เริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะ เราเป็นนักศึกษา ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่กำลังรอรับปริญญาเร็วๆๆนี้
ตอนนี้ทำงานแล้ว เงินเดือน หนึ่งหมื่นต้นๆๆ
อะเริ่มเลยแล้วกัน คือตั้งแต่เราอยูมอต้น ตอนนั้นแหล่ะเริ่มพรึกชีวิตเราเลยคือแม่เราออกจากงาน จากเคยมีรายได้เยอะมาก กลายเป็นไม่มี แต่คนที่คอยช่วยเหลือค่าเทอมขาดเหลืออะไรของเราจะเป็นป้า สาเหตุที่ออกจากงานเนื่องจากแม่เราต้องมาดูแลยายที่ป่วยอยู่ เราก็เข้าใจ ตอนนั้นเราเริ่มรายได้น้อยมาก ไป ร.ร ที ได้ 40 บาท แต่เรามีค่ารถไปกลับด้วยนะ แต่เราโชคดีมากที่ได้ทุนการศึกษาอาหารกลางวันฟรี ได้ชุดนักเรียนฟรี มันคงเป็นโชคดีของเรา วันๆนึงในสมัยนั้นมอต้น ถึง 40 บาทมันจะดูเยอะ แต่เราต้องนั่งสองแถวไปเรียน ครั้งละ 7 บาท 14 บาทไปกลับ ก็เหลือ 26 บาท สมัยนั้นกับข้าวประมาน 15-20 บาท เราก็พอดีเลยข้าว 1 จาน น้ำ 1 แก้ว 5 บาท ส่วนขนมไม่เคยกินกับเค้าเลยเข้าเซเว่นที มีจำกัดแค่ 20 บาท เราก็พอเข้าใจนะว่าแม่เราไม่มีเงิน
แต่พอเราขึ้นมอปลายช่วงมอ 4 เราก็ดีใจนะ ได้เงินเพิ่มค่าไปโรงเรียนเป็นวันละ 60 ก็รวมค่าข้าวค่าอาหารเหมือนเดิมเพราะเรียนโรงเรียนเดิมดีนะสมัยก่อนค่าครองชีพไม่แพงแบบปัจจุบันนี้ก็พออยู่ได้ พอเวลาต่อมาเริ่มขึ้นช่วง มอ5 มอ6 แม่เราเริ่มไม่ส่งเสียเราเรียนชีวิตเริ่มพรึกเปลื่ยนไป เราต้องเริ่มหาเงินเอง ไปรับทำงานพาสทาม ที่ห้างแห่งหนึ่งแถวบ้าน รายได้ได้ประมานต่อเดือน ไม่เกิน 4500 สมัยนั้นถามว่าเยอะไหมเราว่าเยอะมากเลยนะ เราก็เอาเงินตรงนี้มาส่งเสียตัวเองเรียน แต่มันก็ไม่พอหรอก เพราะก็มีค่าโน่นค่านี้ตลอด คนที่เราคอยขอให้เค้าช่วยเหลือเราก็เป็นป้า ป้าจะคอยส่งเงินเวลาเราขาดเหลืออะไรป้าจะคอยช่วยเหลือเสมอไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียนรองเท้า ของใช้ส่วนตัว อื่นๆ เวลาป้าเรามาเสาร์อาทิตย์เราดีใจมาก เพราะเราจะได้กินขนม จนต่อมาเราเริ่มมีแฟน ตอนนั้นมีแฟนก็ประหยัดเงินไปมากนะเพราะบางทีก็ไปกินข้าวบ้านแฟน บางทีส่วนใหญ่แฟนก็จะจ่ายเงิน จนเริ่มเข้ามหาลัย
พอเข้ามหาลัย แม่เราไม่สนับสนุนในการเรียนต่อบอกคำเดียวว่าไม่มีเงิน (ตอนนั้นแม่เรากลับไปทำงานแล้ว แต่รายได้ไม่เยอะเท่าเดิม) เราด้วยความกลัวคนดูถูกเพราะเราอยู่ในชุมชน ตอนนั้นเรายังผึ่งป้าอยู่ให้ป้าพาไปสมัครที่มหาลัยแห่งหนึ่ง แถวบ้านป้า แต่เราหัวไม่ค่อยดี เลยสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ต่อมาเพื่อนก็แนะนำมหาลัยมหาลัยหนึ่งเข้าง่ายค่าเทอมไม่เท่าไหร่ เราก็เข้าไปสมัครมหาลัยเอกชนแห่งนั้นก็ทำเรื่องสมัครเรียบร้อยมันดีนะ ดีตรงที่เราไม่ต้องอะไรมากทำเรื่องกู้ได้ คือเรียนไปก่อนแล้วมาผ่อนชำระที่หลัง พอเราเปิดเทอม รายได้เราไม่มีเลย ตอนนั้นออกจากงานแล้วเพราะอะไรหลายอย่าง ก็ได้ป้าช่วย อาทิต นึง โอนให้ 500-700 ไว้ใช้ มีค่ารถไปกลับ 72 บาทต่อวัน เพราะต้องนั่งวินจากบ้าน ต่อรถเมล์ แล้วนั่งวินเข้าซอยมหาลัย แล้วค่าข้าวอีกประมาน 35-40 ก็พอยวนๆ ใช้ไปได้ แต่หลังๆมาเริ่มลำบากเพราะกิจกรรมค่าเสียเงินเยอะมาก เราก็เลยต้องหางานทำเพราะเราเกรงใจป้ามาก พอไปทำงาน รายได้ต่อเดือนก็ประมาน 4000-5000 แต่มันมีค่าคอมมิชั่นเดือนนึง ก็ 1700-3500 เราก็พอใช้มากเลยตอนนั้นอยากได้ไรก็ซื้อให้ตัวเอง ตอนนั้นไอโฟนดังมาก เราใช้บีบีอยู่ อยากมี พอดีเพื่อนมีเงิน เลยให้เพื่อนซื้อให้ก่อนแล้วขอผ่อนเอา เดือนละ 2000 ไปเรื่อยยๆ ก็ได้โทรสัพมา พอตอนนี้เราเรียนจบเราก็รีบหางานทำ ก็ได้งานใกล้ๆบ้านที่ปัจจุบันทำอยู่ทำมาเกือบปีแล้ว ตอนนี้รอรับปริญญาอยู่อีกไม่กี่วันนี้เอง ด้วย เราอะตื่นเต้นมากๆเลย ด้วยความที่เราดีใจและอยากให้ทุกคนมาแสดงวความยินดีกับเรา เราเลยอยากไปจัดเลี้ยงร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเราก็มีเงินก้อนนึงที่เก็บไว้ไม่มากเราก็เลยอยากเลี้ยงฉลองที่เราจบ แต่แม่ไม่สนับสนุนไม่ให้จัด และไม่เคยถามไถ่อะไรใดๆทั้งสิ้นว่าเราจบวันไหน มีค่าใช้จ่ายยังไง มีอะไรให้ช่วยไหม แม่เราไม่เคยถามเลย (เราไม่ได้คิดมากหรอกนะ เพราะหลายปีที่แล้วพี่เรารับปริญญา แม่เราจัดงานให้อลังการมาก มีวงดนตรี มีอาหารบุฟเฟ่ต์กินกัน ตอนนั้นแม่ก็ยังไม่ได้ทำงาน รับงานนิดหน่อยวันละ ไม่กี่ร้อย แต่แม่ก็เก็บและทำเพื่อพี่เรา รวมไปถึงค่าโรงเรียนส่งพี่เราตั้งแต่เด็กจนพี่เราจบรับปริญญา ทั้งค่าเทอม ทั้งค่าไปโรงเรียนแม่ให้พี่จนจบ แต่เราไม่เคยได้ อันนี้เราเข้าใจ อาจจะเพราะอะไรหลายๆอย่าง แต่นี่เรารับปริญญานะ แม่ไม่ดีใจเลยเหรอ เราเสียใจมากๆ ที่ไม่มีใครสนใจเราเลยเราน้อยใจมากบอกเลย ก่อนมาเขียนกระทู้ร้องไห้ไปยกนึงละ)
ผิดไหมที่เรารู้สึกน้อยใจมากกกๆๆ
คุณลืมตอบคำถามที่ * จำเป็นต้องตอบ
มีใครไหมที่รับปริญญาแล้วพ่อแม่ไม่รู้สึกดีใจ
ตอนนี้ทำงานแล้ว เงินเดือน หนึ่งหมื่นต้นๆๆ
อะเริ่มเลยแล้วกัน คือตั้งแต่เราอยูมอต้น ตอนนั้นแหล่ะเริ่มพรึกชีวิตเราเลยคือแม่เราออกจากงาน จากเคยมีรายได้เยอะมาก กลายเป็นไม่มี แต่คนที่คอยช่วยเหลือค่าเทอมขาดเหลืออะไรของเราจะเป็นป้า สาเหตุที่ออกจากงานเนื่องจากแม่เราต้องมาดูแลยายที่ป่วยอยู่ เราก็เข้าใจ ตอนนั้นเราเริ่มรายได้น้อยมาก ไป ร.ร ที ได้ 40 บาท แต่เรามีค่ารถไปกลับด้วยนะ แต่เราโชคดีมากที่ได้ทุนการศึกษาอาหารกลางวันฟรี ได้ชุดนักเรียนฟรี มันคงเป็นโชคดีของเรา วันๆนึงในสมัยนั้นมอต้น ถึง 40 บาทมันจะดูเยอะ แต่เราต้องนั่งสองแถวไปเรียน ครั้งละ 7 บาท 14 บาทไปกลับ ก็เหลือ 26 บาท สมัยนั้นกับข้าวประมาน 15-20 บาท เราก็พอดีเลยข้าว 1 จาน น้ำ 1 แก้ว 5 บาท ส่วนขนมไม่เคยกินกับเค้าเลยเข้าเซเว่นที มีจำกัดแค่ 20 บาท เราก็พอเข้าใจนะว่าแม่เราไม่มีเงิน
แต่พอเราขึ้นมอปลายช่วงมอ 4 เราก็ดีใจนะ ได้เงินเพิ่มค่าไปโรงเรียนเป็นวันละ 60 ก็รวมค่าข้าวค่าอาหารเหมือนเดิมเพราะเรียนโรงเรียนเดิมดีนะสมัยก่อนค่าครองชีพไม่แพงแบบปัจจุบันนี้ก็พออยู่ได้ พอเวลาต่อมาเริ่มขึ้นช่วง มอ5 มอ6 แม่เราเริ่มไม่ส่งเสียเราเรียนชีวิตเริ่มพรึกเปลื่ยนไป เราต้องเริ่มหาเงินเอง ไปรับทำงานพาสทาม ที่ห้างแห่งหนึ่งแถวบ้าน รายได้ได้ประมานต่อเดือน ไม่เกิน 4500 สมัยนั้นถามว่าเยอะไหมเราว่าเยอะมากเลยนะ เราก็เอาเงินตรงนี้มาส่งเสียตัวเองเรียน แต่มันก็ไม่พอหรอก เพราะก็มีค่าโน่นค่านี้ตลอด คนที่เราคอยขอให้เค้าช่วยเหลือเราก็เป็นป้า ป้าจะคอยส่งเงินเวลาเราขาดเหลืออะไรป้าจะคอยช่วยเหลือเสมอไม่ว่าจะเป็นเครื่องแบบนักเรียนรองเท้า ของใช้ส่วนตัว อื่นๆ เวลาป้าเรามาเสาร์อาทิตย์เราดีใจมาก เพราะเราจะได้กินขนม จนต่อมาเราเริ่มมีแฟน ตอนนั้นมีแฟนก็ประหยัดเงินไปมากนะเพราะบางทีก็ไปกินข้าวบ้านแฟน บางทีส่วนใหญ่แฟนก็จะจ่ายเงิน จนเริ่มเข้ามหาลัย
พอเข้ามหาลัย แม่เราไม่สนับสนุนในการเรียนต่อบอกคำเดียวว่าไม่มีเงิน (ตอนนั้นแม่เรากลับไปทำงานแล้ว แต่รายได้ไม่เยอะเท่าเดิม) เราด้วยความกลัวคนดูถูกเพราะเราอยู่ในชุมชน ตอนนั้นเรายังผึ่งป้าอยู่ให้ป้าพาไปสมัครที่มหาลัยแห่งหนึ่ง แถวบ้านป้า แต่เราหัวไม่ค่อยดี เลยสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ต่อมาเพื่อนก็แนะนำมหาลัยมหาลัยหนึ่งเข้าง่ายค่าเทอมไม่เท่าไหร่ เราก็เข้าไปสมัครมหาลัยเอกชนแห่งนั้นก็ทำเรื่องสมัครเรียบร้อยมันดีนะ ดีตรงที่เราไม่ต้องอะไรมากทำเรื่องกู้ได้ คือเรียนไปก่อนแล้วมาผ่อนชำระที่หลัง พอเราเปิดเทอม รายได้เราไม่มีเลย ตอนนั้นออกจากงานแล้วเพราะอะไรหลายอย่าง ก็ได้ป้าช่วย อาทิต นึง โอนให้ 500-700 ไว้ใช้ มีค่ารถไปกลับ 72 บาทต่อวัน เพราะต้องนั่งวินจากบ้าน ต่อรถเมล์ แล้วนั่งวินเข้าซอยมหาลัย แล้วค่าข้าวอีกประมาน 35-40 ก็พอยวนๆ ใช้ไปได้ แต่หลังๆมาเริ่มลำบากเพราะกิจกรรมค่าเสียเงินเยอะมาก เราก็เลยต้องหางานทำเพราะเราเกรงใจป้ามาก พอไปทำงาน รายได้ต่อเดือนก็ประมาน 4000-5000 แต่มันมีค่าคอมมิชั่นเดือนนึง ก็ 1700-3500 เราก็พอใช้มากเลยตอนนั้นอยากได้ไรก็ซื้อให้ตัวเอง ตอนนั้นไอโฟนดังมาก เราใช้บีบีอยู่ อยากมี พอดีเพื่อนมีเงิน เลยให้เพื่อนซื้อให้ก่อนแล้วขอผ่อนเอา เดือนละ 2000 ไปเรื่อยยๆ ก็ได้โทรสัพมา พอตอนนี้เราเรียนจบเราก็รีบหางานทำ ก็ได้งานใกล้ๆบ้านที่ปัจจุบันทำอยู่ทำมาเกือบปีแล้ว ตอนนี้รอรับปริญญาอยู่อีกไม่กี่วันนี้เอง ด้วย เราอะตื่นเต้นมากๆเลย ด้วยความที่เราดีใจและอยากให้ทุกคนมาแสดงวความยินดีกับเรา เราเลยอยากไปจัดเลี้ยงร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเราก็มีเงินก้อนนึงที่เก็บไว้ไม่มากเราก็เลยอยากเลี้ยงฉลองที่เราจบ แต่แม่ไม่สนับสนุนไม่ให้จัด และไม่เคยถามไถ่อะไรใดๆทั้งสิ้นว่าเราจบวันไหน มีค่าใช้จ่ายยังไง มีอะไรให้ช่วยไหม แม่เราไม่เคยถามเลย (เราไม่ได้คิดมากหรอกนะ เพราะหลายปีที่แล้วพี่เรารับปริญญา แม่เราจัดงานให้อลังการมาก มีวงดนตรี มีอาหารบุฟเฟ่ต์กินกัน ตอนนั้นแม่ก็ยังไม่ได้ทำงาน รับงานนิดหน่อยวันละ ไม่กี่ร้อย แต่แม่ก็เก็บและทำเพื่อพี่เรา รวมไปถึงค่าโรงเรียนส่งพี่เราตั้งแต่เด็กจนพี่เราจบรับปริญญา ทั้งค่าเทอม ทั้งค่าไปโรงเรียนแม่ให้พี่จนจบ แต่เราไม่เคยได้ อันนี้เราเข้าใจ อาจจะเพราะอะไรหลายๆอย่าง แต่นี่เรารับปริญญานะ แม่ไม่ดีใจเลยเหรอ เราเสียใจมากๆ ที่ไม่มีใครสนใจเราเลยเราน้อยใจมากบอกเลย ก่อนมาเขียนกระทู้ร้องไห้ไปยกนึงละ)
ผิดไหมที่เรารู้สึกน้อยใจมากกกๆๆ