[CR] ผาสองฤดู ดอยแบวี ชีวิตนี้ต้องลอง !

สวัสดีครับ นี่กระทู้แรกของผมเลย ตื่นเต้นๆ ฮ่าๆๆ อมยิ้ม15
คือมีเพื่อนในเฟสบุ๊คผมคนนึง ได้แชร์กระทู้ http://pantip.com/topic/33004270 ก็เลยเกิดเป็นการเดินทางของเราขึ้นมาครับ(แต่เพื่อนคนแชร์ไม่ได้ไปด้วยนะ = =") ทริปนี้เป็นทริปสั้นๆ คือชวนกันก่อน 1 วัน แล้วไปเลย !
เราไปกันช่วงใกล้ๆปีใหม่ 29 - 30 ธันวาคม 2557 ไปกัน 4 คน ครับ
เริ่มต้นเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ โดยรถเหลือง สาย เชียงใหม่-จอมทอง

ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษๆ ก็ไปถึงลานข้างๆวัดพระธาตุจอมทอง
หลังจากนั้นก็หาวิธีการไปยัง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง) ซึ่งแยกเลี้ยวขวาไปที่ กม.31 บ้านขุนวาง
ไม่ยากเลยครับ เราเดินๆไปๆมาๆอยู่บริเวณลานนั้นก็มีคนเข้ามาเสนอโปรโมชั่นการเดินทางมากมาย ตกลงกันไปตกลงกันมา
ได้ที่ราคา 1300 บาท หาร 4 ได้คนละ 325 บาท(ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลน่าจะถูกกว่านี้)
แล้วก็เดินทางต่อ แวะถ่ายรูปที่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ดอยอินทนนท์ (ดอกพญาเสือโคร่งกำลังเริ่มออกดอกพอดีเลยครับ)


จากแยก กม.31 มาถึง ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง) ระยะทางประมาณ 17 กม. ทางค่อนข้างดีครับ มีโค้งหักศอกลงดอย ขึ้นดอยบ้าง
ใครเมารถง่ายๆ(แบบผม) ได้เวลาผลิตโจ๊กกันแล้วคร๊าบบบ
มาถึงศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง) พี่ๆเค้ามีเต้นอำนวยการตั้งอยู่ เดินเข้าไปสอบถามได้เลยครับ
อ่อๆ ลืมบอก...เมื่อเช้าตอนมาถึงจอมทอง ผมโทรมาสอบถาม จองคนนำทางไว้แล้วครับ

รูปนี้ไม่ใช่คนนำทางนะครับ เป็นพี่คนขับรถที่พาเรามาถึงอย่างปลอดภัยครับ

แหม่ ! มาถึงช่วงเกือบเที่ยงก็ต้องพักหาอะไรทานก่อนครับ ข้าวไข่เจียว เมนูเด็ด เพราะมีเมนูเดียว 555555+

หลังจากพักทานข้าวเรียบร้อย พี่คนนำทางก็พร้อมแล้ว ก็เริ่มลุยออกเดินเลยครับบบบบ


ทางเดินก็ง่ายๆถนนปูนเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆ ระยะทางประมาณ 1.3 กม.

อ่ะแน่.....เมื่อกี้หลอกครับบบบบบบบ นี่แหละของจริง !
คนแข็งแรงแบบผม หอบตั้งแต่เมื่อกี้แล้วครับ !!!

ทางเดินขึ้นมีให้เลือกสามทางครับ ผมที่หอบแล้วก็เลยขอเลือกทางที่ชันน้อยที่สุด
ระยะทางพอเหมาะพอดี 5 กิโลแม้ว (ถ้าเลือกทางชั้นที่สุดระยะทาง ประมาณ 1.3-1.6 กม.)




ทางเดินเป็นทางแคบๆ มีต้นไม้ ใบหญ้า ค่อนข้างชัน มีหมอกบ้างเป็นบางช่วง ผมนี่จอดทุกสิบเมตรเลยครับ
เหนื่อยโคตรรรร !!!!!!!!

ถึงแล้วครับ รวมเวลา ออกเดิน 12.30 น. มาถึง 15.30 น. 3 ชั่วโมง (ทีมฟิตๆ เค้าเดินกัน 2 ชั่วโมง)
แต่คุ้มครับ ภาพแรกที่เห็น หมอกหนาๆ และแสงแดดสาดส่อง ต้องมาเห็นเองอ่ะ ถึงจะเข้าใจ พูดเลยยย !

พักเหนื่อยสักครู ก็มาช่วยกันกางเต้น หมายถึง เค้าช่วยกัน 3 คน ส่วนผมนั้น หมดแรง ขอยืนดูละกัน หัวเราะ
หมอกลงหนามากๆ สลับกับฝนพรำนิด หนาวเอาเรื่องเหมือนกันครับ วัดอุณหภูมิได้ 8-9 องศาเนี่ยแหละ
พี่คนนำทางบอกว่ามีลำธาร น้ำสะอาด ต้มแล้วดื่มได้ พี่เค้าหายไปซักพัก กลับมาพร้อมน้ำใสๆ 2 ขวด
โอ้โห ! ดูแลดีมากกกกก ครับ


นู่นครับ ยอดนู่นนนนนนนนนนนนน เป้าหมายเราวันพรุ่งนี้
พี่คนนำทางบอกว่า ชันกว่าที่เดินขึ้นมาอีก ! หลิ่วตา

พักคุยกับพี่คนนำทางซักพัก ก็มีทีมที่ 2 เดินขึ้นมาถึงครับ พี่เค้าบอกว่าวันนี้มีคนโทรมาจองไว้ 3 ทีม

โหววว ได้เจอเพื่อนใหม่ ตื่นเต้นๆ

พี่คนนำทางมาช่วยกันก่อกองไฟให้พวกเราพิงไฟอุ่นๆกัน

ตอนกลางคืนเราก็มานั่งผิงไฟ ปิ้งอะไรทานกัน ลืมบอก(อีกละ!!) ผมแบกลูกชิ้นขึ้นมาด้วย 2 กก. ครับ 5555555+
มีน้ำดื่มขวดใหญ่อีกคนละขวดสองขวด ขนมปัง ทูน่ากระป๋อง แบ่งๆกันแบกมาครับ
ปิ้งไปคุยกันไป สนุกดีครับ ชวนพี่ๆเค้าคุยด้วย แต่น่าเสียดายลืมถ่ายรูปไว้ครับ อ๋อออ...พี่เค้าใจดีแบ่งมาม่าคัฟให้ 2 กล่อง

อากาศหนาวมาก ถึงมากโคตรๆๆๆๆๆๆๆๆ
เหลือ 2 องศา นิดๆ ครับ สมาร์ทโฟน ตราผลไม้ ถึงขั้นทำงานไม่ออก ส่วนสัญญาณโทรศัพท์นั้น มีบ้างเป็นบางที่ ใครหามุมเจอก็ได้ใช้กันไป
บรรยากาศเงยบ และมืดมาก ดาวสวยมากครับ ไม่มีแสงรบกวนแบบในเมือง แล้วเราก็แยกย้ายกันเข้านอน ประมาณสองทุ่มครับ มืดเหมือนเที่ยงคืนเลย

ตั้งนาฬิกาปลุก ตื่นจากขดตัวในถุงนอน มาท้าลมหนาวกับความมืดมิดของวันใหม่

นั่นไงครับเป้าหมายของเรา(อันที่จริงยังมืดอยู่ครับ ภาพถ่ายไว้เมื่อวาน)

สุ่มเดินไปกับไฟฉายดวงน้อยๆ เริ่มเห็นขอบฟ้าลางๆแล้วครับ
ทางเดินขึ้นยอดดอยชันมาก ลื่นด้วยครับ(กลางคืนมีฝนตก) ฉุดกระชากลากต้นไม้แถวนั้น
ตะเกียกตะกายแบกตัวเองขึ้นไปหล่ะครับ

ตรงจุดนี้ น่าจะประมาณครึ่งทางแล้วหล่ะครับ มีลมหนาวโกรกตลอดเวลา คนฟิตแบบผมเลยกะโกนบอกเพื่อนว่า
ไปก่อนเลย ขอหยุดถ่ายรูปแป๊บ(เนียนมั้ยหล่ะ ?หัวเราะ)

มาถึงตรงจุดยอดแล้วครับ เราจะเจอกับพระบรมธาตุขุนวาง เมื่อคืนนั่งคุยกับพี่คนนำทาง
พี่เค้าเล่าว่า คนแรกที่ขึ้นมาบนนี้เป็นพระภิกษุ แต่ไม่แน่ใจว่าท่านมาจากที่ไหน ท่านได้เดินธุดงค์มาเรื่อยๆ จนถึงผาแง่มนี้
แล้วได้สร้างพระบรมธาตุไว้ เมื่อ ปี พ.ศ. 2541 ตัวพระธาตุเองเคยถูกฟ้าผ่าและได้รับการซ่อมบำรุงแล้ว ส่วนตัวพระภิกษุเอง จะเดินธุดงค์มาที่นี่เป็นประจำทุกปี ปีละหนึ่งหน

มาถึงแล้วก็จับจองมองหาที่นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นกันครับ

พระอาทิตย์ขึ้นเร็วมากครับ เมื่อกี้ยังเป็นเส้นขอบฟ้าสีส้มๆอยู่เลย เห็นแล้วสดชื่นครับ หายเหนื่อย

เจอเพื่อนใหม่ครับ พี่เค้ามาจากทีมที่ 3 ที่ขึ้นมากางเต้นท์ เดินตามๆกันขึ้นมาครับ(ถ้าใครรู้จักก็ขออนุญาตลงรูปนะครับ =/\=)




ชมพระอาทิตย์ขึ้นกันเต็มอิ่มเลยครับ อิ่มใจมากๆครับ เหมือนได้ชาร์จพลังงานแสงมาเต็มที่ เริ่มเข้าใจคนที่ชอบขึ้นดอยไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าแล้วหล่ะครับ 555+
ท้องเริ่มร้อง ได้เวลากลับไปยังจุดกางเต้นท์แล้ว

ตอนนี้ฟ้าสร่าง สว่างขึ้นมาแล้วครับ เดินได้ไม่มีปัญหา(ปัญหาคือทางชันและลื่นเหมือนเดิมครับ)


เดินลงไป ถ่ายรูปไป มีความสุขจริงๆครับ

พอฟ้าสว่างเต็มที่เราก็เห็นทางที่เราเดินขึ้นมาเมื่อตอนเช้ามืด โอ้โหหหหห สูงโคตรรรร !!

เพื่อนผมได้มุมเดี่ยวมาหนึ่งมุม ตัวขนาดผมคงไปอยู่มุมนี้ไม่ได้ ไม่เอาไม่พูด

นั่นไงครับ เต้นท์ที่พักของเรา หลังเล็กนิ๊ดเดียวววว

กลับมาถึงก็จัดแจงของกิน ทานหนมปัง ทูน่ากระป๋อง แล้วก็กาแฟ หลังจากนั้นก็เริ่มเก็บของเตรียมตัวกลับลงดอยครับ

ขาลงนี้ เราเลือกทางลงอีกทางหนึ่งครับ(แต่ไม่ใช่ทางที่ชันที่สุดอยู่ดี 555555+) ข้างทางตอนต้นๆจะเป็นป่าเฟิร์น
พอลงไปสักพักจะเป็นป่าสนครับ ทางชันกว่าตอนขึ้นมา ลื่นเพราะฝนเมื่อคืน
ผมล้มไป 6 ครั้ง ครั้งที่ 5 ไถลลงดอยเลยครับ(นึกว่าหัวแตกซะแล้วววว โชคดี รอด ! เท่)

ขาลงเป็นทางชันลงดอยอย่างเดียว ไม่ต้องเดินขึ้นใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆก็ถึงหมู่บ้าน

ถึงศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่(ขุนวาง) คงถือเป็นการสิ้นสุดทริปการเดินทางของพวกผมเพียงเท่านี้ครับ
เหนื่อยมากครับ ขาเมื่อยล้าไปหมด แต่ได้ความอิ่มอกอิ่มใจ ที่คงหาอะไรมาทดแทนไม่ได้แล้วหล่ะครับ

ข้างบนไม่มีห้องน้ำนะครับ เชิญขุดหลุมได้ตามอัธยาศัย
อากาศหนาว เย็น มากกกกกกกก ไม่เหมาะกับคนเป็นโรคหอบหืดสักเท่าไหร่ครับ(ใช้ยาพ่น ยังพอไหวครับ)
กางเกงยีนส์ไม่ว่าจะถูกหรือแพง ไม่ได้ทำให้เดินได้ดีขึ้นเลยครับ ผมพิสูจน์มาแล้ว 5555+

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ค่ารถ 1,300 บาท(/4 = 325 บาท/คน) ค่าคนนำทาง วันละ 500 บาท(/4 = 250/คน) ค่ารถขากลับ 800 บาท(/4 = 200 บาท/คน) ค่ารถเหลือง เชียงใหม่จอมทอง คนละ 25 บาท + ค่าของกินตามอัธยาศัย
ผมเสียเงินทั้งหมดทริปนี้ 1,500 บาท ครับ

ขอบคุณ พี่หล้า คนนำทางแสนใจดีของทีมเราด้วยนะครับ ดูแลพวกเราอย่างดี เป็นกันเองมากๆครับ
ขอบคุณพี่ๆที่มานั่งคุยกัน แล้วเรียกผมว่าน้องลูกชิ้น แล้วก็พี่ที่เจอบนยอด 5555+ สนุกมากครับ ได้เพื่อนใหม่ ใหม่จริงๆ
ใครอยากมีประสบการณ์ดีๆ แนะนำที่นี่เลยครับ ครบทุกรสชาติครับ

สุดท้ายนี้ ฝรั่งนิรนามท่านหนึ่งที่ผมเคยเจอในกูเกิ้ล ฝากไว้ว่า Take Nothing but Pictures, Leave Nothing but Footprints, Kill Nothing but Time อย่าลืมเก็บขยะลงมาทิ้งด้วยนะครับ

ถ้าข้อมูลของผมผิดพลาดยังไง แนะนำให้ผมแก้ไขได้นะครับ ยิ้ม
เชื่อผมเถอะ ไปดูด้วยตาตัวเอง มันสวยที่สุดแล้ว
ชื่อสินค้า:   ผาสองฤดู ผาแง่ม
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่