ตามที่ บริษัทบิสซิเนสแอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศแบบประจำมีกำหนดระหว่างประเทศและแบบไม่ประจำ ตามใบอนุญาตที่12/2557 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2557 มีกำหนด 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2557 ถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 โดยบริษัทฯ มีอากาศยานที่ใช้ในบริการจำนวน ๓ ลำ ซึ่งทั้ง ๓ ลำมีหนี้ค่าเช่าค้างจึงมีเงื่อนไขประกอบใบอนุญาตฯ ข้อ 11 กำหนดว่า “ผู้รับอนุญาตต้องรายงานข้อมูลตามความเป็นจริงเกี่ยวกับผลการ ประกอบกิจการ งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด (CASH FLOW) และเอกสารข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ การดำเนินการและการชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ ไปยังกรมการบินพลเรือน ทุก 3 เดือน เพื่อตรวจสอบว่าผู้รับอนุญาตได้ดำเนินการโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น หรือสามารถชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ได้” และต้องดำเนินการชำระหนี้คงค้างที่มีอยู่กับ Hong Kong Civil Aviation Department ให้เสร็จสิ้นตามกำหนด
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว กรมการบินพลเรือนตรวจพบว่าอากาศยาน ๒ ลำของบริษัทฯ ถึงกำหนดต้องทำการตรวจสอบขั้น C-Check แต่บริษัทฯ ไม่ได้ดำเนินการซ่อมบำรุงตามแผนการบำรุงรักษาที่ได้รับอนุมัติ บริษัทฯ จึงไม่สามารถนำอากาศยานทั้ง ๒ ลำทำการบินได้ จึงคงเหลืออากาศยานที่ให้บริการเพียง 1 ลำ
นอกจากนั้น กรมการบินพลเรือนได้ตรวจสอบสถานะการเงิน โดยพิจารณาจากงบดุล งบแสดงฐานะทางการเงิน งบกระแสเงินสด ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งรายงานการชำระหนี้คงค้างให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปรากฏว่า บริษัทฯ มีปัญหาในการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนที่จะนำมาใช้เสริมสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจรวมทั้งมีความสามารถสร้างกระแสเงินสดเพื่อนำมาชำระหนี้ที่มีอยู่ได้ค่อนข้างต่ำ มีการชำระหนี้ ให้กับเจ้าหนี้เพียงบางส่วน และมีภาระหนี้สินคงค้างอยู่เป็นจำนวนมาก กรมการบินพลเรือนจึงได้เชิญบริษัทฯ มาประชุมหารือร่วมกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 โดยที่ประชุมมีมติว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้โดยสารที่ซื้อบัตรโดยสารแล้ว กรมการบินพลเรือนได้ผ่อนผัน การอนุญาตให้บริษัทฯ ทำการบินประจำเส้นทาง กรุงเทพฯ – อินชอน ไปและกลับ ในช่วงระหว่างวันที่ 5 - 10 ธันวาคม 2557 และตั้งแต่วันที่ 11 - 31 ธันวาคม 2557 ต่อไปได้ โดยบริษัทฯ ต้องจัดทำแผนสำรองหากเกิดกรณีอากาศยานขัดข้องไม่สามารถให้บริการได้ รวมทั้งต้องชำระค่าบริการควบคุมจราจรทางอากาศให้บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในเบื้องต้นจำนวนร้อยละ 33 ของหนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 และต้องชำระค่าบริการควบคุมการจราจรทางอากาศเป็นเงินสด รายเที่ยว คิดเป็นเงินประมาณ 100,000 บาทต่อเที่ยว (ไปและกลับ)
ต่อมาในวันที่ 26 ธันวาคม 2557 บริษัทฯ ได้เข้าหารือเพื่อขอผ่อนผันในการทำการบินให้บริการต่อไปอีก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป โดยได้มีหนังสือลงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ขออนุญาตนำอากาศยานทำการบินตามเส้นทาง กรุงเทพฯ – อินชอน ไปและกลับ ต่อไปอีก โดยยืนยันว่าจะชำระค่าบริการควบคุมจราจรทางอากาศให้บริษัทฯ เป็นเงินสดจำนวน 17 ,366,188 บาท ภายในวันที่ 15 มกราคม 2558 หากบริษัทฯ ไม่ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่กำหนด
บริษัทฯ ยินยอมให้ทางราชการดำเนินเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศต่อไป ซึ่งกรมการบินพลเรือนได้พิจารณาผ่อนผันอนุญาตเป็นครั้งสุดท้าย ให้บริษัทฯ นำอากาศยานทำการบินต่อไปอีก ตั้งแต่วันที่ 1 – 15 มกราคม 2558 โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทฯ ต้องชำระค่าบริการควบคุมการจราจรทางอากาศให้กับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นเงินสดจำนวน 17,366,188.80 บาท (สิบเจ็ดล้านสามแสนหกหมื่นหกพันหนึ่งร้อยแปดสิบแปดบาทแปดสิบสตางค์)แต่บริษัทฯ มิได้ดำเนินการตามที่ได้ตกลง
กรมการบินพลเรือนได้ตรวจสอบแล้ว บริษัทฯ ได้ยกเลิกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปอินชอน โดยบริษัททัวร์ได้ซื้อบัตรโดยสารของสายการบินอื่นให้กับผู้โดยสารแล้ว คงมีผู้โดยสารตกค้างที่อินชอนประมาณ ๗๕๐ คน ซึ่งบริษัททัวร์ได้ซื้อบัตรโดยสารเที่ยวบินประจำให้แล้วประมาณ ๓๐๐ คน คงเหลือผู้โดยสารที่จะต้องดำเนินการให้เดินทางกลับมายังไทยอีกประมาณ ๔๕๐ คน ได้ ทั้งนี้ กรมการบินพลเรือนได้ประสานกับทางบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้รับผู้โดยสารกลับ เมื่อได้รับการประสานจากบริษัทฯ
ทางด้าน สายการบิน บิสซิเนส แอร์ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กของบริษัทฯ ดังนี้
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับ สายการบิน บิสซิเนส แอร์ เที่ยวบิน 8B868 ที่มีกำหนดตารางการบินในวันที่ 16 มกราคม 2558 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 00.10 น. ปลายทางสนามบินอินชอน กรุงโซล และไม่สามารถทำการบิน เพื่อให้บริการกับผู้โดยสารได้นั้น บริษัท บิสซิเนส แอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการในเที่ยวบินดังกล่าว ขอเรียนชี้แจงกับผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชน ให้ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ดังนี้
• บริษัทฯ มีความพร้อมในการทำการบินในทุกด้าน ทั้งตัวเครื่องบิน ลูกเรือ เจ้าหน้าที่ให้บริการภาคพื้นดิน ตามมาตรฐานการบินสากล สำหรับเที่ยวบินดังกล่าว
• กรมการบินพลเรือน เป็นผู้ดำเนินการระงับ/ขัดขวาง การทำการบินในเที่ยวบินดังกล่าว ผ่านการปฏิบัติการของบริษัท วิทยุการบิน จำกัด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยอ้างเหตุจากการที่บริษัทฯ มีหนี้สินค้างชำระอยู่กับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด โดยกรมการบินพลเรือนได้มีหนังสือ 2 ฉบับ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ) โดยมีเนื้อหาสรุปให้บริษัทฯ ชำระหนี้สินค่าบริการให้กับบริษัท วิทยุ หากบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ เพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ และพักใช้ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศของบริษัทฯ
• กรณีของหนี้สินค้างชำระของบริษัทฯ ที่มีกับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด นั้น ขณะนี้ยังคงเป็นประเด็นข้อพิพาทกันอยู่ในชั้นศาล เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับอัตราค่าบริการและยอดมูลหนี้ ซึ่งหากบริษัทฯ เสียค่าบริการในอัตราสมาชิก บริษัทฯ จะไม่มีหนี้สินคงค้างกับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด ในทางตรงกันข้าม บริษัท วิทยุการบิน จำกัด จะต้องชำระคืนค่าบริการให้กับบริษัทฯ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปี บริษัทฯ ชำระค่าบริการในอัตรา 100% ขณะที่อัตราค่าบริการสำหรับสมาชิกอยู่ที่ 30% ดังนั้น กรมการบินพลเรือนจึงไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการนำกฎเกณฑ์การบิน โดยการระงับการบินมาใช้ปฏิบัติกับบริษัทฯ
• บริษัทได้เข้าชี้แจงด้วยวาจา และมีหนังสือ 2 ฉบับ ถึงกรมการบินพลเรือน เพื่ออธิบายการที่บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมการบินพลเรือนได้ และได้ขอผ่อนผันเงื่อนไข ตลอดจนขออนุญาตทำการบินตามปกติเป็นการชั่วคราว โดยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบและเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและความเสียหายให้แก่ผู้เกี่ยวข้องที่ได้มีการชำระเงินค่าโดยสารและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ล่วงหน้า เช่น ผู้โดยสาร, เอเยนซี่จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน, บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ ซึ่งปรากฏว่ากรมการบินพลเรือนเพิกเฉยกับการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทฯ
• บริษัทฯ พยายามดำเนินการทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถ โดยในวันที่ 13 มกราคม 2558 บริษัทฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ศาลปกครองกลางมีคำสั่งนัดไต่สวนในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2558 ในขณะที่เงื่อนไขของกรมการบินพลเรือนจะมีผลในวันที่ 15 มกราคม 2558 ซึ่งโดยมารยาทแล้ว หน่วยงานราชการดังกล่าวควรต้องรอก่อน
กรมการบินพลเรือนดำเนินการโดยขาดแผนการรองรับใดๆ ในเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่ากรมฯ กระทำการโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบใดๆ ที่จะเกิดเป็นวงกว้าง และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ตลอดจนชื่อเสียงของประเทศในด้านธุรกิจการบิน ซึ่งขัดต่อหลักการสำคัญของหน่วยงานรัฐ ที่มีหน้าที่ในการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องผลประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศ
บริษัท บิสซิเนส แอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการสายการบินแบบเช่าเหมาลำ โดยทำการบินเที่ยวบินแรกในเดือนธันวาคม 2552 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้บริการการบินตามมาตรฐานการบินสากล และถือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การบินมาโดยตลอด และบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้โดยสารสายการบิน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ และบริษัทฯ ได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างสุดความสามารถแล้ว ซึ่งบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นกรณีตัวอย่าง ที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ตระหนัก และร่วมมือเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับวงการการบินของไทยอีกต่อไป
บริษัทฯ จึงขอใช้โอกาสนี้ เรียนมาเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเป็นธรรม
สุดท้ายนี้ บริษัทฯ ต้องกราบขออภัยผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างสูง และบริษัทฯ ขอให้คำมั่นว่าจะยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานต่อไป
ที่มา
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421411323
กรมการบินพลเรือนสั่งห้ามสายการบิน"บิสซิเนส แอร์"ทำการบิน อ้างหนี้ค้างอื้อ บริษัทโร่แจงผ่านเฟซบุ๊ก
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว กรมการบินพลเรือนตรวจพบว่าอากาศยาน ๒ ลำของบริษัทฯ ถึงกำหนดต้องทำการตรวจสอบขั้น C-Check แต่บริษัทฯ ไม่ได้ดำเนินการซ่อมบำรุงตามแผนการบำรุงรักษาที่ได้รับอนุมัติ บริษัทฯ จึงไม่สามารถนำอากาศยานทั้ง ๒ ลำทำการบินได้ จึงคงเหลืออากาศยานที่ให้บริการเพียง 1 ลำ
นอกจากนั้น กรมการบินพลเรือนได้ตรวจสอบสถานะการเงิน โดยพิจารณาจากงบดุล งบแสดงฐานะทางการเงิน งบกระแสเงินสด ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุญาต รวมทั้งรายงานการชำระหนี้คงค้างให้กับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยปรากฏว่า บริษัทฯ มีปัญหาในการจัดหาเงินทุนหมุนเวียนที่จะนำมาใช้เสริมสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจรวมทั้งมีความสามารถสร้างกระแสเงินสดเพื่อนำมาชำระหนี้ที่มีอยู่ได้ค่อนข้างต่ำ มีการชำระหนี้ ให้กับเจ้าหนี้เพียงบางส่วน และมีภาระหนี้สินคงค้างอยู่เป็นจำนวนมาก กรมการบินพลเรือนจึงได้เชิญบริษัทฯ มาประชุมหารือร่วมกับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 โดยที่ประชุมมีมติว่า เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้โดยสารที่ซื้อบัตรโดยสารแล้ว กรมการบินพลเรือนได้ผ่อนผัน การอนุญาตให้บริษัทฯ ทำการบินประจำเส้นทาง กรุงเทพฯ – อินชอน ไปและกลับ ในช่วงระหว่างวันที่ 5 - 10 ธันวาคม 2557 และตั้งแต่วันที่ 11 - 31 ธันวาคม 2557 ต่อไปได้ โดยบริษัทฯ ต้องจัดทำแผนสำรองหากเกิดกรณีอากาศยานขัดข้องไม่สามารถให้บริการได้ รวมทั้งต้องชำระค่าบริการควบคุมจราจรทางอากาศให้บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ในเบื้องต้นจำนวนร้อยละ 33 ของหนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 และต้องชำระค่าบริการควบคุมการจราจรทางอากาศเป็นเงินสด รายเที่ยว คิดเป็นเงินประมาณ 100,000 บาทต่อเที่ยว (ไปและกลับ)
ต่อมาในวันที่ 26 ธันวาคม 2557 บริษัทฯ ได้เข้าหารือเพื่อขอผ่อนผันในการทำการบินให้บริการต่อไปอีก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป โดยได้มีหนังสือลงวันที่ 31 ธันวาคม 2557 ขออนุญาตนำอากาศยานทำการบินตามเส้นทาง กรุงเทพฯ – อินชอน ไปและกลับ ต่อไปอีก โดยยืนยันว่าจะชำระค่าบริการควบคุมจราจรทางอากาศให้บริษัทฯ เป็นเงินสดจำนวน 17 ,366,188 บาท ภายในวันที่ 15 มกราคม 2558 หากบริษัทฯ ไม่ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่กำหนด
บริษัทฯ ยินยอมให้ทางราชการดำเนินเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศต่อไป ซึ่งกรมการบินพลเรือนได้พิจารณาผ่อนผันอนุญาตเป็นครั้งสุดท้าย ให้บริษัทฯ นำอากาศยานทำการบินต่อไปอีก ตั้งแต่วันที่ 1 – 15 มกราคม 2558 โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทฯ ต้องชำระค่าบริการควบคุมการจราจรทางอากาศให้กับบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด เป็นเงินสดจำนวน 17,366,188.80 บาท (สิบเจ็ดล้านสามแสนหกหมื่นหกพันหนึ่งร้อยแปดสิบแปดบาทแปดสิบสตางค์)แต่บริษัทฯ มิได้ดำเนินการตามที่ได้ตกลง
กรมการบินพลเรือนได้ตรวจสอบแล้ว บริษัทฯ ได้ยกเลิกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปอินชอน โดยบริษัททัวร์ได้ซื้อบัตรโดยสารของสายการบินอื่นให้กับผู้โดยสารแล้ว คงมีผู้โดยสารตกค้างที่อินชอนประมาณ ๗๕๐ คน ซึ่งบริษัททัวร์ได้ซื้อบัตรโดยสารเที่ยวบินประจำให้แล้วประมาณ ๓๐๐ คน คงเหลือผู้โดยสารที่จะต้องดำเนินการให้เดินทางกลับมายังไทยอีกประมาณ ๔๕๐ คน ได้ ทั้งนี้ กรมการบินพลเรือนได้ประสานกับทางบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ให้รับผู้โดยสารกลับ เมื่อได้รับการประสานจากบริษัทฯ
ทางด้าน สายการบิน บิสซิเนส แอร์ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางเฟซบุ๊กของบริษัทฯ ดังนี้
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเกี่ยวกับ สายการบิน บิสซิเนส แอร์ เที่ยวบิน 8B868 ที่มีกำหนดตารางการบินในวันที่ 16 มกราคม 2558 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 00.10 น. ปลายทางสนามบินอินชอน กรุงโซล และไม่สามารถทำการบิน เพื่อให้บริการกับผู้โดยสารได้นั้น บริษัท บิสซิเนส แอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการในเที่ยวบินดังกล่าว ขอเรียนชี้แจงกับผู้เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชน ให้ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ดังนี้
• บริษัทฯ มีความพร้อมในการทำการบินในทุกด้าน ทั้งตัวเครื่องบิน ลูกเรือ เจ้าหน้าที่ให้บริการภาคพื้นดิน ตามมาตรฐานการบินสากล สำหรับเที่ยวบินดังกล่าว
• กรมการบินพลเรือน เป็นผู้ดำเนินการระงับ/ขัดขวาง การทำการบินในเที่ยวบินดังกล่าว ผ่านการปฏิบัติการของบริษัท วิทยุการบิน จำกัด ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด โดยอ้างเหตุจากการที่บริษัทฯ มีหนี้สินค้างชำระอยู่กับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด โดยกรมการบินพลเรือนได้มีหนังสือ 2 ฉบับ (รายละเอียดตามเอกสารแนบ) โดยมีเนื้อหาสรุปให้บริษัทฯ ชำระหนี้สินค่าบริการให้กับบริษัท วิทยุ หากบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการได้ เพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ และพักใช้ใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศของบริษัทฯ
• กรณีของหนี้สินค้างชำระของบริษัทฯ ที่มีกับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด นั้น ขณะนี้ยังคงเป็นประเด็นข้อพิพาทกันอยู่ในชั้นศาล เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นที่ไม่ตรงกันเกี่ยวกับอัตราค่าบริการและยอดมูลหนี้ ซึ่งหากบริษัทฯ เสียค่าบริการในอัตราสมาชิก บริษัทฯ จะไม่มีหนี้สินคงค้างกับบริษัท วิทยุการบิน จำกัด ในทางตรงกันข้าม บริษัท วิทยุการบิน จำกัด จะต้องชำระคืนค่าบริการให้กับบริษัทฯ เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปี บริษัทฯ ชำระค่าบริการในอัตรา 100% ขณะที่อัตราค่าบริการสำหรับสมาชิกอยู่ที่ 30% ดังนั้น กรมการบินพลเรือนจึงไม่สามารถใช้เป็นข้ออ้างในการนำกฎเกณฑ์การบิน โดยการระงับการบินมาใช้ปฏิบัติกับบริษัทฯ
• บริษัทได้เข้าชี้แจงด้วยวาจา และมีหนังสือ 2 ฉบับ ถึงกรมการบินพลเรือน เพื่ออธิบายการที่บริษัทฯ ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมการบินพลเรือนได้ และได้ขอผ่อนผันเงื่อนไข ตลอดจนขออนุญาตทำการบินตามปกติเป็นการชั่วคราว โดยชี้ให้เห็นถึงผลกระทบและเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและความเสียหายให้แก่ผู้เกี่ยวข้องที่ได้มีการชำระเงินค่าโดยสารและค่าใช้จ่ายต่างๆ ไว้ล่วงหน้า เช่น ผู้โดยสาร, เอเยนซี่จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน, บริษัทนำเที่ยว ฯลฯ ซึ่งปรากฏว่ากรมการบินพลเรือนเพิกเฉยกับการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทฯ
• บริษัทฯ พยายามดำเนินการทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถ โดยในวันที่ 13 มกราคม 2558 บริษัทฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ศาลปกครองกลางมีคำสั่งนัดไต่สวนในวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2558 ในขณะที่เงื่อนไขของกรมการบินพลเรือนจะมีผลในวันที่ 15 มกราคม 2558 ซึ่งโดยมารยาทแล้ว หน่วยงานราชการดังกล่าวควรต้องรอก่อน
กรมการบินพลเรือนดำเนินการโดยขาดแผนการรองรับใดๆ ในเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่ากรมฯ กระทำการโดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบใดๆ ที่จะเกิดเป็นวงกว้าง และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น ตลอดจนชื่อเสียงของประเทศในด้านธุรกิจการบิน ซึ่งขัดต่อหลักการสำคัญของหน่วยงานรัฐ ที่มีหน้าที่ในการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องผลประโยชน์และชื่อเสียงของประเทศ
บริษัท บิสซิเนส แอร์ เซ็นเตอร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการสายการบินแบบเช่าเหมาลำ โดยทำการบินเที่ยวบินแรกในเดือนธันวาคม 2552 ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ ให้บริการการบินตามมาตรฐานการบินสากล และถือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การบินมาโดยตลอด และบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้โดยสารสายการบิน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ และบริษัทฯ ได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างสุดความสามารถแล้ว ซึ่งบริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นกรณีตัวอย่าง ที่จะทำให้ทุกฝ่ายได้ตระหนัก และร่วมมือเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับวงการการบินของไทยอีกต่อไป
บริษัทฯ จึงขอใช้โอกาสนี้ เรียนมาเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้โปรดพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเป็นธรรม
สุดท้ายนี้ บริษัทฯ ต้องกราบขออภัยผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างสูง และบริษัทฯ ขอให้คำมั่นว่าจะยังคงมุ่งมั่นที่จะให้บริการ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานต่อไป
ที่มา http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1421411323