นายอมาตยา เซ็น ศาสตราจารย์ ม.ฮาร์วาร์ด ผู้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ได้ตีพิมพ์บทความในหนังสือพิมพ์ชั้นนำของอังกฤษ "เดอะ การ์เดี้ยน" ในวันที่ 6 ม.ค. 2558 ยกย่องนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคว่าเป็นนโยบายสาธารณสุขที่โลกควรเอาเป็นแม่แบบ และยกให้เป็นนโยบายตัวอย่างของโลก ที่ให้หลักประกันสุขภาพกับประชาชน
โดยยกให้ไทยเป็นประเทศตัวอย่าง ที่มีนโยบายทางการเมืองที่สามารถผลักดันให้มีหลักประกันสุขภาพแก่ประชาชน จนทำให้อัตราการตายของประชากรไทยลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการตายของเด็กแรกเกิดลดต่ำลงจนเหลือเพียง 11 ใน 1,000 คน อายุขัยโดยเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 74 ปี ตัวเลขสำคัญของอัตราการตายของเด็กแรกเกิดที่ลดลงนี้ได้กระจายไปทั้งในกลุ่มคนยากจน และคนรวย ถือเป็นดัชนีของการให้หลักประกันสุขภาพที่ลดช่องว่างในสังคม และเป็นนโยบายที่สร้างความเท่าเทียมกันในสังคมด้านการแพทย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้มีคนโจมตีว่านโยบายประชานิยมไม่ยั่งยืน แต่ไม่ควรเหมารวมเพราะหลายนโยบายเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังได้กล่าวขอบคุณแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ไทยทุกคนที่มีส่วนร่วมผลักดันจนนโยบายนี้สำเร็จ จนองค์การอนามัยโลกใช้เป็นแบบอย่างในหลายประเทศ"
Cr.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://tnews.teenee.com/politic/117218.html
นักวิชาการรางวัลโนเบล ยกย่อง "30 บาท" โลกควรเอาเป็นแม่แบบ
โดยยกให้ไทยเป็นประเทศตัวอย่าง ที่มีนโยบายทางการเมืองที่สามารถผลักดันให้มีหลักประกันสุขภาพแก่ประชาชน จนทำให้อัตราการตายของประชากรไทยลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด อัตราการตายของเด็กแรกเกิดลดต่ำลงจนเหลือเพียง 11 ใน 1,000 คน อายุขัยโดยเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 74 ปี ตัวเลขสำคัญของอัตราการตายของเด็กแรกเกิดที่ลดลงนี้ได้กระจายไปทั้งในกลุ่มคนยากจน และคนรวย ถือเป็นดัชนีของการให้หลักประกันสุขภาพที่ลดช่องว่างในสังคม และเป็นนโยบายที่สร้างความเท่าเทียมกันในสังคมด้านการแพทย์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ด้าน นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีต่างประทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้มีคนโจมตีว่านโยบายประชานิยมไม่ยั่งยืน แต่ไม่ควรเหมารวมเพราะหลายนโยบายเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังได้กล่าวขอบคุณแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ไทยทุกคนที่มีส่วนร่วมผลักดันจนนโยบายนี้สำเร็จ จนองค์การอนามัยโลกใช้เป็นแบบอย่างในหลายประเทศ"
Cr.[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้