เมืองไทยควรบรรจุหลักสูตรการช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้นไว้ในการเรียนเพื่อสอบใบขับขี่ด้วยนะคะ เผื่อกรณีช่วยชีวิตแบบฉุกเฉิน

เราคิดว่ามันจำเป็นมากนะ ควรช่วยกันรณรงค์ในเรื่องนี้ เพื่อนๆคิดเห็นว่ายังไง เกริ่นก่อน เรามาอยู่แถบยุโรปหลายปี ใบขับขี่ กว่าจะได้ยากเย็นมาก ทฤษฎีเรียนเดือนกว่าเกือบสองเดือน แล้วไปสอบ ข้อสอบ2500 ข้อ ต้องท่องแล้วเรียนรู้ทำความเข้าใจให้ได้ทุกข้อ แล้วเขาจะสุ่มออกมาไม่ถึงร้อยข้อ ต้องได้80%ขึ้นไป  บางคนเรียนเป็นปีๆ ถ้าสอบตก มีโอกาสแก้ตัวได้อีกสองครั้ง ถ้าครั้งที่สองยังตกอีก ครั้งที่สามต้องไปหาหมอจิตวิทยาเพื่อตรวจหาความผิดปกติ ก่อนมาสอบ ส่วนเรียนขับนี่ก็ต้องแม่นต้องเป๊ะ ผิดนิดเดียวคือปัดตก คือเคร่งมาก ค่าเรียนเกือบแสน และต้องจ่ายทุกคนด้วยนะ ถ้ามาเริ่มเรียนที่นี่ แต่เรายอมรับเลยว่าบ้านเขามีระเบียบวินัยในการใช้รถใช้ถนนมาก กฎกติกามารยาททุกอย่างคือพวกนี้เป๊ะ กม.แรงและคนเขาก็มีจิตสำนึกต่อการใช้ถนนร่วมกันด้วย ไฟแดงต้องหยุด ถึงไม่มีรถรอบตัวสักคันก็ตาม ทางม้าลายนี่หยุดตลอด คือหายห่วงเวลาข้าม  ดื่มแอลฯค่าปรับหลายพันยูโร โดนยึดใบขับขี่3เดือน รถต้องตรวจสภาพทุกปีถ้าไม่ตรวจแล้วไม่มีใบรับรองโดยจับปรับอีก ฯลฯ เราคิดว่าการที่เขาเข้มงวดเรื่องนี้มันทำให้อุบัติเหตุบ้านเขามีน้อยกว่าบ้านเราเยอะ เริ่มต้นตั้งแต่หลักสูตรการเรียนในรร.ประถมเลยในการปลูกฝังเด็ก จนพอมาสอบใบขับขี่ก็เคร่งครัดมาก
         พูดมาเสียยาว เข้าเรื่องที่ว่าการช่วยฉุกเฉินหรือการช่วยชีวิตเบื้องต้น เช่นการปั๊มหัวใจ การเป่าปาก รวมถึงการเคลื่อนย้ายเบื้องต้นแบบง่ายๆเราว่าสำคัญและจำเป็นมากบนท้องถนน บ้านเราน่าจะบรรจุเป็นหลักสูตรร่วมกับการเรียนเพื่อสอบใบขับขี่ ใช้เวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันก็คือการอบรมนั่นแหละค่ะ แต่มีประโยชน์ต่อการช่วยชีวิตผู้อื่นอย่างมหาศาล หรือที่เรียกว่านาทีชีวิตนั่นแหละ คิดว่าหลายๆคนอาจยังไม่ทราบวิธีที่ถูกต้องหรือวิธีการช่วยชีวิตฉุกเฉิน ซึ่งการบรรจุหลักสูตรนี้ลงไปด้วยเราว่าน่าจะเป็นวิธีที่ดีมากๆถ้ามีการสอนโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ งบฯส่วนหนึ่งภาษีที่ปชช.เสียไป เอามาจ่ายบุคลากรตรงนี้บ้างน่าจะเป็นเรื่องดีนะคะ อันนี้คือความเห็นส่วนตัวของเราเฉยๆนะคะ เชื่อว่าเพื่อนๆทุกคนและคนที่มีลูกหลานเหมือนกันคงอยากขับขี่บนท้องถนนแบบปลอดภัย สบายใจ มีคนที่ทำผิดกม.ผิดมารยาทบนท้องถนนน้อยที่สุด