กระผมขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อนว่า ผมชื่อ นายอุดม มั่งมีดี อดีตเคยเป็น ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ผมขึ้นศาลฎีกาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 เดือนมกราคม อยู่ระดับศาลฎีกามานานพอสมควร เป็นประธานแผนกคดี ทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา เป็นหัวหน้าคณะคดีปกครองในสมัยที่ศาลปกครองยัง ไม่ได้ตั้งขึ้นในประเทศไทย เป็นอธิบดีศาลอุทธรณ์ ภาค 1 และลัดข้ามมา เคยเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการการ เลือกตั้งชุดแรก รู้เห็นการทำงานของไอ้ระบบพวกนี้อย่างเบื่อหน่าย และชัดเจน เรารู้ว่า ปัญหาที่วิทยาการูดมานั้น เป็นประโยชน์แต่เป็นประโยชน์ทางทฤษฎีใม่ใช่ประโยชน์ที่แท้จริงของบ้านเมืองเป็นประโยชน์ส่วนหนึ่ง ประโยชน์ที่ แท้จริงก็คือประโยชน์ของการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายท่านอาจจะว่า ประชุมกับปรึกษาแล้ว ลงมติว่าจะเอาหลัก เกณฑ์เท่าไหร่ดีผมไม่ขัดข้อง การบังคับใช้กฎหมายสำคัญมาก ผมเห้นมาทุกอย่าง ผมเป็นที่ปรึกษา กกต.ชุดแรก จะทำอย่างไรก็ได้ อยากจะให้ใบเหลือง ใบแดงคนไหน หรือวิธีการอย่างไร หรือจะไม่เอาก็ได้ ผมเห็นมาแล้วทั้งสิ้น
การที่วิทยากรท่านหนึ่งบอกว่า ดอกเตอร์คนหนึ่งได้ใบแดง ผมเป็นคนเขียนเอง ขณะนั้นยังเข้าไปเสนอต่อคณะ กรรมการชุดใหญ่ของกฤษฎีกา อันนี้ผมไม่อยากพูดมากขอให้ทราบว่าผมเป็นคนรู้เรื่องในสิ่งเหล่านี้ สำคัญที่สุดการ บังคับใช้กฎหมายว่า คนที่เป็นเจ้าหน้าที่แม้แต่วงการศาล วงการองค์การอิสระต่างๆก็เหมือนกันหรือในระดับผู้หมวดก็ เหมือนกัน ขณะนี้เรายอมรับกันไม๊ว่า ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมมันล่มสลายแล้ว มันล่มสลายแล้ว ที่เรา พูดกันว่าเศรษฐกิจของประเทศมันล่ม มันขาดความเชื่อมั่นมัน มันไม่ได้รับความเชื่อมั่น กระบวนการยุติธรรมก็ล่ม สลายครับ
ผมขอโทษประชาชน ผมขออภัยประชาชนของประเทศ ที่องค์กรของศาลยุติธรรมก็ไม่สามารถรักษาความเที่ยง ธรรมที่ดีไว้ให้กับชาติบ้านเมืองได้ ขณะนี้วงการศาลยุติธรรมก็แตกกันเป็นหลายความเห็น แตกกันอย่างรุนแรง มาตรฐานไม่เป็นระดับเดียวกัน ที่เค้าเรียกกันว่าสองมาตรฐานที่ถูกกล่าวหา จริง !!! แล้วถ้าใครไม่เชื่อหลักฐานอยู่ที่ ผม ผมมีตัวอย่างทั้งนั้น ไม่ต้องจำหลักฐาน มันอยู่ในสมองผมหมด ผมรีไวด์ไว้ในความทรงจำ ผมอายุมากก็จริง แต่ ผมความจำยังดีอยู่
อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากพูดเพราะอะไร กกต.บางทีไม่ชี้ขาดด้วยซ้ำว่าเส้นแบ่งระหว่าง ใบเหลือง ใบแดง มันอยู่ตรง ไหน ท่านที่เคารพครับ ผมไม่ใช่นักเรียนนอก ไม่ใช่คนเรียนมาก ผมทำงานมานาน 40 รู้เห็นมาอย่างโชกโชน นายทหารผมเคยเป็น แต่ว่าทำไมถึงมันยุ่งยากในเมืองไทย เพราะว่าการบังคับใช้กฎหมายคือ มนุษย์ มันก็มีกิเลส มันก็แอ่นเข้าแอ่นออกบ้าง เจตนาบ้างไม่เจตนาบ้างแล้วก็ก่อความยุ่งยาก พอมันยุ่งยากเข้าก็ไม่ถอยกลับ มันเหมือน วิกฤตตุลาการที่แย่งตำแหน่งกันเมื่อปลายปีพ.ศ. 2534 แล้วศาลยุติธรรมก็ตกต่ำเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ตั้งแต่ วิกฤติตุลาการเรื่อยมา
เพราะอะไรผมถึงกล่าวอย่างนี้เพราะเค้าสำรวจกันแล้ว มีหนังสือออกมาด้วยซ้ำว่า ศาลแยกออกมาจากกระทรวง ยุติธรรมแล้วมันดีขึ้นหรือแย่ลง ผลปรากฏว่า แย่ลงยังไม่ค่อยดีขึ้นเดี๋ยวนี้ยิ่งแย่หนักลงไปอีก ผมเสียดาย เสียใจที่ ว่าศาลซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะต้องรักษาความเป็นธรรมไว้ให้กับบ้านเมือง ไว้ให้กับประชาชนเขาแต่รักษาไม่ได้ เด้งเข้า เด้งออก เรื่องอย่างเดียวกันเดี๋ยววันนี้ว่าอย่างนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปอีกอย่าง มันก็เสียสิครับ
แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะพูดว่า การเลือกตั้งซื้อสิทธิ์ ซื้อเสียง มันซื้อเสียง มันพัฒนาไปมากแล้วละครับท่าน ไอ้นักวิชาการ หรือเพื่อนนักศึกษา หรือผู้พิพากษาที่เขียนลงในคำพิพากษาที่ว่าเมื่อกี้นี้ ไอ้นี่นั่งอยู่แต่ในห้องไม่รู้จัก ชีวิตจริงประชาชนทั้งประเทศ ใครจะให้เงินเค้าน่ะเค้าเอาทั้งนั้นแหล่ะ แต่เค้าจะเลือกใครเค้ามีอยู่ในใจแล้วครับ มัน พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่สนหรอกว่า เอ๊ให้เงินแล้วชั้นจะเลือกแก เปล่า เมื่อเร็วๆนี้ครั้งหลังสุดเลือกตั้งใกล้ๆ กรุงเทพ แจกกันไปสิ แต่คนที่แจกไม่ได้ แต่คนที่แจกกลับไม่ได้ มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แล้วไอ้คนเขียนคำ พิพากษาต้องยังนั้นอย่างนี้มันยกเมฆ ไม่รู้จักชีวิตจริงในบ้านเมือง
ที่ผมอยากพูดไม่ใช่อยากจะพูดอะไรหรอก คืออยากจะมาขอโทษในฐานะที่ผมเป็นผู้พิพากษา ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ ผมจะอยู่ แต่ว่าผมเชื่อว่าศาลยุติธรรมนี่จะต้องถูกปฏิรูปอีกครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งไม่ปีไหนก็ปีไหนเพราะว่าถูกปฏิรูปมา แล้วครั้งหนึ่งแล้วเมื่อตอนหลังวิกฤตตุลาการเพราะเหตุที่เราไม่รักษาความเป็นธรรมในหน้าที่ของศาลไว้ให้กับบ้าน เมือง องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงมีรับสั่งตอนที่มีการนำผู้พิพากษาประจำศาลเข้าไปถวายสัตย์ ปฏิญาณว่า อย่าทำอะไรให้เป็นที่สงสัย ตัดสินความให้ดีเพราะถ้าไม่ดีท่านเสียด้วยเพราะว่าศาลอ้างว่าทำงานใน พระปรมาภิไธยของพระองค์ท่าน ก็มีแจกอ่านกันอยู่เยอะ แต่ก๋ไม่ทราบว่าศาลเราถึงเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้
ผมไม่ทราบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในศาลยุติธรรม และกำลังจะเกิดอยู่นี้ และที่กำลังจะเกิดต่อไปในรอบอนาคตอันใกล้นี้มัน จะเป็นอย่างไร ผมกำลังติดตามดู ติดตามสังเกต ติดตามเห็น ความยุติธรรมไม่ว่าในศาลหรือในวงการชั้นพนักงาน สอบสวนหรือในองค์กรอิสระขณะนี้มันล่มสลายประชาชนขาดความเชื่อถือ ถ้าใครจะยังไม่ยอมรับความจริงของความ รู้สึกของประชาชนในส่วนนี้ก็คงจะต้องเสียใจและเป็นพวกที่ดันทุรัง ไม่รับรู้ความแท้จริงที่มีอยู่ที่ปรากฏอยู่ในบ้าน เมือง ถ้ารู้แล้วไม่แก้ไข ปรับปรุงยังแข่งขัน แย่งชิงกันอยู่ก็คงไปสู่ความรู้สึกของผมที่เคยพูด เคยคิดเมื่อสมัยผมยัง เรียนมัธยมอยู่ประเทศไทยคงเจริญยาก ขอบคุณครับ.
https://www.youtube.com/watch?v=biVBPWJBkXs
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=raveetawan
คำต่อคำ จาก คลิปชื่อ "ผู้พิพากษาขอโทษประชาชน"
การที่วิทยากรท่านหนึ่งบอกว่า ดอกเตอร์คนหนึ่งได้ใบแดง ผมเป็นคนเขียนเอง ขณะนั้นยังเข้าไปเสนอต่อคณะ กรรมการชุดใหญ่ของกฤษฎีกา อันนี้ผมไม่อยากพูดมากขอให้ทราบว่าผมเป็นคนรู้เรื่องในสิ่งเหล่านี้ สำคัญที่สุดการ บังคับใช้กฎหมายว่า คนที่เป็นเจ้าหน้าที่แม้แต่วงการศาล วงการองค์การอิสระต่างๆก็เหมือนกันหรือในระดับผู้หมวดก็ เหมือนกัน ขณะนี้เรายอมรับกันไม๊ว่า ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมมันล่มสลายแล้ว มันล่มสลายแล้ว ที่เรา พูดกันว่าเศรษฐกิจของประเทศมันล่ม มันขาดความเชื่อมั่นมัน มันไม่ได้รับความเชื่อมั่น กระบวนการยุติธรรมก็ล่ม สลายครับ
ผมขอโทษประชาชน ผมขออภัยประชาชนของประเทศ ที่องค์กรของศาลยุติธรรมก็ไม่สามารถรักษาความเที่ยง ธรรมที่ดีไว้ให้กับชาติบ้านเมืองได้ ขณะนี้วงการศาลยุติธรรมก็แตกกันเป็นหลายความเห็น แตกกันอย่างรุนแรง มาตรฐานไม่เป็นระดับเดียวกัน ที่เค้าเรียกกันว่าสองมาตรฐานที่ถูกกล่าวหา จริง !!! แล้วถ้าใครไม่เชื่อหลักฐานอยู่ที่ ผม ผมมีตัวอย่างทั้งนั้น ไม่ต้องจำหลักฐาน มันอยู่ในสมองผมหมด ผมรีไวด์ไว้ในความทรงจำ ผมอายุมากก็จริง แต่ ผมความจำยังดีอยู่
อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากพูดเพราะอะไร กกต.บางทีไม่ชี้ขาดด้วยซ้ำว่าเส้นแบ่งระหว่าง ใบเหลือง ใบแดง มันอยู่ตรง ไหน ท่านที่เคารพครับ ผมไม่ใช่นักเรียนนอก ไม่ใช่คนเรียนมาก ผมทำงานมานาน 40 รู้เห็นมาอย่างโชกโชน นายทหารผมเคยเป็น แต่ว่าทำไมถึงมันยุ่งยากในเมืองไทย เพราะว่าการบังคับใช้กฎหมายคือ มนุษย์ มันก็มีกิเลส มันก็แอ่นเข้าแอ่นออกบ้าง เจตนาบ้างไม่เจตนาบ้างแล้วก็ก่อความยุ่งยาก พอมันยุ่งยากเข้าก็ไม่ถอยกลับ มันเหมือน วิกฤตตุลาการที่แย่งตำแหน่งกันเมื่อปลายปีพ.ศ. 2534 แล้วศาลยุติธรรมก็ตกต่ำเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ตั้งแต่ วิกฤติตุลาการเรื่อยมา
เพราะอะไรผมถึงกล่าวอย่างนี้เพราะเค้าสำรวจกันแล้ว มีหนังสือออกมาด้วยซ้ำว่า ศาลแยกออกมาจากกระทรวง ยุติธรรมแล้วมันดีขึ้นหรือแย่ลง ผลปรากฏว่า แย่ลงยังไม่ค่อยดีขึ้นเดี๋ยวนี้ยิ่งแย่หนักลงไปอีก ผมเสียดาย เสียใจที่ ว่าศาลซึ่งเป็นหน้าที่ที่จะต้องรักษาความเป็นธรรมไว้ให้กับบ้านเมือง ไว้ให้กับประชาชนเขาแต่รักษาไม่ได้ เด้งเข้า เด้งออก เรื่องอย่างเดียวกันเดี๋ยววันนี้ว่าอย่างนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปอีกอย่าง มันก็เสียสิครับ
แล้วอีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะพูดว่า การเลือกตั้งซื้อสิทธิ์ ซื้อเสียง มันซื้อเสียง มันพัฒนาไปมากแล้วละครับท่าน ไอ้นักวิชาการ หรือเพื่อนนักศึกษา หรือผู้พิพากษาที่เขียนลงในคำพิพากษาที่ว่าเมื่อกี้นี้ ไอ้นี่นั่งอยู่แต่ในห้องไม่รู้จัก ชีวิตจริงประชาชนทั้งประเทศ ใครจะให้เงินเค้าน่ะเค้าเอาทั้งนั้นแหล่ะ แต่เค้าจะเลือกใครเค้ามีอยู่ในใจแล้วครับ มัน พัฒนามาถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่สนหรอกว่า เอ๊ให้เงินแล้วชั้นจะเลือกแก เปล่า เมื่อเร็วๆนี้ครั้งหลังสุดเลือกตั้งใกล้ๆ กรุงเทพ แจกกันไปสิ แต่คนที่แจกไม่ได้ แต่คนที่แจกกลับไม่ได้ มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แล้วไอ้คนเขียนคำ พิพากษาต้องยังนั้นอย่างนี้มันยกเมฆ ไม่รู้จักชีวิตจริงในบ้านเมือง
ที่ผมอยากพูดไม่ใช่อยากจะพูดอะไรหรอก คืออยากจะมาขอโทษในฐานะที่ผมเป็นผู้พิพากษา ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่ ผมจะอยู่ แต่ว่าผมเชื่อว่าศาลยุติธรรมนี่จะต้องถูกปฏิรูปอีกครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งไม่ปีไหนก็ปีไหนเพราะว่าถูกปฏิรูปมา แล้วครั้งหนึ่งแล้วเมื่อตอนหลังวิกฤตตุลาการเพราะเหตุที่เราไม่รักษาความเป็นธรรมในหน้าที่ของศาลไว้ให้กับบ้าน เมือง องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงมีรับสั่งตอนที่มีการนำผู้พิพากษาประจำศาลเข้าไปถวายสัตย์ ปฏิญาณว่า อย่าทำอะไรให้เป็นที่สงสัย ตัดสินความให้ดีเพราะถ้าไม่ดีท่านเสียด้วยเพราะว่าศาลอ้างว่าทำงานใน พระปรมาภิไธยของพระองค์ท่าน ก็มีแจกอ่านกันอยู่เยอะ แต่ก๋ไม่ทราบว่าศาลเราถึงเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้
ผมไม่ทราบว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในศาลยุติธรรม และกำลังจะเกิดอยู่นี้ และที่กำลังจะเกิดต่อไปในรอบอนาคตอันใกล้นี้มัน จะเป็นอย่างไร ผมกำลังติดตามดู ติดตามสังเกต ติดตามเห็น ความยุติธรรมไม่ว่าในศาลหรือในวงการชั้นพนักงาน สอบสวนหรือในองค์กรอิสระขณะนี้มันล่มสลายประชาชนขาดความเชื่อถือ ถ้าใครจะยังไม่ยอมรับความจริงของความ รู้สึกของประชาชนในส่วนนี้ก็คงจะต้องเสียใจและเป็นพวกที่ดันทุรัง ไม่รับรู้ความแท้จริงที่มีอยู่ที่ปรากฏอยู่ในบ้าน เมือง ถ้ารู้แล้วไม่แก้ไข ปรับปรุงยังแข่งขัน แย่งชิงกันอยู่ก็คงไปสู่ความรู้สึกของผมที่เคยพูด เคยคิดเมื่อสมัยผมยัง เรียนมัธยมอยู่ประเทศไทยคงเจริญยาก ขอบคุณครับ.
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=raveetawan