การ์ตูน ให้ อะไรกับคุณบ้าง?

(ผมเป็นคนนึงที่มีความฝันในวัยเด็กว่าอยากจะเป็นนักเขียน บทความ แต่เนื่องด้วยผมไม่มีโอกาสและการเงินทางบ้านที่ดีพอที่จะส่งเสียผมจนจบ มหาลัย และออกมาทำงานอย่างที่ตัวเองรักได้ ผมจึงอยากเขียนบทความลงบน Website แห่งนี้เพื่อสนองความต้องการในวัยเด็กของผมนะครับ  ใครใคร่อ่านก็อ่าน ใครไม่ใคร่อ่านก็อ่านไปละกัน ถือว่าช่วยๆกันไป)




     เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมมีโอกาสได้ไปพบปะกับเพื่อนสาวๆสมัยเรียนกลุ่มหนึ่งโดยบังเอิญ ความทรงจำแรกที่ผมคิดขึ้นได้เกี่ยวกับเพื่อนบางคนในกลุ่มนี้คือ สมัยเรียน ม.ปลายผู้หญิงบางคนในกลุ่มนี้มักจะถามและถากถางผมว่า "ปัญญาอ่อน!!  เอาแต่อ่านการ์ตูนอยู่ได้ การ์ตูนมันให้อะไรกับยิ้มมั้งวะ?"  (จะว่าไปเพื่อนๆผู้หญิงของผมแต่ล่ะคนหน้าตาจัดอยู่ในข่าย นักรักน่ากระทืบ แทบทั้งสิ้นเลยนะครับ)

     ณ เวลานั้นอยากจะตอกกลับคำถามของพวกหล่อนไปว่า "หนักหัว...ยิ้มไง?!?"  แต่เกรงว่านั่นจะเป็นการกระทำที่อุกอาจเกินกว่าเด็กผู้หญิง ร้ายเดียงสา จะรับไหว ว่าแล้วผมจึงได้แต่นั่งเงียบๆ อ่านการ์ตูนต่อไป และในความจริงแล้ว ผมก็ไม่มีคำตอบของคำถามที่พวกหล่อนถามมาหรอกครับ จึงต้องทำตัวเป็น หมาหงอย ให้พวกเธอถามและถากถางอยู่เป็นประจำ

     แต่มาถึงวันนี้  ผมได้คำตอบแล้วล่ะครับว่า อะไรคือสิ่งที่ผมได้รับจากการอ่านการ์ตูน  ถ้าหากวันนี้พวกหล่อนกลับมาถามผมด้วยคำถามนี้อีกครั้ง นี่คือเหล่าคำตอบที่ผมจะตอบพวกหล่อนไป


          -ความบรรเทิง
     การ์ตูนถือเป็นหนึ่งในสื่อความบรรเทิงที่ในทุกวันนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ผมอ่านการ์ตูนด้วยภารกิจหลักคือ เพื่อ เสพติดความบรรเทิง นี่ล่ะครับ และเชื่อเหลือเกินว่า บ้านทุกๆหลัง ต้องมีคนดูการ์ตูน  เพราะทุกวันนี้ การ์ตูนถือเป็นสิ่งที่ให้ความบรรเทิงที่เป็นที่ยอมรับ และ นิยมของผู้คนมากกว่าสมัยก่อน เพราะที่เคยประสบณ์มากับตัวเองคือ เมื่อก่อนนั่งดูการ์ตูนอยู่ที่บ้าน แล้วก็มีคนเดินมาเปลี่ยนช่องแล้วพูดว่า "ดูอะไรปัญญาอ่อน" แต่เดี๋ยวนี้ ไม่มีเหตการณ์อย่างนั้นแล้วล่ะครับ (ที่บ้านผมนะ บ้านอื่นผมไม่รู้) หากแต่บ้านหลังไหนไม่มีคนดูการ์ตูนเลย แสดงว่าบ้านนั้น ไม่มี TV แล้วล่ะครับ


          -ข้อคิดสอนใจ
     ถ้าพูดกันตรงๆสำหรับตัวผมนี่ การ์ตูนบางเรื่องให้ข้อคิดสอนใจดีกว่า ละครหลังข่าว ของสยามประเทศ ซะอีก   ผมอ่านนารูโตะ และสิ่งที่ผมได้รับคือ ความตั้งใจและพยายาม เหมือนที่ตัวเอกของเรื่องเป็น และอีกอย่างคือ มันทำให้ผมรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของ อาจารย์ ผู้เป็นเหมือนผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง (ที่จริงได้ข้อคิดเยอะกว่านี้ แต่หยิบยกมา 2 ข้อ) ในทางกลับกัน ผมมานั่งดูละครหลังข่าว ซึ่งว่ากันจริงๆ ข้อคิดดีๆมันก็มีนะครับ  แต่สำหรับผม ข้อคิดเหล่านั้น มันถูก กลบซะมิดด้วยบทของ ตัวร้ายหรือนางอิจฉา ที่มันน่าหมั่นใส้ จนบางครั้ง ผมอยากจะเอา ส้นเท้าตัวเองยื่นไปใน TV และก็กระทืบหน้ามัน ก่อนจะ สำรอกใส่ด้วยความโมโหว่า "ทำห่าอะไรของยิ้มวะ อิ Here!!!!!!"  (อันนี้ผมหมายถึงละครบางเรื่องเท่านั้นนะครับ ไม่ได้เหมารวมว่า ละครทุกเรื่องจะต้องเป็นแบบนี้หมด)


          -มันไม่หนักจนเกินไป
     หากเอาเนื้อเรื่อง หนักๆ ตึงๆ มาสร้างระหว่าง การ์ตูน กับ หนัง คุณจะเลือกดูอะไร หลายๆตนอาจจะตอบไปคนละแบบตามความเคยชินของสื่อที่เคยเสพ  แต่ผมจะเลือกเป็นการ์ตูนแล้วกันครับ เพราะผมคิดว่า การ์ตูน มันไม่หนักจนเกินไป เพราะทุกวันนี้ บนดวงดาวที่เรียกว่า โลกแห่งนี้ สำหรับผม มันหนักและตึง มามากพอแล้วล่ะ  กลับบ้านมา ผมจึงอยากเสพอะไรที่มันไม่หนักจนเกินไป หากแต่กลับบ้านมาแล้วยังต้องมาเจออะไรหนักๆ  มันคงเปรียบเสมือนผมกำลังแบก ควาย ทั้งตัวไว้บนหลังแล้วล่ะครับ


          -การ์ตูนให้ความผูกพันธ์
     นารูโตะ เป็นการ์ตูนเรื่องเดียว ที่ผมได้อ่านเองตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนอวสาน  เมื่อตอนที่ผมอ่านตอน อวสาน ของเรื่อง นารูโตะ บอกตรงๆจากใจจริงเลยว่า  ใจหาย มาก ตอนนั้นเองผมจึงคิดว่า นารูโตะเปรียบเสมือน เพื่อน คนนึงที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เด็กเลยครับ เคยมั๊ยครับ? ที่พอรู้ตัวว่า ติดสิ่งนั้นเอามากๆ แล้วมานั่งนึกย้อนกลับไปคิดดู สิ่งที่เราได้รับจากสิ่งๆนั้น มันมีแต่เรื่องดีๆแทบทั้งสิ้น ผมเองก็ไม่เคยคิด ว่า การ์ตูน จะมีอิทธิพล ต่อผมมากมายขนาดนี้ ถึงทุกวันนี้ การ์ตูนเรื่องนี้จะจบไปแล้วแต่สิ่งที่อยู่ในใจผใตลอดคือ "เพื่อน....กรูรักยิ้มว่ะ"


     เด็กๆยุคนี้โชคดีมากนะครับ ที่สื่อสมัยนี้มันสะดวกกว่าสมัยก่อนมาก ส่วนตัวผมเองก็โชคดีที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุสื่อ เช่นนี้

     ไม่ว่าเรื่องอะไรที่คุณสนใจหรือติดตาม ไม่ว่าใครจะพูดว่าอย่างไรก็ตาม แต่จงจำไว้เถอะครับว่าในสิ่งๆนั้น มันย่อมมีข้อดีให้คุณคิดตามและมีข้อเสียให้คุณเรียนรู้อยู่เสมอ

     ย้อนกลับไปยังสมัยเรียน ที่เหล่าสาวๆผู้น่ารักน่ากระทืบกลุ่มนั้นถามผมอีกครั้งนะครับว่า  "ปัญญาอ่อน!!  เอาแต่อ่านการ์ตูนอยู่ได้ การ์ตูนมันให้อะไรกับยิ้มมั้งวะ?"     พอลองนึกๆดูแล้ว พวกหล่อนสมัยนั้นก็มัวแต่ สนอกสนใจ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงแต่เรื่อง เด็กผู้ชาย ที่ยกพวกตีกัน ยิงกัน และ หมกหมุ่นแต่กับเรื่องใต้สะดือ เป็นประจำ (ทำไมไม่รู้เหมือนกัน แต่สมัยผมเรียน ม.ปลาย ผู้ชายที่ติดเลวนิดๆ หรืออาจจะไม่นิด มักได้รับความนิยมในหมู่สาวๆ)

     ผมยังไม่เคยย้อนถามกลับไปเลยว่า "ปัญญาอ่อน!!! พวกคนแบบนั้นมันให้อะไรพวกยิ้มมั้งวะ?  นอกเสียจากการที่พวกยิ้มบางคน ถูก Yes ฟรีๆ"



ปล. บทความนี้ผมบอกข้อดีของการ์ตูนะครับ  แต่ที่เอาละครกับหนังมาเปรียบเทียบ เพราะจะได้เห็นภาพชัดมากขึ้น ผมไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่า การ์ตูนดีกว่าละครหรือหนังหรอกนะครับ  มันขึ้นอยู่กบัมุมมองของแต่ละคนด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่