สวัสดีค่ะทุกๆท่านในเว็บพันทิปนี้นะคะ วันนี้ฤกษ์งามยามดี เลยถือโอกาสสมัครสมาชิกเว็บแล้วตั้งกระทู้สนทนานี้ขึ้นมาค่ะ
ก่อนอื่นต้องขออภัยนะคะหากพิมพ์ได้ไม่น่าอ่านหรือผิดพลาดอย่างไร ทุกๆท่านแนะนำได้เลยนะคะ เนื่องจากวนนี้เป็นวันที่ 11 เดือน 1 ซึ่งเป็นวันครบรอบเดบิวท์ของศิลปินไต้หวันวงหนึ่งที่เราชอบค่ะนั่นก็คือวง JPM นั่นเองง เรารู้จักพวกเค้าครั้งแรก ตอนอยู่ ม.1 ค่ะ จนตอนนี้ก็อยู่ ม.4 แล้ว (เรียนศิลป์ภาษาจีนค่ะ) ขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่า ร.ร. ที่ จขกท. เรียนชั้น ม.ต้น บังคับให้เลือกแผนการเรียนสองครั้งค่ะ ก็คือตอน สอบเข้าม.1 และจะเปลี่ยนได้อีกทีตอน ขึ้น ม.4 ค่ะ โดยแผนการเรียนของเด็กๆม.ต้น มี ดังนี้ค่ะ วิทย์หรือคณิต-จีน วิทย์หรือคณิต-คอมพิวเตอร์ แล้วก็ วิทย์คณิตอังกฤษค่ะ จขกท.ผู้สอบเข้าไปอย่างงงๆถึงกับทรุดเลยค่ะ ไม่ชอบเรียนซักอย่าง 5555555 ตอนนั้นชอบเรียนเฉพาะวิชาภาษษอังกฤษค่ะ แต่ทุกๆแผนการเรียนก็ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นวิชาภาษาอังกฤษมากนัก (หน่วยกิต1.5เท่ากัน) ก็เลยต้องมานั่งคิดแล้วค่ะว่าจะเรียนอะไร วิทย์คณิตนี่ตัดไปอย่างแรกเลยสมองน้อยๆของ จขกท. ตอนนั้นไม่มีทางแบบรับไหว คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกวิชาหนึ่งที่ เกลียดเข้ากระดูกดำเลยค่ะ พูดง่ายๆว่าปกติใช้คอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิงเท่านั้นค่ะ และแล้วก็เหมือนฟ้าดินช่างเล่นตลก บีบบังคับให้เด็กหญิงตัวน้อยๆจำเป็นต้องเลือกแผน คณิต-ภาษาจีน วิชาที่เน้นวิชาแรก ไม่เคยชอบตั้ง แต่ออกจากท้องแม่ ส่วนอีกวิชา พึ่งจะเคยได้เรียนเป็นครั้งแรก ตอนเข้าม.1 นี่แล่ะ หาที่พึ่งไม่ได้เลย อาม่าที่บ้านก็พูดแต่ภาษาแต้จิ๋ว อางกงที่เคยเรียนภาษา จีนกลางมาก็เริ่มลืมเลือนวิชาไปแล้ว บอกเลยว่ามืดแปดด้าน ร.ร.ที่ จขกท. เรียนตอนประถมก็ไม่มีสอนซะด้วย แต่เพื่อนๆในห้องที่เลือกแผนจีน ส่วนใหญ่ จะมีพื้นฐานมากันอยู่แล้ว คนที่นั่งข้างๆ จขกท. นี่แล่ะค่ะ มาจากโรงเรียนจีนเลยค่ะ ขนาดเพลงมาร์ช ร.ร.เก่าถึงกับเป็นภาษาจีน เหมือนคนอื่นกำลังจะเดินแต่เราพึ่งจะคลาน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ต้องทนเรียนทั้งๆแบบนั้น เปิดมาคาบแรก เหล่าซือ(คุณครู)เปรี้ยวมากค่ะ! แบบไม่กล้าสบตากันเลยทีเดียวไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่าแต่นั่นก็ยิ่งทำให้ไม่กล้าเรียนวิชานี้ไปด้วย (แต่พอได้อยู่ด้วยจริงๆเหล่าซือท่านน่ารักมากเลยค่ะแต่ตอนที่ได้รู้เราก็เปลี่ยนเหล่าซือมาแล้ว) เหมือนเป็นการเปิดโลกของเด็กหญิง จขกท. กันเลยทีเดียวค่ะ พึ่งรู้ว่าภาษาจีนมีลำดับขีด มีพินอิน แต่ละคำกว่าจะออกเสียงได้นี่ก็แทบจะม้วนลิ้นเข้าไปติดคอหอย ยิ่งลำดับขีดยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ภาษาไทยนี่จะเริ่มเขียนจากหัวจากหางยังไงก็ได้ แต่ภาษาจีนนี่ไม่ได้เลย และเจ้านี่แทบจะเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้คะแนนภาษาจีนของเราแย่มากกก ในการสอบแทบทุกครั้ง ถ้าผ่านก็แค่คาบเส้นค่ะ ตอนม.1 คะแนนที่มากที่สุดที่เคยได้คือ 14 จาก 20 แต่ก็แค่ครั้งเดียว ของปีการศึกษานั้นเลยค่ะ ตอนนั้นหัวสมองเราปิดกับภาษาจีนมาก เรียนไม่ได้ จำเท่าไหร่ก็จำตัวอักษรไม่ได้ ศัพท์ก็ได้แค่บางคำจริงๆ ย้ำค่ะว่าบาง ตอนนั้นก็
คิดว่าทนๆเรียนให้จบตอนม.ต้น แล้วค่อยไปเปลี่ยนสายใหม่ตอนม.ปลายก็แล้วกัน T___T
แต่แล้ววันดีคืนดี จขกท. ก็เปิดทีวีผ่านๆไปยังช่อง ทรูมิวสิค แล้วทางช่องก็เปิดเพลงๆนึงขึ้นมาค่ะ เป็นเพลงอารมณ์อิเล็คทริคป๊อปค่ะ ซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นกับเพลงแนวนี้เลยและฟังด้วยหูเราสามารถสัมผัสได้ ว่าเป็นเพลงจีนค่ะ กะว่าจะเปลี่ยนช่องหนีแล้ว แต่แล้ววววววววววววว หูก็สัมผัสได้ถึงท่อนๆนึงในเพลง เป็นท่อนเล็กๆไม่ใช่ท่อนเด่นอะไรเลย เนื้อเพลงร้องว่า "tell me tell me 为什么" โหหูนี่ผึ่งเลยค่ะ ไอ่คำสุดท้ายดันพึ่งเรียนไปในคาบล่าสุดก่อนปิดวันเสาร์อาทิตย์ กลายเป็นว่าอยู่ดีๆก็ฟังออกท่อนนึง ท่อนเดียวจากเพลงทั้งหมด4นาที แต่ตอนนั้นมันมีความหมายมากสำหรับเรา รู้สึกแบบเต็มๆในอก อะไรแบบนั้นจนฟังจนจบเพลง แล้วสุดท้ายก็ได้รู้ว่าชื่อวง JPM และเจ้าเพลงที่ว่าคือเพลง 月球漫步 ยอมรับค่ะว่าตอนนั้นอ่านชื่อเพลงก็ไม่ออก เมมเบอร์ก็ไม่รู้จัก จนได้มารู้จักจากระทู้ Cpop จากในพันทิปนี่แล่ะค่ะ ในกระท็บอกวงนี้มี 3 คน ชื่อ หวังจึ เสี่ยวเจี๋ย แล้วก็เหมาตี้ ตอนนั้นรู้แค่ชื่อเลยค่ะ จำหน้าไม่ได้ เพราะใน MV ขึ้นแนะนำเมมเบอร์เป็นภาษาจีน เราก็เอาวะ ลองอ่านดู สุดท้ายก็แยกได้ค่ะ แยกเสี่ยวเจี๋ยได้เพราะอ่านคำว่าเสี่ยวที่แปลว่าเล็กออก แยกเหมาตี้ได้ เพราะอ่านตี้ที่แปลว่าน้องชายได้ สุดท้ายหวังจึ คนนี้อ่านไม่ได้ซักตัวค่ะ แต่เห็นว่าเหลืออยู่คนเดียว จนสุดท้ายก็แยกออกจนได้ เห็นมั้ยคะว่าล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน5555555 หลังจากนั้นก็ตั้งใจเลยค่ะว่าจะจำความรู้สึกที่ฟังภาษาจีนออกแค่คำเดียวเนี่ยแล่ะไว้เป็นแรงบรรดาลใจ ลองเราไปตั้งใจเรียนภาษาจีนมาใหม่ ท่องคำศัพท์ ให้ได้เยอะๆ มันก็คงจะฟังได้ทั้งเพลง ในซักวัน สาบานกับตัวเองเลยค่ะว่าภายในม.ต้น ต้องแปลเพลงๆนี้ได้จนจบนะ! หลังจากนั้นก็เลยมีอาวุธติดตัวในการเรียนภาษาจีน คือดิคชันนารี่ค่ะ เป็นแอพที่ชื่อว่า pleco ชอบแอพนี้ที่สุดเท่าที่เคยใช้เลยค่ะ เครื่องมือที่สอง คือแป้นคีย์บอร์ดในไอโฟน ไปADD แป้นภาษาจีนแบบ Hand writing อันนี้สำคัญมากเลยค่ะ เพราะว่า การเปิดดิคชันนารี่ในภาษาจีนในแอพส่วนใหญ่ทำได้สามแบบหลักๆ คือ 1.เปิดโดยใช้คำอ่าน pinyin
2.เปิดโดยใช้ความหมาย และสุดท้าย เปิดโดยใช้ ตัวอักษรค่ะ ถ้าครั้งไหนเจอตัวอักษรใหม่ที่อ่านไม่ออก ก็ให้เปลี่ยนคีย์บอร์ดไปที่แป้นแฮนด์ไรท์ติ้ง แล้วก็ใช้นิ้วเขียนเลยค่ะ ไอโฟนจะเปลี่ยนลายมือเรา ไปเป็นตัวอักษร แล้วเราก็ใช้ตัวอักษรนั้นไปหาความหมายได้ค่ะ อาวุธสุดท้ายคือ “สื่อ” ค่ะ หมายถึงวิธีหาความรู้ภาษาจีนที่สดใหม่เสมอ ไม่ใช่แค่ความรู้ในคาบเรียน เราคิดว่าความรู้ประเภทนี้มันน่าจดจำค่ะ ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ วิธีที่เราใช้ก็คือ ฟังเพลงจีนค่ะ แล้วก็สมัครโซเชี่ยลของทางจีนไว้ ก็คือ weibo อ่ะค่ะ แต่ที่ชอบที่สุดคือเวลาไปเยาวราช หรือไปที่ๆมีคนจีนเยอะๆ สิ่งที่เราทำอย่างแรกคืออ่านป้ายร้านรวงต่างๆเลยค่ะ อ่านทุกร้าน เรียกอากงมาอ่านด้วยกัน
Point คือ ทำให้ทุกอย่างไม่เครียด ให้ผ่อนคลายที่สุด เริ่มอ่านจากสิ่งที่อ่านออกก่อน อะไรอ่านไม่ออกก็เปิดดิคชันนารี่ซะ สะสมไปเรื่อยๆ ทุกๆอย่างก็พัฒนาได้เอง
จากที่ไม่ชอบภาษาจีนเลยค่ะ เปลี่ยนแปลงตัวเองจนเพื่อนถามว่าทำไม passion สูงขนาดนี้ จนสุดท้ายจากผลการสอบภาษาจีนเต็ม 100 คะแนน โอ้โหมือไม้สั่นเลยค่ะ แทบจะกลับไปคำนับทุกวิธีในการเรียนภาษาจีนที่กล่าวมา เพราะเราได้คะแนน 98 คะแนนค่ะ
ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้งานอดิเรกทุกอย่างของเราแทบจะเกี่ยวข้องกับภาษาจีนหมดแล้วแต่เชื่อมั้ยคะว่าเราสามารถใช้สิ่งที่คนอื่นมองว่าไร้สาระมาทำให้เกิดประโยชน์ได้ เรามี twitter ค่ะ เราใช้ทวิตเตอร์ของเราในการแปลข่าวศิลปินจีนม,ไต้หวันจาก weibo มาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ แปลตั้งแต่ประมาณม.2-ม.3 แปลจนเคยชิน และผลพลอยได้ที่ได้มากกว่าคำศัพท์คือการเกลาภาษาค่ะ จากภาษาที่อ่านมาดิบๆต้องอาศัยการเกลาจนอ่านง่ายขึ้น นี่เป็นวิธีการเรียนภาษาที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยค่ะ สำหรับเรา
จนตอนนี้ม.4แล้วค่ะ ก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากภาษาจีนเลย จนเราเลือกสอบเข้าสายศิลป์ภาษา-จีน ที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งค่ะ จากการเรียนภาษาด้วยตัวเองทำให้เราได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำหลายอย่างเลยค่ะ ได้ช่วยคนจีนที่หลงทางที่เชียงใหม่ ที่วัดพระแก้ว ถึงเค้าจะไม่ขอบคุณเราแต่ก็คิดว่าถ้ามันทำให้เค้ารู้สึกดีกับประเทศไทยได้ เราก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วค่ะ
ถึงความสำเร็จในการเรียนภาษาจีนของเราจะดูไม่เป็นรูปธรรมเท่าไหร่ เพราะถ้านับเป็นการสอบ ก็มีแค่ HSK4 จาก 6 ระดับ กับสอบได้คะแนน top ที่โรงเรียนแล้ว นอกจากนั้นก็เป็นความสำเร็จทางจิตใจทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ภูมิใจมากนะคะ เวลาใครมาถามว่าชอบเรียนจีนจากอะไร
กระทู้ยาวมากเลยเนอะ ไม่ได้เขียนเพื่อมาอวดอะไรเลยนะคะ แค่อยากแบ่งแนประสบการณ์ อยากขอร้องผู้ปกครองหลายๆท่านจริงๆ ว่าอย่าพึ่งด่วนตัดสินบุตรหลานของท่านจากงานอดิเรกของเค้าว่าไร้สาระ ทุกอย่างบนโลกล้วนมีประโยชน์ซ่อนอยู่ ขอแค่เราเปิดใจค่ะ เผลอๆในอนาคตเค้าอาจจะประสบความสำเร็จจากความชอบของเค้าในวันนี้ก็ได้ค่ะ
สุดท้ายจริงๆค่ะ สุขสันต์วันเดบิวท์นะ JPM ขอบคุณที่ร้องเพลงให้เราเกิดฮึดสู้ขึ้นมาในวันนั้น จนวันนี้ก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืม 我们一起走下去吧 !
สวัสดีค่า ^___^
รู้อย่างนี้คงติ่งไปนานแล้ว
ก่อนอื่นต้องขออภัยนะคะหากพิมพ์ได้ไม่น่าอ่านหรือผิดพลาดอย่างไร ทุกๆท่านแนะนำได้เลยนะคะ เนื่องจากวนนี้เป็นวันที่ 11 เดือน 1 ซึ่งเป็นวันครบรอบเดบิวท์ของศิลปินไต้หวันวงหนึ่งที่เราชอบค่ะนั่นก็คือวง JPM นั่นเองง เรารู้จักพวกเค้าครั้งแรก ตอนอยู่ ม.1 ค่ะ จนตอนนี้ก็อยู่ ม.4 แล้ว (เรียนศิลป์ภาษาจีนค่ะ) ขอเกริ่นก่อนนะคะ ว่า ร.ร. ที่ จขกท. เรียนชั้น ม.ต้น บังคับให้เลือกแผนการเรียนสองครั้งค่ะ ก็คือตอน สอบเข้าม.1 และจะเปลี่ยนได้อีกทีตอน ขึ้น ม.4 ค่ะ โดยแผนการเรียนของเด็กๆม.ต้น มี ดังนี้ค่ะ วิทย์หรือคณิต-จีน วิทย์หรือคณิต-คอมพิวเตอร์ แล้วก็ วิทย์คณิตอังกฤษค่ะ จขกท.ผู้สอบเข้าไปอย่างงงๆถึงกับทรุดเลยค่ะ ไม่ชอบเรียนซักอย่าง 5555555 ตอนนั้นชอบเรียนเฉพาะวิชาภาษษอังกฤษค่ะ แต่ทุกๆแผนการเรียนก็ดูเหมือนจะไม่ได้เน้นวิชาภาษาอังกฤษมากนัก (หน่วยกิต1.5เท่ากัน) ก็เลยต้องมานั่งคิดแล้วค่ะว่าจะเรียนอะไร วิทย์คณิตนี่ตัดไปอย่างแรกเลยสมองน้อยๆของ จขกท. ตอนนั้นไม่มีทางแบบรับไหว คอมพิวเตอร์ก็เป็นอีกวิชาหนึ่งที่ เกลียดเข้ากระดูกดำเลยค่ะ พูดง่ายๆว่าปกติใช้คอมพิวเตอร์เพื่อความบันเทิงเท่านั้นค่ะ และแล้วก็เหมือนฟ้าดินช่างเล่นตลก บีบบังคับให้เด็กหญิงตัวน้อยๆจำเป็นต้องเลือกแผน คณิต-ภาษาจีน วิชาที่เน้นวิชาแรก ไม่เคยชอบตั้ง แต่ออกจากท้องแม่ ส่วนอีกวิชา พึ่งจะเคยได้เรียนเป็นครั้งแรก ตอนเข้าม.1 นี่แล่ะ หาที่พึ่งไม่ได้เลย อาม่าที่บ้านก็พูดแต่ภาษาแต้จิ๋ว อางกงที่เคยเรียนภาษา จีนกลางมาก็เริ่มลืมเลือนวิชาไปแล้ว บอกเลยว่ามืดแปดด้าน ร.ร.ที่ จขกท. เรียนตอนประถมก็ไม่มีสอนซะด้วย แต่เพื่อนๆในห้องที่เลือกแผนจีน ส่วนใหญ่ จะมีพื้นฐานมากันอยู่แล้ว คนที่นั่งข้างๆ จขกท. นี่แล่ะค่ะ มาจากโรงเรียนจีนเลยค่ะ ขนาดเพลงมาร์ช ร.ร.เก่าถึงกับเป็นภาษาจีน เหมือนคนอื่นกำลังจะเดินแต่เราพึ่งจะคลาน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ต้องทนเรียนทั้งๆแบบนั้น เปิดมาคาบแรก เหล่าซือ(คุณครู)เปรี้ยวมากค่ะ! แบบไม่กล้าสบตากันเลยทีเดียวไม่รู้ว่าเกี่ยวหรือเปล่าแต่นั่นก็ยิ่งทำให้ไม่กล้าเรียนวิชานี้ไปด้วย (แต่พอได้อยู่ด้วยจริงๆเหล่าซือท่านน่ารักมากเลยค่ะแต่ตอนที่ได้รู้เราก็เปลี่ยนเหล่าซือมาแล้ว) เหมือนเป็นการเปิดโลกของเด็กหญิง จขกท. กันเลยทีเดียวค่ะ พึ่งรู้ว่าภาษาจีนมีลำดับขีด มีพินอิน แต่ละคำกว่าจะออกเสียงได้นี่ก็แทบจะม้วนลิ้นเข้าไปติดคอหอย ยิ่งลำดับขีดยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ภาษาไทยนี่จะเริ่มเขียนจากหัวจากหางยังไงก็ได้ แต่ภาษาจีนนี่ไม่ได้เลย และเจ้านี่แทบจะเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้คะแนนภาษาจีนของเราแย่มากกก ในการสอบแทบทุกครั้ง ถ้าผ่านก็แค่คาบเส้นค่ะ ตอนม.1 คะแนนที่มากที่สุดที่เคยได้คือ 14 จาก 20 แต่ก็แค่ครั้งเดียว ของปีการศึกษานั้นเลยค่ะ ตอนนั้นหัวสมองเราปิดกับภาษาจีนมาก เรียนไม่ได้ จำเท่าไหร่ก็จำตัวอักษรไม่ได้ ศัพท์ก็ได้แค่บางคำจริงๆ ย้ำค่ะว่าบาง ตอนนั้นก็
คิดว่าทนๆเรียนให้จบตอนม.ต้น แล้วค่อยไปเปลี่ยนสายใหม่ตอนม.ปลายก็แล้วกัน T___T
แต่แล้ววันดีคืนดี จขกท. ก็เปิดทีวีผ่านๆไปยังช่อง ทรูมิวสิค แล้วทางช่องก็เปิดเพลงๆนึงขึ้นมาค่ะ เป็นเพลงอารมณ์อิเล็คทริคป๊อปค่ะ ซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นกับเพลงแนวนี้เลยและฟังด้วยหูเราสามารถสัมผัสได้ ว่าเป็นเพลงจีนค่ะ กะว่าจะเปลี่ยนช่องหนีแล้ว แต่แล้ววววววววววววว หูก็สัมผัสได้ถึงท่อนๆนึงในเพลง เป็นท่อนเล็กๆไม่ใช่ท่อนเด่นอะไรเลย เนื้อเพลงร้องว่า "tell me tell me 为什么" โหหูนี่ผึ่งเลยค่ะ ไอ่คำสุดท้ายดันพึ่งเรียนไปในคาบล่าสุดก่อนปิดวันเสาร์อาทิตย์ กลายเป็นว่าอยู่ดีๆก็ฟังออกท่อนนึง ท่อนเดียวจากเพลงทั้งหมด4นาที แต่ตอนนั้นมันมีความหมายมากสำหรับเรา รู้สึกแบบเต็มๆในอก อะไรแบบนั้นจนฟังจนจบเพลง แล้วสุดท้ายก็ได้รู้ว่าชื่อวง JPM และเจ้าเพลงที่ว่าคือเพลง 月球漫步 ยอมรับค่ะว่าตอนนั้นอ่านชื่อเพลงก็ไม่ออก เมมเบอร์ก็ไม่รู้จัก จนได้มารู้จักจากระทู้ Cpop จากในพันทิปนี่แล่ะค่ะ ในกระท็บอกวงนี้มี 3 คน ชื่อ หวังจึ เสี่ยวเจี๋ย แล้วก็เหมาตี้ ตอนนั้นรู้แค่ชื่อเลยค่ะ จำหน้าไม่ได้ เพราะใน MV ขึ้นแนะนำเมมเบอร์เป็นภาษาจีน เราก็เอาวะ ลองอ่านดู สุดท้ายก็แยกได้ค่ะ แยกเสี่ยวเจี๋ยได้เพราะอ่านคำว่าเสี่ยวที่แปลว่าเล็กออก แยกเหมาตี้ได้ เพราะอ่านตี้ที่แปลว่าน้องชายได้ สุดท้ายหวังจึ คนนี้อ่านไม่ได้ซักตัวค่ะ แต่เห็นว่าเหลืออยู่คนเดียว จนสุดท้ายก็แยกออกจนได้ เห็นมั้ยคะว่าล้มลุกคลุกคลานขนาดไหน5555555 หลังจากนั้นก็ตั้งใจเลยค่ะว่าจะจำความรู้สึกที่ฟังภาษาจีนออกแค่คำเดียวเนี่ยแล่ะไว้เป็นแรงบรรดาลใจ ลองเราไปตั้งใจเรียนภาษาจีนมาใหม่ ท่องคำศัพท์ ให้ได้เยอะๆ มันก็คงจะฟังได้ทั้งเพลง ในซักวัน สาบานกับตัวเองเลยค่ะว่าภายในม.ต้น ต้องแปลเพลงๆนี้ได้จนจบนะ! หลังจากนั้นก็เลยมีอาวุธติดตัวในการเรียนภาษาจีน คือดิคชันนารี่ค่ะ เป็นแอพที่ชื่อว่า pleco ชอบแอพนี้ที่สุดเท่าที่เคยใช้เลยค่ะ เครื่องมือที่สอง คือแป้นคีย์บอร์ดในไอโฟน ไปADD แป้นภาษาจีนแบบ Hand writing อันนี้สำคัญมากเลยค่ะ เพราะว่า การเปิดดิคชันนารี่ในภาษาจีนในแอพส่วนใหญ่ทำได้สามแบบหลักๆ คือ 1.เปิดโดยใช้คำอ่าน pinyin
2.เปิดโดยใช้ความหมาย และสุดท้าย เปิดโดยใช้ ตัวอักษรค่ะ ถ้าครั้งไหนเจอตัวอักษรใหม่ที่อ่านไม่ออก ก็ให้เปลี่ยนคีย์บอร์ดไปที่แป้นแฮนด์ไรท์ติ้ง แล้วก็ใช้นิ้วเขียนเลยค่ะ ไอโฟนจะเปลี่ยนลายมือเรา ไปเป็นตัวอักษร แล้วเราก็ใช้ตัวอักษรนั้นไปหาความหมายได้ค่ะ อาวุธสุดท้ายคือ “สื่อ” ค่ะ หมายถึงวิธีหาความรู้ภาษาจีนที่สดใหม่เสมอ ไม่ใช่แค่ความรู้ในคาบเรียน เราคิดว่าความรู้ประเภทนี้มันน่าจดจำค่ะ ทำให้การเรียนไม่น่าเบื่อ วิธีที่เราใช้ก็คือ ฟังเพลงจีนค่ะ แล้วก็สมัครโซเชี่ยลของทางจีนไว้ ก็คือ weibo อ่ะค่ะ แต่ที่ชอบที่สุดคือเวลาไปเยาวราช หรือไปที่ๆมีคนจีนเยอะๆ สิ่งที่เราทำอย่างแรกคืออ่านป้ายร้านรวงต่างๆเลยค่ะ อ่านทุกร้าน เรียกอากงมาอ่านด้วยกัน
Point คือ ทำให้ทุกอย่างไม่เครียด ให้ผ่อนคลายที่สุด เริ่มอ่านจากสิ่งที่อ่านออกก่อน อะไรอ่านไม่ออกก็เปิดดิคชันนารี่ซะ สะสมไปเรื่อยๆ ทุกๆอย่างก็พัฒนาได้เอง
จากที่ไม่ชอบภาษาจีนเลยค่ะ เปลี่ยนแปลงตัวเองจนเพื่อนถามว่าทำไม passion สูงขนาดนี้ จนสุดท้ายจากผลการสอบภาษาจีนเต็ม 100 คะแนน โอ้โหมือไม้สั่นเลยค่ะ แทบจะกลับไปคำนับทุกวิธีในการเรียนภาษาจีนที่กล่าวมา เพราะเราได้คะแนน 98 คะแนนค่ะ
ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้งานอดิเรกทุกอย่างของเราแทบจะเกี่ยวข้องกับภาษาจีนหมดแล้วแต่เชื่อมั้ยคะว่าเราสามารถใช้สิ่งที่คนอื่นมองว่าไร้สาระมาทำให้เกิดประโยชน์ได้ เรามี twitter ค่ะ เราใช้ทวิตเตอร์ของเราในการแปลข่าวศิลปินจีนม,ไต้หวันจาก weibo มาแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ แปลตั้งแต่ประมาณม.2-ม.3 แปลจนเคยชิน และผลพลอยได้ที่ได้มากกว่าคำศัพท์คือการเกลาภาษาค่ะ จากภาษาที่อ่านมาดิบๆต้องอาศัยการเกลาจนอ่านง่ายขึ้น นี่เป็นวิธีการเรียนภาษาที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลยค่ะ สำหรับเรา
จนตอนนี้ม.4แล้วค่ะ ก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากภาษาจีนเลย จนเราเลือกสอบเข้าสายศิลป์ภาษา-จีน ที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งค่ะ จากการเรียนภาษาด้วยตัวเองทำให้เราได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำหลายอย่างเลยค่ะ ได้ช่วยคนจีนที่หลงทางที่เชียงใหม่ ที่วัดพระแก้ว ถึงเค้าจะไม่ขอบคุณเราแต่ก็คิดว่าถ้ามันทำให้เค้ารู้สึกดีกับประเทศไทยได้ เราก็รู้สึกคุ้มค่าแล้วค่ะ
ถึงความสำเร็จในการเรียนภาษาจีนของเราจะดูไม่เป็นรูปธรรมเท่าไหร่ เพราะถ้านับเป็นการสอบ ก็มีแค่ HSK4 จาก 6 ระดับ กับสอบได้คะแนน top ที่โรงเรียนแล้ว นอกจากนั้นก็เป็นความสำเร็จทางจิตใจทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ภูมิใจมากนะคะ เวลาใครมาถามว่าชอบเรียนจีนจากอะไร
กระทู้ยาวมากเลยเนอะ ไม่ได้เขียนเพื่อมาอวดอะไรเลยนะคะ แค่อยากแบ่งแนประสบการณ์ อยากขอร้องผู้ปกครองหลายๆท่านจริงๆ ว่าอย่าพึ่งด่วนตัดสินบุตรหลานของท่านจากงานอดิเรกของเค้าว่าไร้สาระ ทุกอย่างบนโลกล้วนมีประโยชน์ซ่อนอยู่ ขอแค่เราเปิดใจค่ะ เผลอๆในอนาคตเค้าอาจจะประสบความสำเร็จจากความชอบของเค้าในวันนี้ก็ได้ค่ะ
สุดท้ายจริงๆค่ะ สุขสันต์วันเดบิวท์นะ JPM ขอบคุณที่ร้องเพลงให้เราเกิดฮึดสู้ขึ้นมาในวันนั้น จนวันนี้ก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ไม่ลืม 我们一起走下去吧 !
สวัสดีค่า ^___^