เรื่องสั้นหน้าเดียว : น่าน...กาลครั้งหนึ่ง

เรื่องสั้น : น่าน กาลครั้งหนึ่ง

ผมพบแบมอีกครั้งโดยบังเอิญ ในสภาพของคนป่วยกับหมอ ไม่ใช่คนรักกันเหมือนก่อนนั้น “เมาใช่ไหม” เธอถามขณะเอาน้ำเกลือล้างแผลที่ขาของผม “ปวดขาข้างซ้ายมากเลย หักหรือเปล่า ? ” ผมถามกลับ
“ดีไม่ตายหรือพิการไปซะ” คุณหมอไม่ตอบอีก เธอถอดถุงมือโยนใส่ถังขยะแล้วทิ้งให้พยาบาลและผู้ช่วยพยาบาลที่กำลังตกใจกับท่าทีที่ไม่เคยเห็นของหมอผู้เอื้ออารีมาทายาและคาดผ้าปิดแผลจากการล้มรถมอเตอร์ไซด์ของผมเมื่อพักใหญ่ๆ เกือบหนึ่งทุ่มครึ่งผมรอรับยาเสร็จพร้อมขาไม้ที่ได้รับมา ก็คว้าถุงยาหลายชนิดพยุงตัวเองกลับบ้าน ซิตี้คาร์คันเล็กเข้ามาจอดเทียบฟุตบาทช้า ๆ แบมเอื้อมมือมาเปิดประตูฝั่งคนนั่งข้าง เฉี่ยวขาที่สามผมไปนิดเดียว

“ขึ้นมา เดี๋ยวไปส่ง” ผมก้าวช้า ๆ ไม่ถนัดเอาซะเลย เธอเห็นผมยักแย่ยักยัน ก็เลยลุกเดินอ้อมมาประคองผมเข้าไปนั่งตอนหน้าคู่กับเธอจนสำเร็จ “ขอบใจนะ” ผมก้มมองแผลที่รู้สึกจะมีเลือดซึมออกมาตอนจะฝืนตัวลงนั่ง เธอเปิดไฟในเก๋งก้มมองดูขาผม “นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก” ผมพยักหน้า “ออกเวรแล้วเหรอ” เธอพยักหน้าแล้วว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่แบมขับรถให้พี่นั่ง” ผมจำได้หมอสาวร่างเล็กที่มาร่วมในโครงการแพทย์อาสาของสมเด็จย่าตั้งแต่จบใหม่ ๆ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ในโครงการหลวง ที่ต้องมีหน้าที่ขับรถพาเธอและทีมไปเยี่ยมผู้ป่วยไข้บนดอยสูงหลายครั้ง และเราก็เริ่มใกล้ชิดกัน ความสัมพันธ์ระหว่างช่างยนต์ต๊อกต๋อยกับหมอสาวอนาคตไกล ผมเคยบอกเธอว่าสถานที่และบรรยากาศอาจทำให้เธอตกหลุมรักอุปกรณ์ประกอบฉากอย่างผม แต่เธอกลับถามผมว่าผมรู้สึกลึกซึ้งและรักเธอหรือเปล่า ผมไม่กล้าตอบความจริง จนกระทั่งเธอย้ายกลับลงไปกรุงเทพฯ

สี่ปีที่ผมและเธอไม่เคยติดต่อกันเลย เราต่างเหมือนสายลมที่พัดผ่านกันไปเท่านั้น วันนี้คงเป็นเพราะโชคชะตาลิขิต ผมถูกส่งให้ลงมาดูการติดตั้งโรงสีข้าวชุมชนที่น่าน เจอพรรคพวกเก่า ๆ พวกเขาก็รับรองผมกันจนมึนมาตั้งแต่เที่ยง ยังไม่ทันหกโมงผมก็ต้องขอตัวกลับเพราะพรุ่งนี้ต้องเริ่มงาน อีกอย่างก็ต้องสารภาพว่าไม่คุ้นกับเหล้าพื้นถิ่นที่นี่ แม้จะถนอมตัวอย่างไรแต่ผมก็ควบมอเตอร์ไซด์ที่เช่ามาจากร้านเพื่อนพุ่งลงฝายก่อนเข้าที่พักจนได้ ดีที่ชาวบ้านช่วยพามาที่โรงพยาบาลอำเภอได้ทัน ก่อนผมจะนอนหนาวตายเพราะปีนขึ้นมาบนถนนไม่ไหว

“กินข้าวก่อนนะ” เธอบ่นว่าหิวมาตลอดทางก่อนพาผมมาร้านอาหารเล็ก ๆ ริมแม่น้ำน่าน แสงไฟสะท้อนสายน้ำงามตา แว่วเพลงพื้นเมืองทำนองรื่นหู เรานั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ ลมหนาวโชยมาแผ่ว ผมเห็นเธอทำไหล่ห่อเพราะชุดแซกแขนกุดไม่ป้องความหนาวได้มากนัก ผมยื่นผ้าพันคอลายตารางให้เธอคลุมไหล่ มันดูเข้ากับชุดที่เธอใส่วันนี้จัง เธอขอบคุณเบา ๆ อีกสิบนาทีต่อมาเธอก็ขับรถช้า ๆ มาส่งผมที่หน้าบ้านพัก ช่วยพยุงผมเข้าบ้าน ก่อนจะกลับเธอบอก “อย่าให้แผลโดนน้ำนะ พรุ่งนี้เย็น ๆ จะมารับไปโรงพยาบาล” ผมลุกขึ้นมองเธอขับรถออกไป ลมหนาวผัดผ่านหน้าต่างมุ้งลวดเข้ามาอีกระลอก ไม่หนาวอย่างเคยหนาว บาดแผลไม่มีเลือดซึมไหลดูเหมือนความเจ็บปวดจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่