ส.ส.เชตวัน ยก 3 กรณีศึกษา หนุนแก้กม.ศาลทหาร ย้ำ คดีอาญา-ทุจริต ต้องขึ้นศาลพลเรือน
.

.
ส.ส.เชตวัน ยก 3 กรณีศึกษา หนุนแก้กม.ศาลทหาร ย้ำ คดีอาญา-ทุจริต ต้องขึ้นศาลพลเรือน
.
เมื่อวันที่ 24 กันยายน นาย
เชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
“เชตวัน” ยก 3 กรณีศึกษา 3 หลักการยืนยัน หนุนแก้กฎหมาย “ศาลทหาร” ย้ำคดีอาญา-ทุจริต ต้องขึ้นศาลพลเรือน” ความว่า
.
สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระรับหลักการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ “ศาลทหาร” จำนวน 3 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร 2 ฉบับ ที่เสนอโดย ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร กับ ส.ส.เอกราช อุดมอำนวย และ ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเสนอโดย ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
.
ผมได้รับมอบหมายให้อภิปรายสรุป โดยยก 3 กรณีศึกษา กับ 3 หลักยืนยันมาสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมาย ดังนี้
.
กรณีที่ 1 คดีการเสียชีวิตของนายภัคพงศ์ ตัณกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งถูกรุ่นพี่ซ่อมจนเสียชีวิต ซึ่งกรณีนี้ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหารระบุว่า “นักเรียนเตรียมทหาร” คือบุคคลที่อยู่ในอำนาจขอบเขตของศาลหทาร ดังนั้น คดีจึงไปขึ้นศาลทหาร
.
ครอบครัวสู้คดีมาอย่างยาวนาน และสุดท้าย ก็อย่างที่เรารู้คือศาลทหารสูงสุดพิพากษาผู้กระทำผิดโดยจำคุกเพียงแค่ 4 เดือน 16 วัน อีกทั้งโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้เสียด้วย
.
ทหารทำผิด ตัดสินคดีกันเอง กรณีนี้สังคมตั้งคำถามอย่างหนักถึงความได้สัดส่วนของโทษ สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” ที่ญาติควรที่จะ “ยุติ” ไม่ติดใจอะไรเกิดขึ้นแล้วหรือไม่? ผมคิดว่าพ่อแม่ของน้องเมยคงตอบว่าไม่ รวมถึงคนในสังคมก็คงตอบว่าไม่เช่นกัน
.
กรณีที่ 2 คดีการเสียชีวิตของพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่ถูกครูฝึกและรุ่นพี่ “ทำร้ายร่างกาย” จนเสียชีวิต
.
ยอมรับเถอะว่านี่คือการทำร้ายร่างกาย อย่าเรียกว่า “ธำรงวินัย” เลย เพราะการ “ธำรงวินัย” มันหมายถึงทำให้ ตั้งมั่น คงอยู่ในความมีระเบียบวินัย หากแต่การฟาดด้วยไม้ การเตะการต่อย การกระทืบจนจมคาตี ผมถามหน่อยว่ามันทำให้ “วินัย” ถูก “ธำรง” ไว้อย่างไร? กองทัพพอที่จะอธิบายให้ผมฟังได้มั้ย?
.
คดีของพลทหารวรปรัชญ์ดีที่ว่าในวันเกิดเหตุนั้น ประเทศไทยเรามี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและป้องกันการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย บังคับใช้แล้ว คดีจึงไปอยู่กับ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็น “ศาลพลเรือน”
.
ทหารทำผิด กรณีนี้ไม่ได้ตัดสินกันเอง ไม่ได้ลงโทษกันเอง โทษที่ผู้ทำผิดได้รับจึงกลายเป็นว่าครูฝึกโดนคุกไป 20 ปี, อีกคนโดนไป 15 ปี และพลหทารรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครูฝึก 11 คน โดนคุกกันคนละ 10 ปี
.
จะเห็นว่าแตกต่างอย่างชัดเจนกับคดีที่ขึ้นศาลทหาร
.
กรณีที่ 3 คดีการเสียชีวิตของพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต ที่ค่ายเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย เขาโดนครูฝึกยศร้อยโทกับยศจ่าสิบโท สั่งฝึกที่ไม่เหมาะสมในเวลากลางคืน ประกอบกับการขาดความรู้ทางการแพทย์ของหน่วย ทำให้เมื่อพลทหารรายนี้เจ็บป่วย แล้วทำให้ต่อมาถึงขั้นเสียชีวิตด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
.
พลทหารกิตติธรผู้มีอนาคตไกล เรียนจบปริญญาตรี ไปทำงานอยู่ที่เกาหลีใต้ มีครอบครัวมีลูกตัวน้อยที่น่ารัก แต่ทว่าเมื่อต้องจับโดน “ใบแดง” สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือ “ความตาย”
.
คดีนี้ในตอนแรกก็อยู่กับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ไม่รู้ว่าจู่ๆ มีใครมาช่วยหรือไม่? จู่ๆ มีนายทหารคนไหนมากระซิบข้างหูจำเลยที่เป็นทหารทั้งสองคนหรือไม่? ว่าให้ยื่นคำร้องสู้เรื่องขอบเขตอำนาจศาล
.
พูดง่ายๆ ก็คือจะให้การพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปอยู่กับศาลทหาร โดยให้เหตุผลว่าเพราะพวกเขาเป็นทหาร
.
นี่คือความพยายามของกองทัพ ที่จะดึงเอาคดีที่ไม่เกี่ยวอะไรกับวินัยทหาร ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องระเบียบทหาร หากแต่เป็นเรื่องความผิดทางอาญาฆ่าคนตาย แต่จะขอเอากลับไปอยู่กับศาลทหาร
.
คดีนี้ก็เลยต้องมี “คณะกรรมการชี้ขาดเขตอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล” ซึ่งพิจารณากันยืดเยื้อยาวนานมาก เลื่อนนัดฟังคำสั่งแล้ว เลื่อนนัดฟังคำสั่งอีก โดยล่าสุดนัดจันทร์ที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา และก็ปรากฏว่าเลื่อนไปเป็น 20 ตุลาคม อีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะยื้อ จะดึงอะไร
.
ทั้ง 3 กรณี เราเห็นอะไร?
.
เราเห็นว่าศาลทหารมีการช่วยเหลือกันแบบระบบรุ่นหรือไม่?
.
เราเห็นว่าศาลพลเรือนนั้นบุคคลที่กระทำผิดซึ่งตกเป็นจำเลย หรือแม้แต่โจทย์ก็ได้สู้คดีกันอย่างเต็มที่กว่าหรือไม่?
.
เราเห็นว่าความพยายามทวงถามเรื่องขอบเขตอำนาจศาลนั้น คือต้องการที่จะให้คดีของบุคคลที่เป็นทหารกลับไปอยู่ในแดนสนธยาดำมืด คงอำนาจกองทัพที่ได้ “อภิสิทธิ์” กว่าใครเช่นเดิมใช่หรือไม่?
.
สำหรับในส่วนของ 3 หลักการยืนยัน ที่ผมจะใช้อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่
.
1. ร่างกฎหมายฉบับนี้ยันยันหลักการ “คนเท่ากัน”
.
นั่นเพราะว่าจะต้องไม่มีใครได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าใคร ทำความเข้าใจตรงนี้ชัดๆ ว่าทหารก็คือข้าราชการ สังกัดกระทรวงกลาโหม สังคมเขาก็มีคำถามว่า แล้วทำไมต้องมี “ศาล” สำหรับการพิจารณาคดีของตัวเองด้วย
.
ในสภาวะที่บ้านเมืองมีศึกสงครามนั้นเข้าใจได้ครับ ศาลทหารมีไว้พิจารณาเรื่องวินัยทหาร เรื่องคนหนีทัพ แหกค่าย ฯลฯ แต่ในสภาวะปกติล่ะ คดีความที่ไม่เกี่ยวกับระเบียบวินัยทหาร พวกคดีอาญา ปล้น ฆ่า ฉ้อฉล คอรัปชั่น เหล่านี้ต้องไปขึ้นศาลพลเรือน
.
2. ร่างกฎหมายฉบับนี้ยืนยันหลักการ “แบ่งแยกอำนาจ”
.
วิชารัฐศาสตร์เบื้องต้นสอนเราว่า อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการนั้น ต้องแบ่งแยกและถ่วงดุลย์กัน
.
ฝ่ายบริหารคือรัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศ ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ออกกฎหมาย ขณะที่ฝ่ายตุลาการมีหน้าที่พิจารณาพิพากษาตัดสินคดีความ แยกออกจากกันอย่างชัดเจน
.
ดังนั้น เราจะเห็นว่าบุคคลในส่วนขององค์กรตุลาการ เขาจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรมนะครับ หากแต่ขึ้นกับสำนักงานศาลยุติธรรม นั่นก็เพื่อที่จะให้ปราศจากการแทรกแซง เพื่อที่จะให้มีความเป็นอิสระในการพิจารณาคดี
.
แต่สำหรับอัยการทหาร นายทหารพระธรรมนูญ ผู้พิพากษาในศาลทหาร เหล่านี้สังกัดอยู่ในกรมพระธรรมนูญทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้บังคับบัญชา ถามว่าจะมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซงได้จริงไหมแบบนี้
.
3. ร่างกฎหมายฉบับนี้ ยืนยันหลักการ “ปฏิรูปกองทัพ”
.
นี่จะเป็นกุญแจดอกแรกที่จะเปิดไปสู่ประตูอีกหลายๆ บาน เกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพครับ
.
ซึ่งเอาแค่ง่ายๆ เรื่อง “เกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ” โดยที่ไม่มีใครต้องถูกบังคับไปจับใบดำ-ใบแดง
.
กรณีนี้ ถ้าพลทหารที่ถูกครูฝึก ถูกรุ่นพี่ ซ้อมทรมาน แล้วได้รับโทษที่ได้สัดส่วน ไม่ใช่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบระบบอุปถัมภ์ เมื่อพลทหารได้รับความเป็นธรรมจากการตัดสินของศาลพลเรือน ผมเชื่อมั่นว่ามันจะทำให้ไม่มีครูฝึกหรือแม้แต่รุ่นพี่คนไหน กล้าที่จะ “ทำร้ายร่างกาย” หรือ “ลงโทษบ้าๆ” กับพลทหารอีก
.
นี่คือหลักประกัน ที่จะทำให้สังคมเชื่อมั่น
.
แต่ถ้ายังปล่อยให้ครูฝึกที่ทำร้ายร้างกายทหารจนเสียชีวิต แล้วยังขึ้นศาลทหาร แล้วหลุดรอดคดีหรือแม้โทษที่ได้รับเบาหวิว
.
ถามว่าจะมีใครอยากสมัครใจมาเป็นทหาร? จะมีพ่อแม่คนไหนที่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นทหาร?
.
ปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ กองทัพจะลุกขึ้นมาทำเองอย่างแน่นอน ประชาชนทุกคนต้องออกมาช่วยกันส่งเสียง ออกมากดดัน, พรรคการเมืองทุกพรรค-นักการเมืองทุกคน ต้องเอาด้วย และต้องเอาจริงเอาจัง อาศัยเจตจำนงที่มุ่งมั่นจริงๆ
.
ไม่ใช่แค่ประกาศบนเวทีหาเสียง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ “ข้ออ้าง” ในการขึ้นสู่อำนาจแล้วสุดท้ายก็ไม่กล้าแตะต้องอะไรกองทัพ
.
ยิ่งในสถานการณ์ที่กระแสของกองทัพได้รับความนิยมอย่างในขณะนี้ ผมคิดว่าเราต้องแยกแยะ ไม่ใช่ว่า “ขี้ทหาร” นั้นหอมไปเสียทั้งหมด จนไม่สนหลักการ จนหลับตาให้แม้แต่กับเรื่องทุจริตคอรัปชั่น หลับตาให้แม้แต่เรื่องการทำร้ายร่างกาย การซ้อมทรมาน การที่มีคนตายในค่ายทหาร
.
นี่คือ 3 กรณีศึกษา และ 3 หลักการยืนยัน ที่ผมนำมาอภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้
.
ซึ่งในที่สุด สภาผู้แทนลงมติ “รับหลักการ (วาระ 1)” โดยจำนวนผู้ลงมติ 320 คน เห็นด้วย 315 คน ไม่เห็นด้วย 0 คน งดออกเสียง 4 คน และไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน
.
นับเป็นก้าวแรกของการเปิดประตู “ปฏิรูปกองทัพ”
.
https://www.facebook.com/ChetawanPPLE/posts/pfbid0msTZEorPHj8WZmkaAAtfKJEgy2MZioNn17NXBuNtLUaFtyx4hrFPXwZJkLmJYpHUl
.
.
พฤติกรรมสลด! ชาวเขมรแห่ยินดีไทยถนนยุบ เย้ยบอกเป็น ‘เวรกรรม’ที่บุกกัมพูชา
https://www.dailynews.co.th/news/5142453/
.
เปิดพฤติกรรมน่าสลด ชาวเขมรแห่ยินดีไทยถนนยุบ เย้ยบอกเป็นเวรกรรมที่บุกกัมพูชา และอยากได้ดินแดน
.
สื่อกัมพูชา ‘ขแมร์ไทม์ส (Khmer Times)’ รายงานข่าวเหตุถนนทรุดตัวครั้งใหญ่ ช่วงเช้าวันที่ 24 กันยายน จนกลายเป็นหลุมยุบขนาดมหึมา ลึกประมาณ 50 เมตร บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล
.
ขแมร์ไทม์สยังได้รายงานโดยอ้างอิงสื่อไทยที่เผยแพร่คลิปขณะถนนทรุดตัว และขยายวงกว้างไปจนถึงสถานีตำรวจนครบาลสามเสน
.
เจ้าหน้าที่จากสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสนได้รุดไปยังที่เกิดเหตุ และพบหลุมยุบขนาดใหญ่ มีความกว้างประมาณ 30 x 30 เมตร และลึกถึง 50 เมตร มีรายงานว่าหลุมดังกล่าวยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฝั่งของโรงพยาบาลและสถานีตำรวจ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ
.
ขแมร์ไทม์ส ยังแชร์ข่าวนี้ลงบนเฟซบุ๊ก ซึ่งแน่นอนว่า มีชาวเน็ตกัมพูชามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก เช่น บอกว่า เป็นเวรกรรมบ้าง หรือเป็นการลงโทษจากพระเจ้าบ้าง
.
.
เพจดัง เผยกัมพูชาเกิดเหตุระทึก เรือชนกันที่พระตะบอง เสียชีวิต 4 ราย เจ็บ 31 ราย
https://www.matichon.co.th/local/news_5381789
.
เพจดัง เผยกัมพูชาเกิดเหตุระทึก เรือชนกันที่พระตะบอง เสียชีวิต 4 ราย เจ็บ 31 ราย
.
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Army Military Force รายงานว่า เกิดเหตุเรือชนกันอย่างรุนแรงในการแข่งขันเรือประเพณีประจำปี ณ บ้านอันลองตาอูร์ ตำบลเกาะจีเวียง อำเภอเอกพนม จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เบื้องต้น มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งอาการสาหัสและเล็กน้อยรวม 31 ราย
.
นอกจากนี้ หลังเกิดอุบัติเหตุ เจ้าของเรืออีกฝ่ายได้แสดงความไม่พอใจ จึงบันดาลโทสะใช้ไม้ทุบทำลายเรือสำรอง ของฝ่ายคู่กรณีที่จอดอยู่ริมตลิ่งจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
.
หลังจากนั้น กลุ่มวัยรุ่นกันพูชาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้เข้าผสมโรงยกพวกตะลุมบอนทุบตีกันอย่างชุลมุน สร้างความวุ่นวายในพื้นที่เกิดเหตุ
.
https://www.facebook.com/armymilitaryforcenews/posts/pfbid0W7v65VVdUYSUCEngXVsmxzV4GJe1MjpL6zaSUop8J8rwgzmC9dGhWvUiXUoRYSTFl
JJNY : 5in1 ส.ส.เชตวันยก 3 กรณี│เขมรแห่ยินดีไทยถนนยุบ│กัมพูชาเกิดเรือชนกัน│รากาซาถล่มฮ่องกง│คลังรัสเซียชงขึ้นภาษี VAT
ส.ส.เชตวัน ยก 3 กรณีศึกษา หนุนแก้กม.ศาลทหาร ย้ำ คดีอาญา-ทุจริต ต้องขึ้นศาลพลเรือน
.
เมื่อวันที่ 24 กันยายน นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “เชตวัน” ยก 3 กรณีศึกษา 3 หลักการยืนยัน หนุนแก้กฎหมาย “ศาลทหาร” ย้ำคดีอาญา-ทุจริต ต้องขึ้นศาลพลเรือน” ความว่า
.
สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาในวาระรับหลักการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ “ศาลทหาร” จำนวน 3 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร 2 ฉบับ ที่เสนอโดย ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร กับ ส.ส.เอกราช อุดมอำนวย และ ร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเสนอโดย ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
.
ผมได้รับมอบหมายให้อภิปรายสรุป โดยยก 3 กรณีศึกษา กับ 3 หลักยืนยันมาสนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมาย ดังนี้
.
กรณีที่ 1 คดีการเสียชีวิตของนายภัคพงศ์ ตัณกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งถูกรุ่นพี่ซ่อมจนเสียชีวิต ซึ่งกรณีนี้ พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหารระบุว่า “นักเรียนเตรียมทหาร” คือบุคคลที่อยู่ในอำนาจขอบเขตของศาลหทาร ดังนั้น คดีจึงไปขึ้นศาลทหาร
.
ครอบครัวสู้คดีมาอย่างยาวนาน และสุดท้าย ก็อย่างที่เรารู้คือศาลทหารสูงสุดพิพากษาผู้กระทำผิดโดยจำคุกเพียงแค่ 4 เดือน 16 วัน อีกทั้งโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้เสียด้วย
.
ทหารทำผิด ตัดสินคดีกันเอง กรณีนี้สังคมตั้งคำถามอย่างหนักถึงความได้สัดส่วนของโทษ สิ่งที่เรียกว่า “ธรรม” ที่ญาติควรที่จะ “ยุติ” ไม่ติดใจอะไรเกิดขึ้นแล้วหรือไม่? ผมคิดว่าพ่อแม่ของน้องเมยคงตอบว่าไม่ รวมถึงคนในสังคมก็คงตอบว่าไม่เช่นกัน
.
กรณีที่ 2 คดีการเสียชีวิตของพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เขาเป็นทหารเกณฑ์ที่ถูกครูฝึกและรุ่นพี่ “ทำร้ายร่างกาย” จนเสียชีวิต
.
ยอมรับเถอะว่านี่คือการทำร้ายร่างกาย อย่าเรียกว่า “ธำรงวินัย” เลย เพราะการ “ธำรงวินัย” มันหมายถึงทำให้ ตั้งมั่น คงอยู่ในความมีระเบียบวินัย หากแต่การฟาดด้วยไม้ การเตะการต่อย การกระทืบจนจมคาตี ผมถามหน่อยว่ามันทำให้ “วินัย” ถูก “ธำรง” ไว้อย่างไร? กองทัพพอที่จะอธิบายให้ผมฟังได้มั้ย?
.
คดีของพลทหารวรปรัชญ์ดีที่ว่าในวันเกิดเหตุนั้น ประเทศไทยเรามี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและป้องกันการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย บังคับใช้แล้ว คดีจึงไปอยู่กับ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งเป็น “ศาลพลเรือน”
.
ทหารทำผิด กรณีนี้ไม่ได้ตัดสินกันเอง ไม่ได้ลงโทษกันเอง โทษที่ผู้ทำผิดได้รับจึงกลายเป็นว่าครูฝึกโดนคุกไป 20 ปี, อีกคนโดนไป 15 ปี และพลหทารรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครูฝึก 11 คน โดนคุกกันคนละ 10 ปี
.
จะเห็นว่าแตกต่างอย่างชัดเจนกับคดีที่ขึ้นศาลทหาร
.
กรณีที่ 3 คดีการเสียชีวิตของพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต ที่ค่ายเม็งรายมหาราช จ.เชียงราย เขาโดนครูฝึกยศร้อยโทกับยศจ่าสิบโท สั่งฝึกที่ไม่เหมาะสมในเวลากลางคืน ประกอบกับการขาดความรู้ทางการแพทย์ของหน่วย ทำให้เมื่อพลทหารรายนี้เจ็บป่วย แล้วทำให้ต่อมาถึงขั้นเสียชีวิตด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
.
พลทหารกิตติธรผู้มีอนาคตไกล เรียนจบปริญญาตรี ไปทำงานอยู่ที่เกาหลีใต้ มีครอบครัวมีลูกตัวน้อยที่น่ารัก แต่ทว่าเมื่อต้องจับโดน “ใบแดง” สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือ “ความตาย”
.
คดีนี้ในตอนแรกก็อยู่กับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่ไม่รู้ว่าจู่ๆ มีใครมาช่วยหรือไม่? จู่ๆ มีนายทหารคนไหนมากระซิบข้างหูจำเลยที่เป็นทหารทั้งสองคนหรือไม่? ว่าให้ยื่นคำร้องสู้เรื่องขอบเขตอำนาจศาล
.
พูดง่ายๆ ก็คือจะให้การพิจารณาพิพากษาคดีนี้ไปอยู่กับศาลทหาร โดยให้เหตุผลว่าเพราะพวกเขาเป็นทหาร
.
นี่คือความพยายามของกองทัพ ที่จะดึงเอาคดีที่ไม่เกี่ยวอะไรกับวินัยทหาร ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องระเบียบทหาร หากแต่เป็นเรื่องความผิดทางอาญาฆ่าคนตาย แต่จะขอเอากลับไปอยู่กับศาลทหาร
.
คดีนี้ก็เลยต้องมี “คณะกรรมการชี้ขาดเขตอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล” ซึ่งพิจารณากันยืดเยื้อยาวนานมาก เลื่อนนัดฟังคำสั่งแล้ว เลื่อนนัดฟังคำสั่งอีก โดยล่าสุดนัดจันทร์ที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา และก็ปรากฏว่าเลื่อนไปเป็น 20 ตุลาคม อีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะยื้อ จะดึงอะไร
.
ทั้ง 3 กรณี เราเห็นอะไร?
.
เราเห็นว่าศาลทหารมีการช่วยเหลือกันแบบระบบรุ่นหรือไม่?
.
เราเห็นว่าศาลพลเรือนนั้นบุคคลที่กระทำผิดซึ่งตกเป็นจำเลย หรือแม้แต่โจทย์ก็ได้สู้คดีกันอย่างเต็มที่กว่าหรือไม่?
.
เราเห็นว่าความพยายามทวงถามเรื่องขอบเขตอำนาจศาลนั้น คือต้องการที่จะให้คดีของบุคคลที่เป็นทหารกลับไปอยู่ในแดนสนธยาดำมืด คงอำนาจกองทัพที่ได้ “อภิสิทธิ์” กว่าใครเช่นเดิมใช่หรือไม่?
.
สำหรับในส่วนของ 3 หลักการยืนยัน ที่ผมจะใช้อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้แก่
.
1. ร่างกฎหมายฉบับนี้ยันยันหลักการ “คนเท่ากัน”
.
นั่นเพราะว่าจะต้องไม่มีใครได้อภิสิทธิ์เหนือกว่าใคร ทำความเข้าใจตรงนี้ชัดๆ ว่าทหารก็คือข้าราชการ สังกัดกระทรวงกลาโหม สังคมเขาก็มีคำถามว่า แล้วทำไมต้องมี “ศาล” สำหรับการพิจารณาคดีของตัวเองด้วย
.
ในสภาวะที่บ้านเมืองมีศึกสงครามนั้นเข้าใจได้ครับ ศาลทหารมีไว้พิจารณาเรื่องวินัยทหาร เรื่องคนหนีทัพ แหกค่าย ฯลฯ แต่ในสภาวะปกติล่ะ คดีความที่ไม่เกี่ยวกับระเบียบวินัยทหาร พวกคดีอาญา ปล้น ฆ่า ฉ้อฉล คอรัปชั่น เหล่านี้ต้องไปขึ้นศาลพลเรือน
.
2. ร่างกฎหมายฉบับนี้ยืนยันหลักการ “แบ่งแยกอำนาจ”
.
วิชารัฐศาสตร์เบื้องต้นสอนเราว่า อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการนั้น ต้องแบ่งแยกและถ่วงดุลย์กัน
.
ฝ่ายบริหารคือรัฐบาลมีหน้าที่บริหารประเทศ ฝ่ายนิติบัญญัติมีหน้าที่ออกกฎหมาย ขณะที่ฝ่ายตุลาการมีหน้าที่พิจารณาพิพากษาตัดสินคดีความ แยกออกจากกันอย่างชัดเจน
.
ดังนั้น เราจะเห็นว่าบุคคลในส่วนขององค์กรตุลาการ เขาจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรมนะครับ หากแต่ขึ้นกับสำนักงานศาลยุติธรรม นั่นก็เพื่อที่จะให้ปราศจากการแทรกแซง เพื่อที่จะให้มีความเป็นอิสระในการพิจารณาคดี
.
แต่สำหรับอัยการทหาร นายทหารพระธรรมนูญ ผู้พิพากษาในศาลทหาร เหล่านี้สังกัดอยู่ในกรมพระธรรมนูญทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้บังคับบัญชา ถามว่าจะมีความเป็นอิสระ ปราศจากการแทรกแซงได้จริงไหมแบบนี้
.
3. ร่างกฎหมายฉบับนี้ ยืนยันหลักการ “ปฏิรูปกองทัพ”
.
นี่จะเป็นกุญแจดอกแรกที่จะเปิดไปสู่ประตูอีกหลายๆ บาน เกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพครับ
.
ซึ่งเอาแค่ง่ายๆ เรื่อง “เกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ” โดยที่ไม่มีใครต้องถูกบังคับไปจับใบดำ-ใบแดง
.
กรณีนี้ ถ้าพลทหารที่ถูกครูฝึก ถูกรุ่นพี่ ซ้อมทรมาน แล้วได้รับโทษที่ได้สัดส่วน ไม่ใช่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบระบบอุปถัมภ์ เมื่อพลทหารได้รับความเป็นธรรมจากการตัดสินของศาลพลเรือน ผมเชื่อมั่นว่ามันจะทำให้ไม่มีครูฝึกหรือแม้แต่รุ่นพี่คนไหน กล้าที่จะ “ทำร้ายร่างกาย” หรือ “ลงโทษบ้าๆ” กับพลทหารอีก
.
นี่คือหลักประกัน ที่จะทำให้สังคมเชื่อมั่น
.
แต่ถ้ายังปล่อยให้ครูฝึกที่ทำร้ายร้างกายทหารจนเสียชีวิต แล้วยังขึ้นศาลทหาร แล้วหลุดรอดคดีหรือแม้โทษที่ได้รับเบาหวิว
.
ถามว่าจะมีใครอยากสมัครใจมาเป็นทหาร? จะมีพ่อแม่คนไหนที่อยากให้ลูกของตัวเองเป็นทหาร?
.
ปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่เรื่องที่จู่ๆ กองทัพจะลุกขึ้นมาทำเองอย่างแน่นอน ประชาชนทุกคนต้องออกมาช่วยกันส่งเสียง ออกมากดดัน, พรรคการเมืองทุกพรรค-นักการเมืองทุกคน ต้องเอาด้วย และต้องเอาจริงเอาจัง อาศัยเจตจำนงที่มุ่งมั่นจริงๆ
.
ไม่ใช่แค่ประกาศบนเวทีหาเสียง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ “ข้ออ้าง” ในการขึ้นสู่อำนาจแล้วสุดท้ายก็ไม่กล้าแตะต้องอะไรกองทัพ
.
ยิ่งในสถานการณ์ที่กระแสของกองทัพได้รับความนิยมอย่างในขณะนี้ ผมคิดว่าเราต้องแยกแยะ ไม่ใช่ว่า “ขี้ทหาร” นั้นหอมไปเสียทั้งหมด จนไม่สนหลักการ จนหลับตาให้แม้แต่กับเรื่องทุจริตคอรัปชั่น หลับตาให้แม้แต่เรื่องการทำร้ายร่างกาย การซ้อมทรมาน การที่มีคนตายในค่ายทหาร
.
นี่คือ 3 กรณีศึกษา และ 3 หลักการยืนยัน ที่ผมนำมาอภิปรายสนับสนุนร่างแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้
.
ซึ่งในที่สุด สภาผู้แทนลงมติ “รับหลักการ (วาระ 1)” โดยจำนวนผู้ลงมติ 320 คน เห็นด้วย 315 คน ไม่เห็นด้วย 0 คน งดออกเสียง 4 คน และไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน
.
นับเป็นก้าวแรกของการเปิดประตู “ปฏิรูปกองทัพ”
.
https://www.facebook.com/ChetawanPPLE/posts/pfbid0msTZEorPHj8WZmkaAAtfKJEgy2MZioNn17NXBuNtLUaFtyx4hrFPXwZJkLmJYpHUl
.
.
พฤติกรรมสลด! ชาวเขมรแห่ยินดีไทยถนนยุบ เย้ยบอกเป็น ‘เวรกรรม’ที่บุกกัมพูชา
https://www.dailynews.co.th/news/5142453/
.
เปิดพฤติกรรมน่าสลด ชาวเขมรแห่ยินดีไทยถนนยุบ เย้ยบอกเป็นเวรกรรมที่บุกกัมพูชา และอยากได้ดินแดน
.
.
เพจดัง เผยกัมพูชาเกิดเหตุระทึก เรือชนกันที่พระตะบอง เสียชีวิต 4 ราย เจ็บ 31 ราย
https://www.matichon.co.th/local/news_5381789
.
เพจดัง เผยกัมพูชาเกิดเหตุระทึก เรือชนกันที่พระตะบอง เสียชีวิต 4 ราย เจ็บ 31 ราย
.
เมื่อวันที่ 24 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ Army Military Force รายงานว่า เกิดเหตุเรือชนกันอย่างรุนแรงในการแข่งขันเรือประเพณีประจำปี ณ บ้านอันลองตาอูร์ ตำบลเกาะจีเวียง อำเภอเอกพนม จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เบื้องต้น มีรายงานผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งอาการสาหัสและเล็กน้อยรวม 31 ราย
.
นอกจากนี้ หลังเกิดอุบัติเหตุ เจ้าของเรืออีกฝ่ายได้แสดงความไม่พอใจ จึงบันดาลโทสะใช้ไม้ทุบทำลายเรือสำรอง ของฝ่ายคู่กรณีที่จอดอยู่ริมตลิ่งจนได้รับความเสียหายอย่างหนัก
.
หลังจากนั้น กลุ่มวัยรุ่นกันพูชาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้เข้าผสมโรงยกพวกตะลุมบอนทุบตีกันอย่างชุลมุน สร้างความวุ่นวายในพื้นที่เกิดเหตุ
.
https://www.facebook.com/armymilitaryforcenews/posts/pfbid0W7v65VVdUYSUCEngXVsmxzV4GJe1MjpL6zaSUop8J8rwgzmC9dGhWvUiXUoRYSTFl