้างแล้วกันโดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อใช้บริการรถทัวร์เท่าไหร่ครับ เลยไม่ค่อยรู้ว่ารถทัวร์ปกติเค้าควรจะมีห้องน้ำเกรดไหน แต่สำหรับของสมบัติทัวร์เนี้ย ก็แบบนี้ละครับ ขอปิดspoil ไว้แล้วกันนะครับ เผื่อมีคนกินข้าวอยู่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เชียงใหม่... ซักที่
หลังจากนั่งรถมานานนม ในที่สุดเราก็มาถึง ซักที ....จังหวัดเชียงใหม่ สถานีขนส่งอาเขตที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่

บรรยากาศก็ไม่ได้แตกต่างจากหมอชิตเท่าไหร่ แต่ข้างๆมีร้านอาหารเยอะมาแต่ก็แพง ( ไม่สนอยู่ละ ) เค้าว่ากันว่ามาเชียงใหม่แล้วต้องนั่งรถแดง..
แต่รถแดงมันขึ้นตรงไหนเราก็ไม่รู้ จึงได้ฤกษ์ถามคนแถวนั้นครับ ...บอกไว้ก่อนเลยนะปกติเวลาผมไปไหนมาไหนผมจะไม่ค่อยพาปากไปด้วย คือ ไม่ค่อยกล้าถามนั่นเอง แต่มาแพ็กแบ๊คครั้งแรกแบบนี้และด้วยเวลาของอาหารเย็นที่ใกล้จะเข้ามาถึง เราเลยต้องถาม...
ที่ขึ้นรถแดงที่ใกล้ที่สุดคือ เดินออกด้านหน้าอาเขต3 แล้วจะเจอเลยครับ คุณป้าเดินเข้ามาถามพร้อมทั้งเสนอราคาที่พอจะรับให้เรา

ค่าบริการจากอาเขต3ไปประตูท่าแพก็ประมาณ 20 บาท ขอบอกนิดนึงว่า คำว่า "ซาวบาท" เราจะได้ยินคนเหนือพูดเยอะมาก ตอนแรกก็งงๆแต่ด้วยประสบการณ์และการใช้เซ้นส์ก็รู้ว่า ไอ้ซาวบาทก็คือ 20 บาท นั่นเอง เราไม่คิดจะเหมานะครับ ก็เลยต้องนั่งรอจนกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆจะขึ้นมาให้เต็ม
ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานอยู่แล้ว
อากาศ ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้หนาวมาก แต่ลมนี่สิครับ ค่อนข้างแรงและหนาวกว่ากรุงเทพฯที่จากมาทีเดียว นั่งรถประมาณ 20 นาทีก็มาถึงแล้วครับ ประตูท่าแพ เราไม่รีรอครับ รีบเช็คอินดีกว่า โรงแรมลานนาเฮ้าส์ก็อยู่ซอยตรงข้ามกับประตูท่าแพเลยครับ
บรรยากาศข้างๆโรงแรมก็เป็นบาร์ครับ ซึ่งตอนกลางคืนก็ค่อนข้างเสียงดังใช่ได้...

เมื่อเช็คอินเรียบร้อย เวลาต่อมาคือ เดินเที่ยวครับ ! หิววว !
ถนนคนเดินประตูท่าแพรอเราอยู่ไม่ไกล....

ไข่ป่าม... เค้าบอกว่ามันคือไข่ที่ผสมตัวอ่อนของผึ้ง รสชาติมันคล้ายๆกับกินไข่มดแดงแต่ได้กลิ่นของน้ำผึ้งเบาๆ

เดินไปๆมาๆ พอหิวผมก็ฟาดขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ไปชามหนึ่ง ซาวบาทอีกทีแล้วครับ !

เดินไปๆมาๆ ก็ดึกพอสมควรแล้วครับ กลับโรงแรมดีกว่าาา พรุ่งนี้มีแผนการไว้จะขึ้นดอยซักหน่อย...
19 มกราคม :
เวลาเช้า ผมก็ตื่นขึ้นมารับอากาศในยามเช้า และอากาศบริสุทธิ์... แต่ฝันไปเหอะ ตื่นมารถราก็วิ่งกันเต็มไปหมดแล้วครับ -o-!
ทางโรงแรมที่ผมพักไม่ได้มีอาหารเช้าให้นะครับ นั่นหมายความว่าเราต้องหากันกินเอง ซึ่งคงหนีไม่พ้นแมค...
หลังจากที่กินแมคเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาถ่ายรูปตรงประตูท่าแพไว้เป็นที่ระลึกบ้าง...

พอถ่ายรูปเสร็จสรรพ ขั้นตอนต่อไปคือ โบกรถแดงเพื่อไปขึ้นดอยสุเทพ ดอยปุย...
**บอกคนขับรถแดงว่าไปหน้ามอชอหรือถ้าให้แน่ๆคือไปลงหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่เลย เพราะตรงนั้นมีคิวรถแดงที่จะพาขึ้นดอยสุเทพเยอะมากก
บางทีก็มีจะเพจแกจที่อาจจะคุ้มค่าด้วย เช่น ไปดอยปุย พระราชตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และดอยสุเทพจะราคาแค่ 180 บาท แต่ผมนี่ไม่ได้ไปแบบเพจแกจน่ะ ไปเป็นที่ๆดีกว่า อิสระทางเวลาดีกว่าครับ
นี่คือคิวรถแดงหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่นะครับ ถ้าไม่อยากเหมารถก็ต้องรอให้คนเต็มแบบนี้แหละครับ รอไม่นานหรอกครับ ยิ่งช่วงไฮท์ซีซั่นแบบนี้ ประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้

ระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ ... ตอนแรกคิดว่าจะเช่ามอเตอร์ไซต์แล้วขับกันขึ้นมาเอง แต่ก็กลัวว่าทางมันจะชัน แต่เอาเข้าจริงๆทางค่อนข้างสบายมาก ถ้าขัยรถชำนาญนะ

เพื่อนร่วมทางครับ มีหลายชาติเลยครับ ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งหัวทอง คนไทย ชาวเขา...

แนะนำนะครับ ถ้านั่งรถแดง อย่าพยายามนั่งริมทางออก เพราะจะเมาควันเอาได้
นั่งรถมาไม่นานก็ถึงแล้วครับ จุดหมายแรกของผม ...พระธาตุดอยสุเทพ... มาที่นี่กี่ครั้ง ผมก็ต้องมาสักการะให้ได้
การขึ้นพระธาตุมีสองทางเลือกครั้ง จะเดินขึ้นบันไดพญานาคหรือจะขึ้นลิฟต์ แข็งแรงแบบผมก็แน่นอนครับ.... ลิฟต์แน่ๆ - -'!!
ค่าบริการขึ้นและลงคือ ซาวบาทครับ แต่ผมกะว่าจะเดินลง
พระธาตุดอยสุเทพในมุมบังคับ...

จากความวุ่นวายของคนอื่นๆที่แย่งกันถ่ายรูป แต่คุณพี่ท่านนี้ยังสงบได้... ผมชอบรูปนี้มากก

ขาลงครับ ไปพระธาตุดอยสุเทพทุกที มักจะคิดว่าบันไดมันสูงทุกที่ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว สบายๆมากกกก

อากาศบนดอยสุเทพไม่หนาวครับ สบายๆสามารถถอดเสื้อแจ็คแก็ทออกได้ ผมใช้เวลาอยู่ที่พระธาตุไม่นาน จุดมุ่งหมายต่อไปคือดอยปุยครับ
อย่างที่บอกว่าผมไม่ได้มาแบบแพกเกจ ก็ต้องหารถแดงอีกรอบครับ แต่ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะรถแดงมีเยอะมากบนดอยสุเทพ ค่าโดยสารจากดอยสุเทพไปดอยปุย รอบละ 60 บาท ไปกลับก็ 120 ต่อคน ราคานี้เท่ากันหมดทุกคันนะครับ
เส้นทางจากดอยสุเทพขึ้นดอยปุยนี่ค่อนข้างลำบากครับ ทางแคบ รถส่วนทางกันลำบากมาก ผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป ยอมรับครับว่าเมารถ เฮือก!
แต่พอถึงแล้วก็คุ้มครับ สวยดี อากาศหนาวกกว่าดอยสุเทพ คนไม่เยอะ ดอกไม้บานสวยมากก แต่ก็ต้องมีเสียค่าเข้าบ้างไรบ้าง คนละ 10 บาท

บัตรค่าเข้านะครับ รู้สึกว่าต้องจ่ายสองรอบด้วย...

ผิวยังไม่ดำครับ ขออาบแดดท่ามกลางหมู่แมกไม้แปป...

ถ้าไปดอยปุย คุณจะแยกไม่ออกว่า คนไหนคือชาวเขา คนไหนคือชาวบ้านแล้วไปใส่ชุดชาวเขา เอิ่มม ผมเห็นเค้าใส่กันเต็มไปหมด

นี่แหละครับคือไฮท์ไลท์ของดอยปุยยย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงซากุระ ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ดอกพญาเสือโคร่งเนี้ย จริงๆมันคือดอกพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระ หรือมันคืออันเดียวกัน หรือคนไทยแค่เอามาเปรียบ งงชริงๆ -o-

เอาแค่น้ำจิ้มๆแล้วกันนะครับ สำหรับดอยปุย ขากลับก็เรียกรถเหมือนเดิมครับ เค้าจะมาจอดส่งเราที่จะดอยสุเทพ แ
และเป็นหน้าที่เราอีกแล้วที่ต้องหารถเพื่อลงไปในตัวเมือง จริงๆแล้วรถทุกคันเค้าจะพาเราไปส่งในเมืองจริงๆ แต่ผมเลือกที่จะลงหน้ามอชอครับ เพราะนัดเพื่อนเอาไว้ให้เพื่อนพากินข้าว ซึ่งตอนนั้นหิวมากก บนดอนสุเทพของก็แพง ราคาขนลงดอยสุเทพก็คนละ 80 ครับ ถ้าเป็นแพกเกจคุ้มกว่าจริงๆครับ อ้าวว!
ระหว่างนั่งรถลงมานี่ รู้สึกว่ารถมันช้ามากก ทั้งๆที่ความเร็วเท่าเดิม รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ต้องพึ่งยาดมตลอดเวลาเลย จริงๆไปเที่ยวแบบนี้ยาสามัญประจำบ้านควรเอาไปด้วยนะครับ รถใช้เวลาประมาณ ซาวนาที - -' ก็ลงมาถึงหน้ามอชอ ระหว่างที่รอเพื่อนผมก็ไปเดินเล่นงานหนังสือและหาของกินที่งานรับปริญญาไปพลางๆ ไม่นานเพื่อนก็พาผมมากินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่ย่านนิมมาน ใกล้กับร้าน iberry ของโน้ต อุดมอะครับ
รสชาติก็อร่อยดี แต่แพงไปหน่อยสำหรับ backpacker อย่างเรา รูปร่างหน้าตามันคล้ายๆกับก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๋วยังไงไม่รู้

สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนนะครับ เพราะหลังจากนี้คือเรื่องสัปเพเหระมากๆ ฮ่า ๆ
เดี๋ยวจะมาต่อนะครับ
[CR] [ฺBackpack] ทริปแรกเชียงใหม่-อินทนนท์-กิ่วแม่ปาน *เป็นทริปแรกที่รอมาเนิ่นนาน*
แต่!... ดีหน่อยที่มหาลัยผมในช่วงวันที่ 19-23 มกรา 2558 จะปิดเพราะมีกีฬามหาลัย เราก็เลย "ว่าง..."
และนั่นแหละครับคือที่มาของทริปเชียงใหม่ อินทนนท์และกิ่วแม่ปานในครั้งนี้
ปล.ผมเขียนกระทู้รีวิวกระทู้แรก ถ้าผิดพลาด รูปไม่สวยหรือเล่าไม่ละเอียดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ครับ
เดือนธันวาคม :
เป็นช่วงนี้ที่มหาลัยต่างๆทั่วประเทศปิดเทอมครับ ผมก็กลับมาเพื่อวางแผนที่บ้านเกิดทางใต้ ระหว่างนั้นผมก็หาข้อมูลที่พัก ( ส่วนใหญ่ผมจะจองผ่าน agoda กับ booking อยู่เสมอครับ ) ส่วนการเดินทางนี่ไม่ทราบจริงๆว่าส่วนใหญ่เวลาขึ้นเหนือเค้าจะนั่งรถทัวร์ของบริษัทไหนเลยต้องถามกูเกิ้ลซะหน่อย...
เอาล่ะครับ ! หลังจากที่หาไปมาราวสองวัน ผมก็ตัดสินใจที่จะพัก โรงแรมลานนาเฮ้าส์ ( ติดประตูท่าแพเลยครับ เดินแค่100เมตรเอง ) เป็นเวลา 2 คืน คิดว่าพอสำหรับในตัวเมืองเชียงใหม่ และพักที่บ้านสวนอินทนนท์ ก่อนทางขึ้นดอยอินทนนท์อำเภอจอมทอง ( ขออภัยครับ รีสอร์ทนี้ผมไม่ได้รีวิวมา ) ส่วนการเดินทางนั้นผมไว้ใจ สมบัติทัวร์ครับ ค่ารถก็สมเหตุสมผลดี
เดือนมกราคม :
ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง ผมวางแผนเดินทางในวันที่ 18 มกราคม ตรงกับวันอาทิตย์ ในเวลา 8.00 น. เพื่อจะได้ไปถึงตอนเย็นๆก็จะได้เดิน ถนนคนเดินท่าแพพอดี ( ถนนคนเดินท่าแพมีเฉพาะวันอาทิตย์เท่านั้นนะครับ ) เราเดินทางไปถึงท่าอากาศยานนานาหมอชิต เอ้ยย สถานีขนส่งหมอชิตเช้าตรู่มาก
เพราะพนักงานนัดรับตั๋วก่อนออกเดินทางครึ่งชั่วโมง สภาพภายในรถทัวร์ก็ผ่าน เหมาะสมกับราคา ส่วนของกินก็...
แรกๆก็จะบริการแค่น้ำ แต่พอหลังๆนี่สิครับ ทั้งน้ำส้ม เค้กสองชิ้น ชาหรือกาแฟ ขนมตามมีอีกมากมาย
พอรถขับมาได้เรื่อยจนถึง จ.กำแพงเพชร หน้าจอโทรทัศน์ก็ประกาศว่าอีกสักครู่รถจะพาเรามาพักทานอาหารที่บริษัทของสมบัติทัวร์ ผู้โดยสารกรุณาเตรียมบัตรอาหารให้เรียบร้อย...
เอ้ยย ! มีบัตรอาหารด้วยเอ้ยย อธิบายนิดนึงครับ ที่ตั๋วจะมีแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกคือส่วนที่พนักงานจะฉีกตอนขึ้นรถ ส่วนที่สองคือส่วนที่เป็นบัตรอาหาร ส่วนที่สามจะเป็นข้อมูลรถ
หน้าตาของอาหารฟรีก็ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ แต่ก็กระนั้นก็เถอะครับ ฟาดเรียบ! รูปทั้งหมดที่จะลงต่อไปนี้เป็นรูปที่มาจากกล้อง Iphone 5s ทั้งหมดนะครับ
อันนี้คือก๋วยเตี๋ยวเส้นแข็งต้มยำ เอ้ย เส้นเล็กต้มยำ... -o-'
ส่วนอันนี้คือขากลับครับ ราดหน้าที่ดูน่ากินและอร่อย แต่เสียดายที่น้ำไม่ร้อนเลยยยยยยย
เจอเรื่องอาหารไปแล้วต่อมาก็มาเจอกับเรื่องขี้ๆ บ้างแล้วกันโดยส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อใช้บริการรถทัวร์เท่าไหร่ครับ เลยไม่ค่อยรู้ว่ารถทัวร์ปกติเค้าควรจะมีห้องน้ำเกรดไหน แต่สำหรับของสมบัติทัวร์เนี้ย ก็แบบนี้ละครับ ขอปิดspoil ไว้แล้วกันนะครับ เผื่อมีคนกินข้าวอยู่...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เชียงใหม่... ซักที่
หลังจากนั่งรถมานานนม ในที่สุดเราก็มาถึง ซักที ....จังหวัดเชียงใหม่ สถานีขนส่งอาเขตที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่
บรรยากาศก็ไม่ได้แตกต่างจากหมอชิตเท่าไหร่ แต่ข้างๆมีร้านอาหารเยอะมาแต่ก็แพง ( ไม่สนอยู่ละ ) เค้าว่ากันว่ามาเชียงใหม่แล้วต้องนั่งรถแดง..
แต่รถแดงมันขึ้นตรงไหนเราก็ไม่รู้ จึงได้ฤกษ์ถามคนแถวนั้นครับ ...บอกไว้ก่อนเลยนะปกติเวลาผมไปไหนมาไหนผมจะไม่ค่อยพาปากไปด้วย คือ ไม่ค่อยกล้าถามนั่นเอง แต่มาแพ็กแบ๊คครั้งแรกแบบนี้และด้วยเวลาของอาหารเย็นที่ใกล้จะเข้ามาถึง เราเลยต้องถาม...
ที่ขึ้นรถแดงที่ใกล้ที่สุดคือ เดินออกด้านหน้าอาเขต3 แล้วจะเจอเลยครับ คุณป้าเดินเข้ามาถามพร้อมทั้งเสนอราคาที่พอจะรับให้เรา
ค่าบริการจากอาเขต3ไปประตูท่าแพก็ประมาณ 20 บาท ขอบอกนิดนึงว่า คำว่า "ซาวบาท" เราจะได้ยินคนเหนือพูดเยอะมาก ตอนแรกก็งงๆแต่ด้วยประสบการณ์และการใช้เซ้นส์ก็รู้ว่า ไอ้ซาวบาทก็คือ 20 บาท นั่นเอง เราไม่คิดจะเหมานะครับ ก็เลยต้องนั่งรอจนกว่าผู้โดยสารคนอื่นๆจะขึ้นมาให้เต็ม
ซึ่งจะใช้เวลาไม่นานอยู่แล้ว
อากาศ ณ ตอนนั้นก็ไม่ได้หนาวมาก แต่ลมนี่สิครับ ค่อนข้างแรงและหนาวกว่ากรุงเทพฯที่จากมาทีเดียว นั่งรถประมาณ 20 นาทีก็มาถึงแล้วครับ ประตูท่าแพ เราไม่รีรอครับ รีบเช็คอินดีกว่า โรงแรมลานนาเฮ้าส์ก็อยู่ซอยตรงข้ามกับประตูท่าแพเลยครับ
บรรยากาศข้างๆโรงแรมก็เป็นบาร์ครับ ซึ่งตอนกลางคืนก็ค่อนข้างเสียงดังใช่ได้...
เมื่อเช็คอินเรียบร้อย เวลาต่อมาคือ เดินเที่ยวครับ ! หิววว !
ถนนคนเดินประตูท่าแพรอเราอยู่ไม่ไกล....
ไข่ป่าม... เค้าบอกว่ามันคือไข่ที่ผสมตัวอ่อนของผึ้ง รสชาติมันคล้ายๆกับกินไข่มดแดงแต่ได้กลิ่นของน้ำผึ้งเบาๆ
เดินไปๆมาๆ พอหิวผมก็ฟาดขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ไปชามหนึ่ง ซาวบาทอีกทีแล้วครับ !
เดินไปๆมาๆ ก็ดึกพอสมควรแล้วครับ กลับโรงแรมดีกว่าาา พรุ่งนี้มีแผนการไว้จะขึ้นดอยซักหน่อย...
19 มกราคม :
เวลาเช้า ผมก็ตื่นขึ้นมารับอากาศในยามเช้า และอากาศบริสุทธิ์... แต่ฝันไปเหอะ ตื่นมารถราก็วิ่งกันเต็มไปหมดแล้วครับ -o-!
ทางโรงแรมที่ผมพักไม่ได้มีอาหารเช้าให้นะครับ นั่นหมายความว่าเราต้องหากันกินเอง ซึ่งคงหนีไม่พ้นแมค...
หลังจากที่กินแมคเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาถ่ายรูปตรงประตูท่าแพไว้เป็นที่ระลึกบ้าง...
พอถ่ายรูปเสร็จสรรพ ขั้นตอนต่อไปคือ โบกรถแดงเพื่อไปขึ้นดอยสุเทพ ดอยปุย...
**บอกคนขับรถแดงว่าไปหน้ามอชอหรือถ้าให้แน่ๆคือไปลงหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่เลย เพราะตรงนั้นมีคิวรถแดงที่จะพาขึ้นดอยสุเทพเยอะมากก
บางทีก็มีจะเพจแกจที่อาจจะคุ้มค่าด้วย เช่น ไปดอยปุย พระราชตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ และดอยสุเทพจะราคาแค่ 180 บาท แต่ผมนี่ไม่ได้ไปแบบเพจแกจน่ะ ไปเป็นที่ๆดีกว่า อิสระทางเวลาดีกว่าครับ
นี่คือคิวรถแดงหน้าสวนสัตว์เชียงใหม่นะครับ ถ้าไม่อยากเหมารถก็ต้องรอให้คนเต็มแบบนี้แหละครับ รอไม่นานหรอกครับ ยิ่งช่วงไฮท์ซีซั่นแบบนี้ ประมาณ 20 นาทีเห็นจะได้
ระหว่างทางขึ้นดอยสุเทพ ... ตอนแรกคิดว่าจะเช่ามอเตอร์ไซต์แล้วขับกันขึ้นมาเอง แต่ก็กลัวว่าทางมันจะชัน แต่เอาเข้าจริงๆทางค่อนข้างสบายมาก ถ้าขัยรถชำนาญนะ
เพื่อนร่วมทางครับ มีหลายชาติเลยครับ ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งหัวทอง คนไทย ชาวเขา...
แนะนำนะครับ ถ้านั่งรถแดง อย่าพยายามนั่งริมทางออก เพราะจะเมาควันเอาได้
นั่งรถมาไม่นานก็ถึงแล้วครับ จุดหมายแรกของผม ...พระธาตุดอยสุเทพ... มาที่นี่กี่ครั้ง ผมก็ต้องมาสักการะให้ได้
การขึ้นพระธาตุมีสองทางเลือกครั้ง จะเดินขึ้นบันไดพญานาคหรือจะขึ้นลิฟต์ แข็งแรงแบบผมก็แน่นอนครับ.... ลิฟต์แน่ๆ - -'!!
ค่าบริการขึ้นและลงคือ ซาวบาทครับ แต่ผมกะว่าจะเดินลง
พระธาตุดอยสุเทพในมุมบังคับ...
จากความวุ่นวายของคนอื่นๆที่แย่งกันถ่ายรูป แต่คุณพี่ท่านนี้ยังสงบได้... ผมชอบรูปนี้มากก
ขาลงครับ ไปพระธาตุดอยสุเทพทุกที มักจะคิดว่าบันไดมันสูงทุกที่ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว สบายๆมากกกก
อากาศบนดอยสุเทพไม่หนาวครับ สบายๆสามารถถอดเสื้อแจ็คแก็ทออกได้ ผมใช้เวลาอยู่ที่พระธาตุไม่นาน จุดมุ่งหมายต่อไปคือดอยปุยครับ
อย่างที่บอกว่าผมไม่ได้มาแบบแพกเกจ ก็ต้องหารถแดงอีกรอบครับ แต่ไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะรถแดงมีเยอะมากบนดอยสุเทพ ค่าโดยสารจากดอยสุเทพไปดอยปุย รอบละ 60 บาท ไปกลับก็ 120 ต่อคน ราคานี้เท่ากันหมดทุกคันนะครับ
เส้นทางจากดอยสุเทพขึ้นดอยปุยนี่ค่อนข้างลำบากครับ ทางแคบ รถส่วนทางกันลำบากมาก ผมก็เลยไม่ได้ถ่ายรูป ยอมรับครับว่าเมารถ เฮือก!
แต่พอถึงแล้วก็คุ้มครับ สวยดี อากาศหนาวกกว่าดอยสุเทพ คนไม่เยอะ ดอกไม้บานสวยมากก แต่ก็ต้องมีเสียค่าเข้าบ้างไรบ้าง คนละ 10 บาท
บัตรค่าเข้านะครับ รู้สึกว่าต้องจ่ายสองรอบด้วย...
ผิวยังไม่ดำครับ ขออาบแดดท่ามกลางหมู่แมกไม้แปป...
ถ้าไปดอยปุย คุณจะแยกไม่ออกว่า คนไหนคือชาวเขา คนไหนคือชาวบ้านแล้วไปใส่ชุดชาวเขา เอิ่มม ผมเห็นเค้าใส่กันเต็มไปหมด
นี่แหละครับคือไฮท์ไลท์ของดอยปุยยย รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงซากุระ ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ดอกพญาเสือโคร่งเนี้ย จริงๆมันคือดอกพญาเสือโคร่งหรือดอกซากุระ หรือมันคืออันเดียวกัน หรือคนไทยแค่เอามาเปรียบ งงชริงๆ -o-
เอาแค่น้ำจิ้มๆแล้วกันนะครับ สำหรับดอยปุย ขากลับก็เรียกรถเหมือนเดิมครับ เค้าจะมาจอดส่งเราที่จะดอยสุเทพ แ
และเป็นหน้าที่เราอีกแล้วที่ต้องหารถเพื่อลงไปในตัวเมือง จริงๆแล้วรถทุกคันเค้าจะพาเราไปส่งในเมืองจริงๆ แต่ผมเลือกที่จะลงหน้ามอชอครับ เพราะนัดเพื่อนเอาไว้ให้เพื่อนพากินข้าว ซึ่งตอนนั้นหิวมากก บนดอนสุเทพของก็แพง ราคาขนลงดอยสุเทพก็คนละ 80 ครับ ถ้าเป็นแพกเกจคุ้มกว่าจริงๆครับ อ้าวว!
ระหว่างนั่งรถลงมานี่ รู้สึกว่ารถมันช้ามากก ทั้งๆที่ความเร็วเท่าเดิม รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ต้องพึ่งยาดมตลอดเวลาเลย จริงๆไปเที่ยวแบบนี้ยาสามัญประจำบ้านควรเอาไปด้วยนะครับ รถใช้เวลาประมาณ ซาวนาที - -' ก็ลงมาถึงหน้ามอชอ ระหว่างที่รอเพื่อนผมก็ไปเดินเล่นงานหนังสือและหาของกินที่งานรับปริญญาไปพลางๆ ไม่นานเพื่อนก็พาผมมากินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่ย่านนิมมาน ใกล้กับร้าน iberry ของโน้ต อุดมอะครับ
รสชาติก็อร่อยดี แต่แพงไปหน่อยสำหรับ backpacker อย่างเรา รูปร่างหน้าตามันคล้ายๆกับก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๋วยังไงไม่รู้
สำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ก่อนนะครับ เพราะหลังจากนี้คือเรื่องสัปเพเหระมากๆ ฮ่า ๆ
เดี๋ยวจะมาต่อนะครับ