ชื่อตอนมาจากวรรณคดีคลาสสิค
ตอนที่ 16 ฉลองพระองค์ชุดใหม่ของพระราชา (The Emperor's New Cloths)
นิทานพื้นบ้าน
ผลงานนักเขียนชาวเดนมาร์ก ฮาน คริสเตียน แอนเดอร์สัน
พระราชาองค์หนึ่ง มีพระทัยหมกมุ่นอยู่กับภูษาอาภรณ์ เป็นความนิยมคลั่งไคล้ส่วนพระองค์ ทรงใช้เวลาและทรัพย์สินไปกับการแสวงหาฉลองพระองค์สวยๆ แบบใหม่ๆ มาสวมใส่อวดเหล่าเสนามาตย์และข้าราชบริพารเสมอๆ ทรงละเลยปล่อยปละกิจการบริหารบ้านเมืองและภาระหน้าที่อื่นๆที่ควรกระทำ แต่ละวันจะมีผู้คนหลากหลายมาขอเข้าเฝ้าเกี่ยวกับสิ่งที่ทรงโปรดปรานนี้
วันหนึ่ง นักต้มตุ้นสองคน อ้างตัวเป็นช่างตัดเย็บเลิศฝีมือ รับอาสาตัดชุดสุดหรูด้วยเนื้อผ้าอันแสนวิเศษถวายพระราชา โดยเรียกร้องค่าตอบแทนเป็นทรัพย์สินมหาศาล ด้วยอวดอ้างสรรพคุณว่า นอกจากจะเป็นผ้าฉลองพระองค์ที่วิจิตรบรรจงแล้ว ยังช่วยพรางตัวผู้สวมใส่ให้ล่องหนหายตัวได้ โดยบุคคลใดก็ตามที่คิดคดในหน้าที่การงานและโง่เง่าอับจนปัญญา จะไม่สามารถมองเห็น
พระราชาทรงยินดียิ่งในคุณสมบัติของผ้าวิเศษนี้ ทรงต้องการแยกแยะผู้คนที่รายล้อมพระองค์ว่าใครเป็นพวกคิดคดหรือโง่เขลา จึงรับสั่งให้สองนายช่างจอมหลอกลวงดำเนินการ พวกเขาขนหูกทอผ้าเข้ามาในราชวัง เตรียมสถานที่จัดทำให้เอิกเกริก จากนั้นก็แสร้งลงมือปฏิบัติการอย่างแข็งขัน ฝ่ายพระราชาทรงอยากทราบความเป็นไปด้วยกระวนกระวายพระทัย จึงส่งปุโรหิตเฒ่าเข้าไปตรวจดู ปุโรหิตมาเห็นนายช่างกำลังง่วนอยู่กับเครื่องทอผ้าเปล่าๆ ไม่มีเส้นด้ายใดๆแขวนติดที่หูกทอ ทำท่าทำทางเหมือนกำลังทอผ้าอย่างขมีขมัน พอไต่ถามก็ได้คำตอบว่า ผ้าซึ่งกำลังทออยู่นั้นเป็นผ้าล่องหน ต้องเป็นผู้ที่ฉลาดรอบรู้ หรือเหมาะสมในหน้าที่การงานเท่านั้น ที่จะสามารถมองเห็นความอลังการของผ้าชนิดนี้ได้
ปุโรหิตนึกฉงนสนเท่ห์อยู่ในที แต่ก็มิกล้าเอ่ยปากว่ามองไม่เห็นอะไร เพราะเกรงจะถูกดูแคลนว่าไร้คุณสมบัติขุนนางที่ดี จึงแสร้งกล่าวบรรยายสรรพคุณผ้าที่นายช่างกำลังทออยู่นั้นว่างดงามตระการตายิ่งนัก กลายเป็นเรื่องราวที่ค่อยๆ กล่าวขานกระจายออกไป จนความถึงพระกรรณของพระราชา ทรงดีพระทัยที่จะได้อาภรณ์ไร้สิ่งใดงามเทียบเท่า เป็นอันสำเร็จสมประสงค์ของสองนายช่างจอมเจ้าเล่ห์เพทุบาย
เมื่อถึงเวลาสวมฉลองพระองค์ชุดใหม่ในงานราชพิธิ นายช่างทั้งสองก็ทำทีเป็นนำฉลองพระองค์ที่อ้างว่าเสร็จแล้วมาถวาย แสดงท่าทางจัดแจงสวมใส่ถวายให้พระองค์ พร้อมกล่าวพรรณาถึงความงดงามไร้อันที่ติ ทุกคนที่พบเห็นต่างก็แสร้งแสดงความชื่นชม ฝ่ายพระราชาก็ทรงเกิดความเชื่อมั่นแม้รู้สึกเหมือนไม่ได้สวมใส่สิ่งใด เพราะความเยินยอจากข้าราชบริพารโดยรอบ ทรงเข้าใจว่าได้สวมฉลองพระองค์ชุดใหม่นั้นแล้ว ก็ออกร่วมขบวนแห่ไปตามถนนในเมือง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะระร่วนสดใสร้องตะโกนออกมาจากเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง กล่าวท่ามกลางฝูงชน ว่า “พระราชาแก้ผ้า พระราชาแก้ผ้า” เป็นเหตุให้ผู้คนอดกลั้นความตลกขบขันไว้ไม่ไหว ปลดปล่อยความเกรงกลัวออกไป พากันร่วมหัวเราะไปกับเด็กน้อยคนนั้น เป็นที่เอิกเกริกสำราญใจ พระราชาทรงได้สติสัมปชัญญะกลับคืน ระลึกรู้อยู่ในพระทัยถึงความประจบสอพลอของพวกปุโรหิต เสนามาตย์เหล่านั้น และด้วยมานะแห่งขัตติยะ ทรงอดกลั่นข่มพระทัยต่อความละอาย เสด็จดำเนินไปจนเสร็จสิ้นขบวนกลับสู่ราชวัง...
...ด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา ปราศจากอคติมายาและความหวาดกลัว มองเห็นสิ่งที่ถูกที่ควรอันซุกซ่อนอยู่ในม่านหมอกแห่งความเสแสร้ง สามารถชี้นำให้ความกระจ่างต่อผู้เปี่ยมประสบการณ์และอำนาจท้าทาย...
Pinocchio ซีรีส์ -- เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยชวนให้ติดตาม -- ชื่อตอน ตอนที่ 16
ตอนที่ 16 ฉลองพระองค์ชุดใหม่ของพระราชา (The Emperor's New Cloths)
นิทานพื้นบ้าน
ผลงานนักเขียนชาวเดนมาร์ก ฮาน คริสเตียน แอนเดอร์สัน
พระราชาองค์หนึ่ง มีพระทัยหมกมุ่นอยู่กับภูษาอาภรณ์ เป็นความนิยมคลั่งไคล้ส่วนพระองค์ ทรงใช้เวลาและทรัพย์สินไปกับการแสวงหาฉลองพระองค์สวยๆ แบบใหม่ๆ มาสวมใส่อวดเหล่าเสนามาตย์และข้าราชบริพารเสมอๆ ทรงละเลยปล่อยปละกิจการบริหารบ้านเมืองและภาระหน้าที่อื่นๆที่ควรกระทำ แต่ละวันจะมีผู้คนหลากหลายมาขอเข้าเฝ้าเกี่ยวกับสิ่งที่ทรงโปรดปรานนี้
วันหนึ่ง นักต้มตุ้นสองคน อ้างตัวเป็นช่างตัดเย็บเลิศฝีมือ รับอาสาตัดชุดสุดหรูด้วยเนื้อผ้าอันแสนวิเศษถวายพระราชา โดยเรียกร้องค่าตอบแทนเป็นทรัพย์สินมหาศาล ด้วยอวดอ้างสรรพคุณว่า นอกจากจะเป็นผ้าฉลองพระองค์ที่วิจิตรบรรจงแล้ว ยังช่วยพรางตัวผู้สวมใส่ให้ล่องหนหายตัวได้ โดยบุคคลใดก็ตามที่คิดคดในหน้าที่การงานและโง่เง่าอับจนปัญญา จะไม่สามารถมองเห็น
พระราชาทรงยินดียิ่งในคุณสมบัติของผ้าวิเศษนี้ ทรงต้องการแยกแยะผู้คนที่รายล้อมพระองค์ว่าใครเป็นพวกคิดคดหรือโง่เขลา จึงรับสั่งให้สองนายช่างจอมหลอกลวงดำเนินการ พวกเขาขนหูกทอผ้าเข้ามาในราชวัง เตรียมสถานที่จัดทำให้เอิกเกริก จากนั้นก็แสร้งลงมือปฏิบัติการอย่างแข็งขัน ฝ่ายพระราชาทรงอยากทราบความเป็นไปด้วยกระวนกระวายพระทัย จึงส่งปุโรหิตเฒ่าเข้าไปตรวจดู ปุโรหิตมาเห็นนายช่างกำลังง่วนอยู่กับเครื่องทอผ้าเปล่าๆ ไม่มีเส้นด้ายใดๆแขวนติดที่หูกทอ ทำท่าทำทางเหมือนกำลังทอผ้าอย่างขมีขมัน พอไต่ถามก็ได้คำตอบว่า ผ้าซึ่งกำลังทออยู่นั้นเป็นผ้าล่องหน ต้องเป็นผู้ที่ฉลาดรอบรู้ หรือเหมาะสมในหน้าที่การงานเท่านั้น ที่จะสามารถมองเห็นความอลังการของผ้าชนิดนี้ได้
ปุโรหิตนึกฉงนสนเท่ห์อยู่ในที แต่ก็มิกล้าเอ่ยปากว่ามองไม่เห็นอะไร เพราะเกรงจะถูกดูแคลนว่าไร้คุณสมบัติขุนนางที่ดี จึงแสร้งกล่าวบรรยายสรรพคุณผ้าที่นายช่างกำลังทออยู่นั้นว่างดงามตระการตายิ่งนัก กลายเป็นเรื่องราวที่ค่อยๆ กล่าวขานกระจายออกไป จนความถึงพระกรรณของพระราชา ทรงดีพระทัยที่จะได้อาภรณ์ไร้สิ่งใดงามเทียบเท่า เป็นอันสำเร็จสมประสงค์ของสองนายช่างจอมเจ้าเล่ห์เพทุบาย
เมื่อถึงเวลาสวมฉลองพระองค์ชุดใหม่ในงานราชพิธิ นายช่างทั้งสองก็ทำทีเป็นนำฉลองพระองค์ที่อ้างว่าเสร็จแล้วมาถวาย แสดงท่าทางจัดแจงสวมใส่ถวายให้พระองค์ พร้อมกล่าวพรรณาถึงความงดงามไร้อันที่ติ ทุกคนที่พบเห็นต่างก็แสร้งแสดงความชื่นชม ฝ่ายพระราชาก็ทรงเกิดความเชื่อมั่นแม้รู้สึกเหมือนไม่ได้สวมใส่สิ่งใด เพราะความเยินยอจากข้าราชบริพารโดยรอบ ทรงเข้าใจว่าได้สวมฉลองพระองค์ชุดใหม่นั้นแล้ว ก็ออกร่วมขบวนแห่ไปตามถนนในเมือง
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะระร่วนสดใสร้องตะโกนออกมาจากเด็กน้อยไร้เดียงสาคนหนึ่ง กล่าวท่ามกลางฝูงชน ว่า “พระราชาแก้ผ้า พระราชาแก้ผ้า” เป็นเหตุให้ผู้คนอดกลั้นความตลกขบขันไว้ไม่ไหว ปลดปล่อยความเกรงกลัวออกไป พากันร่วมหัวเราะไปกับเด็กน้อยคนนั้น เป็นที่เอิกเกริกสำราญใจ พระราชาทรงได้สติสัมปชัญญะกลับคืน ระลึกรู้อยู่ในพระทัยถึงความประจบสอพลอของพวกปุโรหิต เสนามาตย์เหล่านั้น และด้วยมานะแห่งขัตติยะ ทรงอดกลั่นข่มพระทัยต่อความละอาย เสด็จดำเนินไปจนเสร็จสิ้นขบวนกลับสู่ราชวัง...
...ด้วยสายตาที่ไร้เดียงสา ปราศจากอคติมายาและความหวาดกลัว มองเห็นสิ่งที่ถูกที่ควรอันซุกซ่อนอยู่ในม่านหมอกแห่งความเสแสร้ง สามารถชี้นำให้ความกระจ่างต่อผู้เปี่ยมประสบการณ์และอำนาจท้าทาย...