[7วันจองเวร] ความไม่สมจริงของบทและรายละเอียดบางอย่าง ที่ควรต้องปรับปรุงนะครับ

ผมนั่งดูละครเรื่อง 7 วันจองเวร ตั้งแต่ตอนแรกด้วยความบังเอิญ พบว่าละครมีโปรดักชั่นที่เข้าท่าเลยทีเดียว ดูมีการลงทุนอยู่ไม่น้อย บวกกับเนื้อหาที่ดูแล้วน่าสนใจ วันนี้เลยลองติดตามดูตอนที่ 2 แต่แล้วผมกลับมาพบจุดผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ นั่นคือเรื่อง "การเปิดเผยความลับของผู้ป่วย" ซึ่งผมในฐานะที่เป็นคนในวงการสาธารณสุข ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล บอกเลยว่าผมรับไม่ได้ เพราะประเด็นการรักษาความลับของผู้ป่วย ถือเป็นประเด็นที่บุคลากรทางการแพทย์ให้ความสำคัญมากๆ อย่าว่าแต่คนนอกเลยครับ เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเอง ก็ยังมีระดับของความสามารถในการเข้าถึงเพื่อดูข้อมูลผู้ป่วยที่ไม่เท่ากันเลย แต่ในละครกลับไม่ให้ความสำคัญในประเด็นเหล่านี้เลย

จะบอกว่าจริงๆผมรู้สึกตะหงิดๆตั้งแต่บางฉากของละครในตอนแรกแล้ว แต่ก็ให้อภัย คิดว่ามองข้ามๆไปบ้าง แต่แล้ววันนี้ยังมาอีก ซึ่งวันนี้เล่นซะ กะว่าให้ป็นไฮไลต์ของเรื่องเลย ผมเองไม่อยากให้ที่คนดูละคร ถูกครอบงำด้วยความคิดที่ผิดๆไป จึงต้องขอมาระบายและอธิบายถึงความเป็นจริงให้ฟัง

จุดแรก ซึ่งเป็นฉากในละครตอนแรก เป็นฉากที่พูดถึงตัวพระเอกที่นำแสดงโดยชาคริต ต้องการจะพิสูจน์ให้เพื่อนที่เป็นหมอ ซึ่งรับบทโดยวีเจจ๋า เชื่อว่าตัวเค้าเองมองเห็นผีพยาบาล โดยการ"วิ่งพรวด" เข้าไปในห้องเก็บข้อมูลเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ขอใช้คำว่า"วิ่งพรวด"จริงๆครับ แล้วก็เข้าไปค้นหาข้อมูลเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่มีระบบการป้องกันอะไรเลย โดยที่มีตัวหมอซึ่งเป็นเพื่อน ยืนมองโดยไม่คิดจะห้ามอะไรเลย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประวัติเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลของแต่ละแห่งจะถูกจัดเก็บโดยฝ่ายบุคลากรของแต่ละโรงพยาบาล โดยจะ"ต้องมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ" เพื่อดูแลและมีมาตรการในการขอดูประวัติ อย่างที่ผมบอกข้างต้นว่า แม้จะเข้าฐานระบบข้อมูลโรงพยาบาลได้ ก็ใช่ว่าจะเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ แล้วยิ่งในเรื่องตัวคุณหมอที่เป็นเพื่อน ก็น่าจะเป็นเพียงแพทย์ผู้ตรวจ ที่ไม่ได้มีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร ซึ่งก็ไม่ควรจะเข้าถึงข้อมูลต่างๆได้มากมายเกินปกติอย่างในละคร

จุดที่สอง ซึ่งเป็นจุดที่ผมไม่สามารถให้อภัยได้เลย ของละครในตอนที่2 เป็นฉากที่ตัวพระเอก พยายามจะค้นหาสาเหตุการเสียชีวิตของตัวผีพยาบาล โดย"วิ่งพรวด"เข้าไปในห้องเก็บแฟ้มประวัติของผู้ป่วย ที่"ไม่มีระบบการป้องกันอะไรเลยอีกแล้ว" และก็ยังมีตัวหมอซึ่งเป็นเพื่อน "ยืนมองโดยไม่คิดจะห้ามอะไรเลยอีกแล้ว" แถมวันนี้หนักกว่าอีก มีการเข้าใช้ระบบฐานข้อมูล "เพื่อค้นหาประวัติผู้ป่วยด้วยตัวเอง" เสมือนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเองซะงั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เวชระเบียนของผู้ป่วย ต้องถูกเก็บโดยหน่วยที่เกี่ยวข้อง และจะ"ต้องมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบ" เหมือนประวัติเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล แต่อันนี้จะเข้มข้นกว่าอีก โดยจะดูแลและมีมาตรการในการขอดูประวัติ แล้วยิ่งเป็นบุคคลภายนอกอีก แม้จะเป็นญาติพีน้องของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลก็เหอะ ก็"ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปค้นดูประวัติผู้ป่วยคนอื่นๆได้" แม้แต่ประวัติการเจ็บป่วยของตัวผู้ป่วยเอง จะขอดูก็ต้องมีขั้นการขอ ที่ไม่ได้ง่ายเหมือนเดินเข้าไปหยิบของใน7-11 อย่างในละครเรื่องนี้

จุดที่สาม เป็นฉากต่อเนื่องจากจุดที่สอง เป็นฉากที่พระเอกนั่งอ่าน Chart ผู้ป่วย เพื่อหาข้อมูลการเสียชีวิตของผีพยาบาล ผมมั่นใจว่าที่ตัวพระเอกถือคือ Chart ผู้ป่วยเป็นแน่ เพราะรูปแบบฟอร์มนั่นค่อนข้างเป็นสากล คำถามคือ นั่นแปลว่า ตัวพระเอกจะต้องมีความรู้ทางการแพทย์อยู่ไม่ใช่น้อย เพราะใน Chart ส่วนใหญ่มักจะเป็นการเขียนโดยใช้ตัวย่อ คำคัพท์ทางการแพทย์ เป็นหลักๆ แต่ตัวละครตัวนี้ ในบทเป็นพีธีกรที่มีชื่อเสียงกับรายการดังของตัวเอง ซึ่งในละครก็ไม่ได้กล่าวภูมิหลังอะไรที่เกี่ยวกับทางการแพทย์

จุดที่สี่ เป็นจุดเล็กๆน้อยๆ แต่ก็ไม่อยากให้มองข้ามไป นั่นคือ ในเรื่องมีน้องพยาบาลหน้าตาน่ารัก ถ้าผมจำไมผิดในเรื่องชื่อ "ฤดี" ซึ่งเป็นพยาบาลที่ทำหน้าที่ดูแลตัวพระเอก ขณะนอนโรงพยาบาล ซึ่งที่ผมเห็นคือ พยาบาลคนนี้ปล่อยผมยาว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พยายาลที่จะต้องปฏิบัติงานโดยเฉพาะให้บริการผู้ป่วย จะต้อง"รวบผม เก็บให้มิดชิด" เพื่อความสะดวกในการทำงาน และลดโอกาสการปนเปื้อนเชื้อไปสู่ผู้ป่วยด้วย ซึ่งผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าละครไทย มักมองข้ามเรื่องนี้เป็นประจำ ซึ่งก็เข้าใจครับว่าบางครั้งการรวบผม อาจทำหน้าตานักแสดงบางคนไม่สวยสดเท่าที่ควร แต่ต้องอย่างลืมว่าเค้าสวมบทเพื่อทำงานพยาบาลดูแลคนไข้นะครับ ไม่ใช่สวมบทนักแสดง

ที่ผมตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้เป็นติ่ง หรือม้าของใครใดๆทั้งนั้น หากแต่ต้องการให้คนที่ผลิตละคร มีความใส่ใจในรายละเอียดของสื่อที่จะนำเสนอด้วย เพราะละครถือเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมากจริงๆ ผมเองมักเห็นข้อคิดเห็นหลายๆครั้งต่อกระทู้แบบเดียวกับผมว่า คิดมากไปหรือเปล่า ก็แค่หนังแค่ละคร ดูเอาเพลินๆ หากแต่ผมมองว่าไม่ใช่ เพราะถ้าคนที่ผลิตหนังหรือละครใส่รายละเอียดที่ผิดเพี้ยนหรือบิดเบี้ยวลงไป มันจะเป็นภาพจำที่ผิดๆ และจะส่งผลครอบงำความคิดอ่านหรือวิธีมองต่อสถานการณ์ที่ผิดเพี้ยนไป อย่างประเด็นเรื่อง การรักษาความลับของผู้ป่วยนี้ หากไม่มีใครทักขึ้นมา คนก็จะมีภาพจำว่า โรงพยาบาลไหนๆก็จะมีแนวทางปฏิบัติไม่ต่างจากในละคร ซึ่งในความจริงมันไม่ใช่

ผมเองอยากเห็น การพัฒนาขึ้นไปของละครไทย ที่มีความหลากหลายและสมจริงมากขึ้นกว่าที่เป็นๆอยู่ ซึ่งมองว่าละคร 7 วันจองเวร เองก็พยายามที่จะพัฒนาและสร้างมิติใหม่ๆ ด้วยโปรดักชั่นที่ลงทุนมากขื้น การถ่ายทำที่คล้ายภาพยนตร์ หากแต่ถ้ายังไม่ปรับวิธีคิดในการเขียนบท ที่ขาดการทำการบ้านด้านความใส่ใจในรายละเอียดที่สำคัญแบบนี้ ผมมองว่ามันก็ยังเป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนานะครับ แต่ยังไงผมก็เป็นกำลังใจให้กับคนทำหนังหรือละคร ที่พยายามพัฒนาให้มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ถือว่ากระทู้นี้เป็นการติเพื่อก่อแล้วกันนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่