เคยอ่านที่แชร์ๆกันในเฟสเรื่องเศรษฐีจีนส่งลูกชายไปใช้ชีวิตยังชนบท เรื่องราวจาก Link ด้านล่างเลยค่ะ
http://hilight.kapook.com/view/113283
สารภาพเลยค่ะ ไม่อินมากๆ เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ไม่อิน รู้สึกว่า ก็คนต่างจังหวัดอ่ะนะ คือเราก็คนต่างจังหวัดเหมือนกันแต่อยู่ในตัวอำเภอ อีกอย่างเด็กก็มองโลกสวยสไตล์เด็กๆ อ่านแล้วก็ผ่านเลยไป จนได้มาเจอกับตัวเลยค่ะ รู้เลยว่าตัวเอง จ๊น จน
ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้ในพันทิปเลย แต่เรื่องนี้อยากบอกต่อ อยากจุดประเด็นการศึกษา การเรียนรู้ให้สังคมผ่านมุมมองวัยรุ่นค่ะ ถ้ามีอะไรแนะนำก็คอมเม้นกันได้เลยค่ะ มาพูดคุยกัน
ช่วง ธ.ค. ที่ผ่านมา เราไปร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม คือกิจกรรมเปิดสถานี ปลูกคิด ปันสุขและสร้างฝายชะลอน้ำ กับ SCG ที่บ้านสาสบหก อ.แจ้ห่ม ที่ลำปางมาค่ะ มีทั้งเรื่องราวดีดีและประสบการณ์แปลกใหม่
ตอนนี้เราก็ยังเรียนอยู่แต่ใกล้จบป.ตรี แล้วค่ะ อยู่ในเทอมสุดท้าย ก็เที่ยวห้าง เฮฮา สังสรรค์ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป จนกระทั่งเพื่อนเรามันไปร่วมกิจกรรมในเพจSCG รักษ์น้ำ เพื่ออนาคต โดยที่เพื่อนเราดันได้รับคัดเลือกให้ไปร่วมกิจกรรม ประมาณว่า แค่ตอบว่าทำไมถึงอยากไปร่วมสร้างฝายกับSCG ประมาณนี้แหละ แล้วเจ้าเพื่อนตัวดีก็บังคับเราไปด้วยซะงั้น โน้มน้าวบอกว่า ถือว่าไปเที่ยวฟรีละกัน ตั้ง 4 วันเราเองเป็นคนต้นน้ำแท้ๆ (บ้านอยู่จ.น่าน) แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปทำเลย ซึ่งเราก็ไม่เคยได้ยินและไม่เคยคิดจะศึกษาเรื่องนี้ (จริงๆ ในห้องเรียนก็ไม่ค่อยมีวิชาอะไรสอนนะ) สุดท้าย..ไปก็ไป ตอนนั้นคิดแค่ว่า..ไปเที่ยวละกัน ลำปางเคยแต่นั่งรถผ่าน อย่างน้อยๆ เค้าก็มีพาเที่ยวพระธาตุลำปางหลวงด้วย

(เดินทางด้วยรถไฟจากบางซื่อค่ะ)
พอวันเดินทาง ไปลำปางด้วยรถไฟ ก็กังวลนิดนึง จะนอนหลับมั้ย คนที่ไปด้วยทริปนี้ตั้ง 30 คน บางคนยังคุยอย่างกะรู้จักกันมานานแล้วเลย เราก็ยังไม่กล้ามากค่ะ คุยแต่กับเพื่อนที่มาด้วยกัน คุยจนง่วงหลับไปเองตอนไหนไม่รู้
ไปถึงที่พักของเราคือบ้านพักโฮมสเตย์ของพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย นี่ก็ทำเราอึ้งไปอีก 3 วิ บ้านที่เราพักอยู่ที่บ้านแป้นพัฒนา หมู่ 8 ต.บ้านสา คือเป็นบ้านชาวบ้านจริงๆ เลย เค้าอยู่ยังไง เราไปอยู่อย่างเค้าเลย พอมาถึง ก็แยกย้ายไปตามบ้านหญิงชายค่ะ เราพักกับพี่ๆ อีก 3 คนค่ะก็ยังไม่กล้าคุยเท่าไหร่ เราเข้าไปอยู่ในบ้านของคนในชุมชนที่นี่แล้ว เค้าถือว่าเจ้าบ้านนั้นเปรียบเสมือนพ่อแม่ และเจ้าของบ้านก็ดูแลดีมาก เรียกเราว่าลูกตลอดเลย แถมบรรยากาศบ้านไม้ริมคลองติดเถียงนา มีกลิ่นหอมควันฟืนจางๆจากกองไฟที่กำลังมอด แรกๆ เราไม่ชินอย่างรุนแรง อยู่แต่บ้านตึกบ้านปูน นี่เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ เดินทีเสียงดังอ๊อดแอ๊ด กลัวไปทำไม้เค้าหัก 55 เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ (ภาพด้านล่าง บ้านโฮมสเตย์ กับภาพพี่ๆ ที่พักด้วยกันแล้วก็แม่อุ๊ยคนใส่หมวกสีฟ้าค่ะ)
[SR] รู้แล้วว่าเราจนขนาดไหน จากเรื่องนี้ เจอกับตัวเองเลย
http://hilight.kapook.com/view/113283
สารภาพเลยค่ะ ไม่อินมากๆ เป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ไม่อิน รู้สึกว่า ก็คนต่างจังหวัดอ่ะนะ คือเราก็คนต่างจังหวัดเหมือนกันแต่อยู่ในตัวอำเภอ อีกอย่างเด็กก็มองโลกสวยสไตล์เด็กๆ อ่านแล้วก็ผ่านเลยไป จนได้มาเจอกับตัวเลยค่ะ รู้เลยว่าตัวเอง จ๊น จน
ไม่เคยเขียนอะไรแบบนี้ในพันทิปเลย แต่เรื่องนี้อยากบอกต่อ อยากจุดประเด็นการศึกษา การเรียนรู้ให้สังคมผ่านมุมมองวัยรุ่นค่ะ ถ้ามีอะไรแนะนำก็คอมเม้นกันได้เลยค่ะ มาพูดคุยกัน
ช่วง ธ.ค. ที่ผ่านมา เราไปร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม คือกิจกรรมเปิดสถานี ปลูกคิด ปันสุขและสร้างฝายชะลอน้ำ กับ SCG ที่บ้านสาสบหก อ.แจ้ห่ม ที่ลำปางมาค่ะ มีทั้งเรื่องราวดีดีและประสบการณ์แปลกใหม่
ตอนนี้เราก็ยังเรียนอยู่แต่ใกล้จบป.ตรี แล้วค่ะ อยู่ในเทอมสุดท้าย ก็เที่ยวห้าง เฮฮา สังสรรค์ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป จนกระทั่งเพื่อนเรามันไปร่วมกิจกรรมในเพจSCG รักษ์น้ำ เพื่ออนาคต โดยที่เพื่อนเราดันได้รับคัดเลือกให้ไปร่วมกิจกรรม ประมาณว่า แค่ตอบว่าทำไมถึงอยากไปร่วมสร้างฝายกับSCG ประมาณนี้แหละ แล้วเจ้าเพื่อนตัวดีก็บังคับเราไปด้วยซะงั้น โน้มน้าวบอกว่า ถือว่าไปเที่ยวฟรีละกัน ตั้ง 4 วันเราเองเป็นคนต้นน้ำแท้ๆ (บ้านอยู่จ.น่าน) แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปทำเลย ซึ่งเราก็ไม่เคยได้ยินและไม่เคยคิดจะศึกษาเรื่องนี้ (จริงๆ ในห้องเรียนก็ไม่ค่อยมีวิชาอะไรสอนนะ) สุดท้าย..ไปก็ไป ตอนนั้นคิดแค่ว่า..ไปเที่ยวละกัน ลำปางเคยแต่นั่งรถผ่าน อย่างน้อยๆ เค้าก็มีพาเที่ยวพระธาตุลำปางหลวงด้วย
(เดินทางด้วยรถไฟจากบางซื่อค่ะ)
พอวันเดินทาง ไปลำปางด้วยรถไฟ ก็กังวลนิดนึง จะนอนหลับมั้ย คนที่ไปด้วยทริปนี้ตั้ง 30 คน บางคนยังคุยอย่างกะรู้จักกันมานานแล้วเลย เราก็ยังไม่กล้ามากค่ะ คุยแต่กับเพื่อนที่มาด้วยกัน คุยจนง่วงหลับไปเองตอนไหนไม่รู้
ไปถึงที่พักของเราคือบ้านพักโฮมสเตย์ของพ่ออุ๊ย แม่อุ๊ย นี่ก็ทำเราอึ้งไปอีก 3 วิ บ้านที่เราพักอยู่ที่บ้านแป้นพัฒนา หมู่ 8 ต.บ้านสา คือเป็นบ้านชาวบ้านจริงๆ เลย เค้าอยู่ยังไง เราไปอยู่อย่างเค้าเลย พอมาถึง ก็แยกย้ายไปตามบ้านหญิงชายค่ะ เราพักกับพี่ๆ อีก 3 คนค่ะก็ยังไม่กล้าคุยเท่าไหร่ เราเข้าไปอยู่ในบ้านของคนในชุมชนที่นี่แล้ว เค้าถือว่าเจ้าบ้านนั้นเปรียบเสมือนพ่อแม่ และเจ้าของบ้านก็ดูแลดีมาก เรียกเราว่าลูกตลอดเลย แถมบรรยากาศบ้านไม้ริมคลองติดเถียงนา มีกลิ่นหอมควันฟืนจางๆจากกองไฟที่กำลังมอด แรกๆ เราไม่ชินอย่างรุนแรง อยู่แต่บ้านตึกบ้านปูน นี่เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ เดินทีเสียงดังอ๊อดแอ๊ด กลัวไปทำไม้เค้าหัก 55 เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ (ภาพด้านล่าง บ้านโฮมสเตย์ กับภาพพี่ๆ ที่พักด้วยกันแล้วก็แม่อุ๊ยคนใส่หมวกสีฟ้าค่ะ)